บทที่ 4 เหยียนหลี
ณ กระท่อมไม้หลังเล็กซ่อนตัวอยู่กลางป่าในทิศเหนือ
เฟิงหลงเหยียนร่ายมนตร์อย่างแผ่วเบา อักขระวิญญาณที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นรอบบริเวณ กระจายเป็นม่านหมอกบาง ๆ ที่เปล่งพลังอ่อนโยนแต่อันตรายแก่ผู้บุกรุก ภายใต้พลังอาคมนี้ ไม่มีใครสามารถมองเห็นหรือสัมผัสกระท่อม
หลังนี้ได้
ในกระท่อม เฟิงหลงเหยียนนั่งขัดสมาธิอยู่กลางห้องเล็ก ๆ บรรยากาศภายในสงบเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจของเขากับเสียงกองไฟที่ลุกโชนในเตาเล็ก ๆ บนโต๊ะไม้เก่า ๆ ดอกบัวสีทองเปล่งแสงเรืองรองประหนึ่งสิ่งมีชีวิต พลังของมันแผ่ซ่านเบาบาง แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบข้างดูบริสุทธิ์
เขามองดอกบัวอย่างครุ่นคิด ความอ่อนโยนในแสงนั้นทำให้หัวใจที่เคร่งขรึมของเขารู้สึกผ่อนคลาย
“ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์บอกให้เลี้ยงเจ้า...จนกลายร่างเป็นมนุษย์”
เขาพึมพำ เสียงทุ้มต่ำของเขาก้องในห้อง
“แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร จะเลี้ยงดูเจ้าดั่งไร้รูปร่างไปจนถึงเมื่อใด?”
เขาเอื้อมมือไปสัมผัสกลีบดอกบัว กลีบนั้นนุ่มนวลอย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับตอบสนองต่อสัมผัสของเขา แสงสีทองส่องประกายสว่างวาบ ก่อนจะค่อย ๆ หรี่ลงด้วยความอบอุ่น
“เจ้าจะกลายร่างเป็นมนุษย์…เจ้าก็ต้องมีชื่อ”
เขาเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ สายตาเจือความอ่อนโยน
“ฟางเสียนหลีคงไม่ว่าอะไร หากข้าตั้งชื่อเจ้าว่า เหยียนหลี เพราะมันคล้ายคลึงกับชื่อของนาง”
ในมิติแห่งจิตวิญญาณ ดวงแสงเล็ก ๆ ซึ่งเป็นแก่นจิตของดอกบัวนิรันดร์ล่องลอยอยู่ในความเวิ้งว้าง เงียบงันมาตลอดนับพันปี แต่เมื่อเสียงของเฟิงหลงเหยียนเอ่ยชื่อ "เหยียนหลี" ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
ดวงแสงนั้นเริ่มสั่นไหว เต้นระริกด้วยความตื่นเต้น
“เหยียนหลี… ชื่อของข้าหรือ?”
เสียงอ่อนหวานแผ่วเบาดังขึ้นในใจของเธอเอง มันเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตน เธอไม่เคยมีใครมอบสิ่งใดให้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือการยอมรับ
“ข้ามีชื่อ… ข้ามีตัวตนจริง ๆ แล้ว”
ดวงแสงเต้นระริกแรงขึ้น แสงสีทองที่เปล่งออกมาจากดอกบัวในโลกภายนอกยิ่งทวีความสว่าง เฟิงหลงเหยียนรับรู้ได้ถึงพลังที่เชื่อมโยงกับเขา มันเต็มไปด้วยความอบอุ่นและชีวิตชีวา
“ดูเหมือนเจ้าจะพอใจชื่อนี้สินะ”
เขายิ้มเล็ก ๆ ขณะพูด
“เหยียนหลี ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้า จนกว่าเจ้าจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ”
เฟิงหลงเหยียนหยิบผ้าขาวสะอาดมาห่อดอกบัวไว้ ก่อนจะวางลงในกล่องหยกที่สลักอักขระคุ้มครองรอบด้าน แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าจะเลี้ยงดูเหยียนหลีอย่างไรให้สำเร็จ เขากลับมีความตั้งใจอันแรงกล้าว่าจะไม่ให้สิ่งใดมาทำร้ายนาง
“เจ้าจะต้องปลอดภัย… ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้า”
คำพูดของเขาไม่ได้เป็นเพียงคำมั่น แต่มันสะท้อนความจริงจังที่อยู่ลึกในใจ
ในมิติแห่งจิตวิญญาณ ดวงแสงเล็ก ๆ ที่เป็นจิตวิญญาณของ
เหยียนหลีเต้นระริกราวกับแสงดาว นางรับรู้ได้ถึงคำสัญญาของเฟิงหลงเหยียน
“เขาให้คำมั่น… ข้าจะเชื่อใจเขา”
นางพึมพำในใจ เสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ข้าจะเติบโต… ข้าจะกลายเป็นมนุษย์ให้ได้...”
ดวงแสงเล็ก ๆ เริ่มส่องสว่างมากขึ้น พลังที่เปล่งออกมานั้น
แผ่วเบาแต่บริสุทธิ์ เหยียนหลีเริ่มก่อรูปก่อร่างในมิติวิญญาณ แม้จะยังเลือนราง แต่ก้าวแรกของนางก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
และในโลกแห่งความเป็นจริง เฟิงหลงเหยียนนั่งเฝ้าดูดอกบัว
สีทองด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดรอเขาอยู่ในอนาคต แต่เขารู้เพียงอย่างเดียว…เขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากดอกบัวดอกนี้เด็ดขาด
ในวันต่อมา
เฟิงหลงเหยียนนั่งอ่านตำราเก่าแก่ที่เขานำติดตัวมาจากแดนเทพเพื่อค้นหาวิธีเลี้ยงดูจิตวิญญาณให้สมบูรณ์ เขาพึมพำกับตัวเองขณะอ่านข้อความในหน้าหนึ่ง
“การเลี้ยงจิตวิญญาณให้กลายร่างเป็นมนุษย์ต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลกับจิตวิญญาณ…”
“ความสัมพันธ์?”
เขาขมวดคิ้ว
“ข้าต้องสื่อสารกับเหยียนหลีอย่างนั้นหรือ?”
ทันใดนั้น เสียงแผ่วเบาเหมือนสายลมดังขึ้นในหัวของเขา
“เหยียนหลี…ข้าชื่อเหยียนหลี”
เสียงนั้นหวานใส ราวกับกระซิบผ่านสายลม
เฟิงหลงเหยียนชะงัก ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะมองไปยังกล่องหยกที่เรืองแสงอ่อน ๆ
“เจ้า?”
เขาเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
“ข้าชื่อเหยียนหลี…”
เสียงนั้นตอบกลับด้วยความดีใจ
“ท่านมอบชื่อให้ข้า… ข้าดีใจยิ่งนัก”
เฟิงหลงเหยียนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“ดูเหมือนเจ้าจะเริ่มสื่อสารกับข้าได้แล้วสินะ”
“ข้าจะตั้งใจ ข้าจะกลายเป็นมนุษย์ให้ได้…เพื่อทดแทนเจ้า ในที่สุดข้าก็เริ่มมีตัวตนได้เสียที”
เสียงของเหยียนหลีเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น
เฟิงหลงเหยียนยิ้มบาง ก่อนจะตอบกลับ
“ไม่ต้องทดแทนสิ่งใด ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจะเติบโตอย่างสมบูรณ์”
คำพูดนั้นทำให้เหยียนหลีเงียบไปชั่วขณะ จิตวิญญาณของเธอรับรู้ถึงความจริงใจจากเฟิงหลงเหยียน ความอบอุ่นนั้นหลอมรวมเข้ามาในหัวใจที่เพิ่งก่อร่างของเธอ
“ข้าสัญญา… ข้าจะทำให้ตัวเองคู่ควรกับชื่อที่เจ้ามอบให้ ข้าจะกลายร่างเป็นมนุษย์ให้ได้”
เฟิงหลงเหยียนพยักหน้าเบา ๆ เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า
"เจ้ารู้หรือไม่ ว่าความพิเศษของดอกบัวนิรันดร์คืออะไร?" เฟิงหลงเหยียนกล่าวพลางยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
"ข้าไม่รู้ แค่ข้าได้อยู่กับท่าน คงพิเศษแล้วกระมัง"
คำตอบของเหยียนหลีทำให้เฟิงหลงเหยียนหัวเราะเบา ๆ
"เจ้าช่างเฉลียวฉลาดจริง ๆ แต่มันยังมีความลับอีกมากมายที่เจ้าคงยังไม่รู้..."
ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มหยุดชะงัก สายตาเรียวยาวของเขาจ้องไปยังหน้าต่างกระท่อม ราวกับจับสัมผัสบางอย่างที่ผิดปกติได้ พลังอาคมที่ล้อมรอบกระท่อมสั่นไหวเบา ๆ คล้ายถูกกระทบ
"มีบางอย่างเกิดขึ้น"
เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่หนักแน่น มือขวาวางถ้วยชาลงอย่างนุ่มนวล แต่สายตากลับคมกริบ
"ดูเหมือนว่าเราจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ"
"แขก?"
เหยียนหลีขมวดคิ้วเล็กน้อยอยู่ในดอกบัว สัมผัสถึงความไม่ปกติ
"ท่านคิดว่าผู้ใดกล้าบุกรุกที่นี่?"
"ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าจะไปดูให้รู้"
เฟิงหลงเหยียนลุกขึ้นยืนท่าทางมั่นคง เสื้อคลุมยาวสีเข้มสะบัดเบา ๆ
"เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ประเดี๋ยวข้ามา"
เหยียนหลีพยักหน้าช้า ๆ อยู่ในดอกบัว ทว่าหลงเหยียนไม่อาจเห็นได้ ดวงหน้าสวยมีรอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้า แม้ในสถานการณ์เช่นนี้
"อย่าห่วงข้า ท่านตามสบายเถิด แต่จงระวังตัวด้วย"
"ข้ารู้ดี ขอบใจ"
เฟิงหลงเหยียนตอบสั้น ๆ ก่อนจะหมุนกายออกจากกระท่อม เสียงฝีเท้าของเขาเงียบงัน ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของสายลมที่
พัดผ่าน