1
คืนพลั้ง
ส้นสูงสี่นิ้วสีขาวก้าวอย่างซวนเซบนผืนหญ้าชุ่มน้ำฝนที่พรำลงมาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน พิณลดาหญิงสาววัยสิบแปดปี ขณะนี้ไม่อยู่ในสภาพที่สติเต็มร้อยนัก เพราะฤทธิ์สุรากำลังกัดกร่อนสัมปชัญญะของเธอ
พิณลดาเดินโซเซอย่างพยายามประคองสติสุดกำลัง จุดหมายของเธอคือบ้านพักคนงานที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ ซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว
พิณลดาหนีเที่ยวเป็นครั้งแรกหลังจากที่ทราบว่าคืนนี้บิดาซึ่งเป็นคนขับรถจะตามเจ้านายไปงานเลี้ยง และคงกลับมาไม่เกินเที่ยงคืน นักศึกษาแพทย์ที่คร่ำเคร่งกับตำราเรียนมาตลอดทั้งวันจึงแอบหนีออกไปเคลียร์สมองโดยไม่แจ้งให้ใครทราบ
“เอ? … คุ้นๆ เหมือนลืมอะไรสักอย่างที่บ้านหลังนั้นเลยแฮะ… แล้วลืมอะไรไว้หว่า?”
พิณลดาแหงนมองหน้าต่างห้องของจรณ์ บุตรชายวัยสามสิบสี่ปีของเจ้าสัวล้อมเดช นาถสุวรรณ พลันอยู่ๆ สมองที่ตื้อตันก็ถูกความทรงจำเมื่อช่วงบ่ายจู่โจม
ตอนนั้นเธอเบื่อกับการท่องตำราแพทย์มาทั้งวันจึงไปช่วยป้าแย้มทำความสะอาดห้องของคุณจรณ์
‘พิณเช็ดโต๊ะทำงานของคุณจรณ์ให้เอี่ยมอ่องเลยนะ อย่าให้มีฝุ่นเกาะแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะบนสันหนังสือ ผิวโต๊ะ หรือแม้แต่ซอกหลืบข้างในขอบโต๊ะ’
‘โห! ต้องขนาดนั้นเลยเหรอคะ ซอกหลืบอยู่ไกลจากระยะที่สายตามองเห็นก็ต้องใส่ใจด้วยเหรอ’ พิณลดาถือไม้ขนไก่ขณะหันไปถามแม่บ้านวัยสี่สิบแปดปีที่ยืนเช็ดขอบหน้าต่างอยู่
‘ทุกซอกทุกหลืบในห้องของคุณจรณ์ต้องใส่ใจอย่างละเอียด แกเป็นคนชอบเห็นอะไรสะอาดๆ ไม่ชอบความไม่เป็นระเบียบ’
‘จริงเหรอคะ ไม่น่าเชื่อเลย เขารักความสะอาดได้ขัดกับหน้าตาสุดๆ คุณโจร เอ้ย! คุณจรณ์แกดูเป็นคนเซอร์ๆ บางครั้งหนูเห็นเขาไว้หนวดเครารุงรังเหมือนโจรป่า นี่ถ้าพิณไม่รู้ว่าชื่อของเขามีตัวณ.เณรการันต์ด้วย คงคิดว่าชื่อนี้ย่อมาจากจรจัด’
พิณลดานินทาเจ้านายของพ่อแล้วหัวเราะคิกคัก แม้ปากว่าอย่างนั้น แต่กำลังสวนทางกับหัวใจที่เต้นตึกตักยามเอ่ยถึงเขา
เธอแอบชอบเขา ชอบเจ้านายของพ่อ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความหลงใหลได้ปลื้มตามประสาเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น เธอไม่เคยคิดใฝ่สูง
พิณลดาเป็นลูกคนใช้ที่แวะเวียนมาหาบิดาที่นี่เป็นครั้งคราว แต่หลังจากที่มารดาบิดาหย่าร้างกันเมื่อหนึ่งปีก่อน พิณลดาก็เข้ามาอาศัยที่นี่อย่างเต็มเวลา กระนั้นเธอก็ไม่เคยป้วนเปี้ยนให้เจ้านายของพ่อเห็น พวกเขาเพียงแค่รับรู้การมาอาศัยของเธอ และเมื่อพิณลดาสอบติดแพทย์ ก็ย้ายไปอยู่ที่หอในมหาวิทยาลัยเป็นส่วนใหญ่ และด้วยความที่ช่วงนี้เป็นวันหยุดเธอเลยถือโอกาสแวะเวียนมาเยี่ยมพ่อ
‘เรานี่นะชอบนินทาว่าร้ายคุณจรณ์จริงๆ’ ป้าแย้มปรามอย่างไม่จริงจังพลางหันไปเช็ดขอบหน้าต่างต่อ ‘คุณจรณ์น่ะเห็นภายนอกแกดุๆ เหมือนโจรป่า แต่แกใจดีและเป็นกันเองมากนะ พิณยังไม่เคยไปปรากฏตัวต่อหน้าคุณจรณ์ก็เลยยังไม่รู้จักเขาดี ไว้หาโอกาสเหมาะๆ ให้พ่อเราพาไปสวัสดีสิ’
‘ไม่ดีกว่าค่ะป้าแย้ม ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไร แค่คุณท่านผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านรับรู้ก็พอแล้ว อีกอย่างพิณเข้ามหา’ลัยแล้วก็คงไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก เรียนหนักมาก’
‘จริงด้วยเนอะ ยัยหนูพิณของป้าคือว่าที่คุณหมอนี่นา ถ้าวันที่พิณเรียนจบมาถึง พ่อเราคงดีใจน้ำตาไหลไปสามวันแน่ แค่ตอนนั้นพิณสอบติดคณะแพทย์เขาก็น้ำตาไหลทุกสามมื้อหลังอาหารแล้ว’
‘เวอร์หรือเปล่าคะป้า’
‘ไม่เวอร์หรอก ถามยายน้อยกับตาโก้ก็ได้ว่าพ่อเราร้องไห้จริงไหม มีลูกสาวทั้งสวยทั้งเก่ง ขยันหมั่นเพียรอย่างนี้พ่อเราเขาภูมิใจมากๆ พิณก็ตั้งใจเรียนนะลูก พ่อเราจะได้ฝากผีฝากไข้ได้ เอ้อ! แล้วนี่ตรงโต๊ะของคุณจรณ์น่ะถ้าเช็ดถูแล้วก็วางทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมนะ ถ้ามีอะไรที่ไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม คุณจรณ์แกจะรู้ได้ทันทีเลย’
‘นายน้อยทรงโจรของป้าแย้มนี่ดูจะจู้จี้จุกจิกมากเลยนะคะ’ พิณลดายังยืนยันคำเดิมว่าความเจ้าระเบียบของเขาดูช่างขัดแย้งกับหน้าตาเสียจริง
‘ป้าพูดจริงนะ ครั้งก่อนป้าวางที่ทับกระดาษผิดที่ แกยังจำได้เลย’
‘เป็นเอามาก’
‘เอาน่า อย่าบ่นเลย เอ็งมาช่วยป้าทำงานแบบนี้ก็ทำให้มันดีๆ หน่อยละกันนะ ป้าไม่อยากโดนตำหนิอีก’
‘ได้จ้ะป้าแย้มคนดี พิณจะเช็ดถูให้เอี่ยมอ่องเงาวับ และจะไม่ขยับเขยื้อนอะไรบนโต๊ะนี้เลยสักอย่าง’
ทั้งที่ปากว่าเช่นนั้น แต่มือกลับหยิบที่ทับกระดาษพร้อมแท่นวางปากกาไปไว้บนชั้นหนังสือด้านหลังเพื่อให้สะดวกต่อการเช็ดถู
“ตายแล้ว เราลืมเก็บที่วางปากกากับที่ทับกระดาษแน่ๆ เลย” ซึ่งหากไม่ได้ลืมจริง ก็เป็นไปได้ว่าเธอเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ
มือเล็กทุบศีรษะตัวเองไปมาเพื่อคืนสติและเรียกหาการตัดสินใจ พลางเงยมองหน้าต่างห้องของจรณ์ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีที่รักความเป็นระเบียบตรงข้ามกับหน้าตาทรงโจร
“หรือเราอาจจะเก็บเรียบร้อยแล้วนะ... แต่ถ้ายังไม่เก็บ ป้าแย้มก็จะโดนเรียกไปตำหนิอีก เอาไงดีล่ะเนี่ย?”
พิณลดากวาดตามองคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ปกคลุมด้วยความเงียบงัน แต่รายล้อมด้วยโคมไฟสว่างจ้าทั่วทิศทาง นิเวศสถานหลังนี้มีเจ้านายอาศัยอยู่ทั้งสิ้นสี่ท่าน คือเจ้าสัวล้อมเดช จักรินผู้เป็นลูกชายคนโต ราณีภรรยาคนสวยของจักริน และจรณ์ทายาทคนสุดท้อง
พิณลดาทราบมาว่าช่วงสองวันมานี้เจ้าสัวล้อมเดชพร้อมลูกชายคนโตและสะใภ้เดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ จึงเหลือแค่จรณ์ที่อยู่เฝ้าบ้าน และคืนนี้พิณลดาทราบมาว่าเขาไปร่วมงานเลี้ยง โดยมีพ่อของเธอทำหน้าที่ขับรถและต้องอยู่รอจนกว่าเจ้านายจะเสร็จธุระ
“พ่อบอกจะกลับมาประมาณเที่ยงคืน แปลว่ายังพอมีเวลาอยู่” ริมฝีปากเล็กขบเม้มอย่างชั่งใจก่อนถอนหายใจออกมา “เอาวะ! ลองเสี่ยงดู”
นักศึกษาสาวปีหนึ่งตัดสินใจเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่เวลานี้ปลอดเจ้านาย พิณลดาถอดรองเท้าส้นสูงไว้ตรงประตูทางเข้าหลังบ้านซึ่งเชื่อมไปสู่ห้องครัว เมื่อเดินทะลุไปถึงโถงใหญ่กลางบันไดก็เมียงมองอย่างระแวดระวังอีกครั้ง จากนั้นก็ย่องขึ้นบันไดสู่ชั้นสามอันเป็นที่ตั้งของห้องนอนคุณจรณ์ พิณลดาหมุนลูกบิดเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านใน
“ลืมเก็บจริงๆ ด้วย ดีนะที่จำได้ ไม่งั้นป้าแย้มโดนดุแน่”
หญิงสาวกุลีกุจอนำที่ทับกระดาษและแท่นเสียบปากกามาวางไว้บนโต๊ะทำงานดังเดิม แม้ตอนนี้สมองยังไม่ปลอดโปร่งเต็มที่ แต่ก็คาดว่าน่าจะวางถูกตำแหน่งแล้ว
ก๊อก แก๊ก!
พิณลดาพลันหูผึ่งตัวแข็งทื่อกับเสียงหมุนลูกบิดที่ดังขึ้น นาทีต่อมาภายในห้องกว้างที่ไร้แสงไฟก็พลันสว่างเจิดจ้าพร้อมกับร่างบางที่รีบผลุบนั่งอยู่หลังโต๊ะ
“คุณจรณ์นี่ตัวหนักไม่เบาเลยนะครับ”
“ก็ผมแข็งแรง” เสียงยานครางร้องตอบมานพซึ่งเป็นคนขับรถประจำบ้าน
กายแกร่งทรุดนั่งบนที่นอน ถอดถุงเท้าและตามด้วยเชิ้ตสีดำที่เพียงพริบตาเดียวก็หายออกไปจากเรือนร่าง จรณ์เอนตัวนอนในสภาพที่สองขายังห้อยอยู่ปลายเตียง พลางปลดล็อกโทรศัพท์แล้วยื่นให้มานพ
“โทร.หาลิลลี่แล้วบอกให้มาหาผมที่นี่ด่วน”
“ครับ” มานพรับคำพร้อมต่อสายหาลิลลี่ที่อยู่ในรายชื่อของจรณ์ มานพรอจนสัญญาณดับไปก็ไม่มีการตอบรับ “เอ่อ คุณลิลลี่ไม่รับสายครับ”
“...”
“คุณจรณ์ครับ คุณลิลลี่เธอไม่รับสายครับ”
มานพชะโงกมองเจ้านายที่ปิดเปลือกตาลงพร้อมผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ดื่มหนักจนเดินไม่เป็นเส้นตรงขนาดนี้ก็ยังจะเรียกหาผู้หญิงมาบริการอีก มานพอยากให้เจ้านายได้พักผ่อนจึงวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงแล้วออกไปจากห้องพร้อมปิดไฟให้เรียบร้อย
พิณลดาตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง หัวใจยังเต้นไม่เป็นส่ำแม้ว่าพ่อออกไปแล้วก็ตาม เธอตั้งใจว่าจะแอบไปเที่ยวแล้วกลับมาก่อนพ่อ แต่ดูท่าว่าตอนนี้คงต้องใช้แผนสำรองแล้ว เพราะหากพิณลดาโผล่หน้ากลับไปทีหลังพ่อ มีหวังคงโดนเค้นหนักแน่
ดังนั้นพิณลดาจึงส่งข้อความบอกพ่อว่าคืนนี้จะนอนที่หอพักตามแผนสำรองที่ร่างไว้ในหัว