บทที่๑ บทนำ
ชั้นหนึ่งของบ้านถูกจัดเป็นพิธีบำเพ็ญศพตามประเพณีของคู่สามีภรรยาที่ตายตกไปพร้อมกันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เหลือไว้เพียงลูกสาวเพียงคนเดียวในวัยสิบหกปีไว้ลำพังจนน่าสงสาร
“ไปอยู่กับแม่นะน้องหวาน” เสียงโอบอ้อมอารีย์ของหญิงวัยสี่สิบกลาง ๆ เอ่ยกับลูกสาวเพื่อนสนิทที่รักและเอ็นดูดั่งลูกสาวของตน มือบางยกขึ้นลูบหัวทุยของเด็กสาวที่นั่งตาบวมจากการสูญเสียอย่างรับไม่ได้
“หนูคิดถึงพ่อกับแม่จังเลยจ้ะแม่นง” น้ำหวาน น้ำตารื้นออกมาอีกครั้งเมื่อหันไปพูดกับผู้ใหญ่ที่ตนเรียกขานว่าแม่มาตั้งแต่จำความได้
“ไม่เป็นไรนะลูก พ่อกับแม่ไปสบายแล้ว ต่อไปนี้แม่จะดูแลหนูเองนะ” ดึงร่างเล็กของเด็กสาวมากอดไว้เป็นการปลอบอย่างสงสารเวทนา
“ไม่ต้องร้องแล้วนะลูกนะ ต่อไปก็ไปเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่เนอะ” นายชิดดวงตาแดงก่ำยื่นมือไปตบหลังบางเบา ๆ อย่างให้กำลังใจลูกสาวของเพื่อนรัก
นายชิดเพื่อนสนิทของนายอี๊ด นางนงเพื่อนสนิทนางจันทร์ สามีภรรยาสองคู่ที่มีเรื่องราวดี ๆ ต่อกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เป็นดั่งเพื่อนรักเพื่อนตาย ต่อให้ทั้งคู่จะสร้างครอบครัวและอยู่กันคนละตำบล แต่ก็ยังคงติดต่อและไปมาหาสู่กันอยู่ประจำจนเหมือนครอบครัวเดียวกัน
วันนี้ที่เด็กสาวไร้พ่อขาดแม่ ส่วนญาติพี่น้องก็ไม่ค่อยมีกำลังในการเลี้ยงดูให้ดีเท่าที่ควร พอมีคนรู้จักมักคุ้นเอ่ยปากจะเอาเด็กสาวไปอยู่ด้วยพร้อมกับเด็กสาวก็ยินดีจะเลือกญาติไร้สายเลือด จึงไม่มีใครขัดข้องหรือมีปัญหาอะไร
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพ ภายในบ้านสองชั้นที่เคยอยู่กันสามคนครอบครัวก็เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัด น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งด้วยความคิดถึงโหยหา แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสอ้อมกอดของพ่อแม่ได้อีกแล้ว
“ไปกันเถอะลูก” นางนงยิ้มเศร้าให้เด็กสาวตรงหน้า ก่อนจะมองบ้านที่เคยมาเยี่ยมหาบ่อย ๆ แต่หลังจากนี้คงไม่ได้มาอีกแล้ว เจ้าของบ้านที่เป็นเพื่อนรักไม่อยู่ต้อนรับอีกแล้ว
“จ้ะ” น้ำหวานตอบรับเสียงสั่น ก่อนจะกอดกระเป๋าใบเล็กที่มีของหวงแหนในนั้นไปขึ้นรถกระบะของผู้ใหญ่ที่เคารพรักไม่ต่างจากพ่อแม่
ผู้โดยสารเบาะหลังไม่สามารถห้ามน้ำตาให้หยุดไหลได้ เธอพยายามอย่างมากไม่ส่งเสียงสะอื้นไห้ออกมา ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าจนคู่สามีภรรยาด้านหน้าหดหู่ใจในอกด้วยความเวทนา
ก็ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้ความรักของทั้งสองจะทำให้เด็กสาวสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและไม่รู้สึกขาดหายในส่วนใดไป
รถกระบะสี่ประตูแล่นมาจอดในบ้านปูนแซมไม้เล็กน้อยขนาดสองชั้น บริเวณรอบบ้านกว้างขวางใหญ่โต มีรถไถและรถเกี่ยวข้าวจอดอยู่ตามอาชีพของเจ้าบ้าน บ้านที่น้ำหวานก็เคยมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่หลายปีให้หลังไม่ได้มาจึงรู้สึกว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไปจนไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตา
“ถึงแล้วลูก” นางนงเอี้ยวหันพูดกับเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม ลงจากรถพร้อม ๆ กันกับสมาชิกใหม่ “เข้าบ้านกันเถอะ เดี๋ยวแม่พาไปดูห้อง”
จูงมือเล็กและช่วยถือกระเป๋าของเด็กสาวเข้าบ้านตรงชั้นสอง เลือกห้องว่างติดกับห้องเก่าของลูกชายให้เด็กสาวได้พักอาศัย
“อยู่ได้ไหมลูก” นายชิดถามขึ้นอย่างใส่ใจ
“อยู่ได้จ้ะ” ยิ้มรับแม้ดวงตาจะยังคงเหลือความเศร้าอยู่เต็มดวง มองห้องใหม่ที่กว้างกว่าห้องเก่าที่บ้านของเธอนิดหน่อย มีเฟอร์นิเจอร์ครบถ้วนพร้อมเข้าอยู่
“แม่ให้พี่เขาเตรียมห้องไว้ให้ ถ้าขาดเหลือตรงไหนบอกแม่นะ” พี่ที่พูดถึงหมายถึงลูกชายของตนที่ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยเพราะอยู่ในช่วงมหาฯลัยมักนอนเมืองอยู่หอ แต่นี่สั่งเด็ดขาดให้กลับมาจัดเตรียมทุกอย่างรอเลยพร้อมอยู่
“ตอนนี้พี่เขาน่าจะกลับเมืองไปแล้ว เด็กมหาฯลัยก็แบบนี้ เห็นว่ากิจกรรมเยอะ” นายชิดพูดบอกเมื่อเห็นเด็กสาวหันมองเหมือนหาใครหลังพูดคำว่าพี่ออกมา
“จ้ะ”
“เอาของไปเก็บกันลูก เดี๋ยวแม่ไปหาอะไรให้กินจะได้พักผ่อน” นางนงพูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
“จ้ะ” น้ำหวานตอบรับก่อนจะพาตัวเองเข้าไปภายในห้องใหม่ ชีวิตใหม่ ครอบครัวใหม่
หลังจากนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตยังไง เกิดมาขาดพ่อขาดแม่พร้อมกันอย่างไม่ได้ตั้งตัวและไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง หวังว่าหลังจากนี้จะพบเจอแต่เรื่องดี ๆ กับคนอื่นเขา