บทที่๒ จีบหรือหยอก

1305 Words
หญิงสาววัยสิบหกในวันนั้นตอนนี้เป็นสาวมหาฯลัยในวัยสิบเก้าปี และด้วยบ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองมากจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะต้องมาอาศัยอยู่หอพักในเมืองใกล้แหล่งสถานศึกษา และเธอในวัยขึ้นปีหนึ่งส่วนใครอีกคนก็อยู่ปีสี่ เขายังคงอยู่หอเหมือนเดิม เป็นหอเดียวกันที่เขาบังคับเลยก็ว่าได้ “หวานบอกอยู่หอในก็ไม่ฟัง มันประหยัดกว่าตั้งเยอะ” น้ำหวานบ่นให้คนที่เธอนับถือเหมือนพี่ชายทันทีในวันที่ย้ายของเข้าหอ และยังเป็นการอยู่หอคนเดียวอีกด้วย “ประหยัดกว่าแต่ไม่สะดวก หรือหวานชอบไปแบ่งห้องน้ำกับเพื่อนให้เสียเวลา” นาย ตอบกลับน้องไม่ได้ร่วมสายเลือดด้วยท่าทีสบาย ๆ เพราะการอยู่หอก็เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา พ่อแม่เขาไม่เกี่ยงอยู่แล้ว “แต่ถ้ากลัวเปลืองก็ย้ายลงมาอยู่ห้องเดียวกับพี่สิ” “ทะลึ่ง!” ว่าให้คนตรงหน้าที่ส่งยิ้มเจ้าชู้ใส่เธอ “นี่น้องนะ” น้ำเตือนสถานะให้เขาได้รับรู้นับครั้งไม่ถ้วน “ถ้าหวานไม่ได้คลอดจากแม่พี่ก็ไม่ถือเป็นน้อง” ตอบกลับอย่างไม่ยอมรับคำพูดของเธอ “แล้วจำไม่ได้เหรอ ผู้ใหญ่เขาหมั้นเราไว้แล้วนะ” เธอนั่นแหละต้องจำว่าเป็นอะไรของเขา ยังจะยัดเยียดความเป็นน้องที่เขาไม่ได้ต้องการให้ตลอด “แต่หวานชอบเป็นน้องสาวพี่นายมากกว่า” เธอยังยืนยันความรู้สึกเดิมกลับไป เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจริงจังหรือแค่อยากแกล้งหยอดเธอเล่น เพราะตอนเธอมาอยู่ที่บ้านเขาแรก ๆ ก็จำได้ว่าเขามีแฟน แต่ประมาณปีกว่าแล้วที่เขาเลิกกับแฟนคนนั้น แล้วหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มทำตัวเจ้าชู้ใส่เธอ หยอดใส่ประจำเหมือนจีบกัน แต่ถึงไม่รู้ว่าเขาอยากจีบจริงหรือแค่หยอกกันเล่น แต่สำหรับเธอก็เห็นเขาเป็นพี่แค่ชายคนหนึ่ง เป็นครอบครัวใหม่ของเธอมาตลอด “แต่พี่ไม่อยากมีน้อง” ถ้าอยากมีคงงอแงให้แม่มีน้องให้ตั้งแต่เด็กแล้วไหมล่ะ “อยากมีเมีย” “อย่าพูดแบบนี้” พูดเสียงและสีหน้าจริงจังเตือนเขา “พี่จีบเอ็งจริง ๆ นะหวาน แล้วถ้าเราคบกันพ่อแม่ต้องมีความสุขแน่” ไม่อย่างนั้นจะหมั้นหมายพวกเขาปากเปล่าตั้งแต่เกิดกันแล้วเหรอ “แค่เรารักกันแบบพี่น้อง พ่อกับแม่ก็มีความสุขเหมือนกัน” “หวานไม่รู้เหรอว่าหวานอยู่บ้านพี่ในฐานะสะใภ้ไม่ใช่ลูก” แม่เขาที่กรอกหูให้ฟังตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มว่าจองเธอไว้ให้เขาแล้ว ด้วยวัยด้วยอายุเขาก็ไม่ได้สนใจหรือบางทีออกจะหงุดหงิดที่แม่เอาแต่พูดถึงเรื่องเขากับน้ำหวานแบบนั้น แต่หลังจากได้เจอกันอีกครั้งในตอนโตหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน ยอมรับเลยว่าเธอสวยต่างจากตอนเด็กที่น่ารัก แต่ด้วยตอนนั้นเขามีแฟนและไม่ค่อยได้อยู่บ้านก็เลยไม่คิดอะไร จนกระทั่งโสดและได้กลับบ้านทุกวันหยุด ได้เห็นเธอและใช้ชีวิตด้วยกันมากขึ้น ความน่ารักของเธอก็ทำให้เขามองเธอเป็นอื่น ผู้ใหญ่หมั้นให้แล้ว เขาก็อยากลองคบหากับเธอด้วยเช่นกัน แต่เป็นเธอที่อะไร ๆ ก็น้องสาวพี่ชายทั้งที่เขาบอกไม่ต้องการสถานะนี้ แต่เธอก็ยังดื้อรั้นจนเขาเริ่มจะหงุดหงิดย้อนถามว่าแม่เขาไปคลอดเธอตอนไหน “ยอมรับความจริงเถอะว่าสุดท้ายแล้วเราต้องได้แต่งงานกัน” เขายิ้มอย่างเหนือกว่ากับความจริงที่ค่อนข้างมั่นใจ “แต่หวานเชื่อว่าพ่อกับแม่จะไม่บังคับเรา” ที่เธอมั่นใจเพราะตลอดเวลาหลายปีที่เธออยู่บ้านเขา พ่อชิดแม่นงไม่เคยพูดเรื่องหมั้นหมายหรือสถานะของเธอกับเขาเลย พ่อกับแม่ทำเหมือนเธอเป็นลูกเลี้ยงดูให้อิสระเธอทุกอย่าง และเธอเชื่อว่าหากโตกว่านี้แล้วเธอมีคนที่รักและอยากคบหา พ่อกับแม่ก็ไม่มีทางขัดขวางหรือห้ามเธอ “พูดแบบนี้ถ้าพ่อกับแม่อยากให้เราหมั้นกันจริงหวานจะปฏิเสธเหรอ” คำพูดของเธอทำให้เขาอดย้อนถามในความคิดจริงไม่ได้ “...” เธอไม่ได้ตอบ เพราะหากวันหนึ่งพ่อกับแม่ขอให้เธอทำ น้ำหนักในใจของเธอคงไม่ปฏิเสธเพราะพวกเขามีบุญคุณกับเธออย่างมากจนตอบแทนไม่หมด แต่เธอก็เชื่อว่ายังไงก็คงไม่เป็นแบบนี้ “ถ้าหวานกล้าทำก็ลองดู” เขาไม่พอใจเลยกับคำพูดและความเงียบของเธอ ทิ้งท้ายไว้ด้วยความโกรธก่อนจะเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างที่เป็นห้องพักของเขาที่อยู่กับเพื่อนสองห้องติดกัน การเป็นนักศึกษาในมหาฯลัยของน้ำหวานผ่านไปได้ด้วยดีทุกอย่าง เรื่องเรียน เพื่อน กิจกรรม เธอสนุกและเต็มที่กับมัน แต่จะมีอยู่เรื่องหนึ่งที่เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดและกังวลเสมอ “ได้เวลากินข้าวแล้ว” “วันนี้อยากไปสวนสาธารณะไหม” “ของใช้หมดหรือยัง ของพี่หมดแล้วไปซื้อกัน” “ให้พี่สอนการบ้านไหม ถึงจะขี้เหล้าแต่พี่เรียนเก่งนะ” “เรียนเหนื่อยไหม” “ไปเรียนกัน” “กลับห้องกัน” “ห้ามใกล้ผู้ชายเด็ดขาดเข้าใจหรือเปล่า” “ห้ามให้ใครมาจีบรู้ไหม แล้วก็ห้ามชอบใครด้วย ไม่งั้นพี่เล่นทั้งคู่แน่” และอีกมากมายที่เขาทำหน้าที่ทั้งเหมือนพี่ชายและคนรักต่อเธออย่างดี มันทั้งดีและมากเกินไปในเวลาเดียวกัน “พี่ไปส่ง” ตารางเรียนของเธอเขามี กิจกรรมอะไรในมหาฯลัยเขารู้ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำหน้าที่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด “หวานไปเองได้” เทอมแรกเขาไปส่งเธอบ้างในวันที่เธอเรียนเช้าเพราะเป็นช่วงที่เขาฝึกงานในบริษัทรถแห่งหนึ่งแถวฉานเมืองไม่ไกลทำให้ไปกลับได้สะดวกสบาย แต่พอเทอมสองที่เขากลับมาเรียนปกติเหมือนกับเธอที่ก็เรียนอยู่ นั่นทำให้เขาตามติดเธอหนักมาก เธอไม่ได้อึดอัดที่มีเขาอยู่ในชีวิต แต่เธออึดอัดตั้งแต่เขาเริ่มแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเธอ เวลาเห็นเพื่อนหรือรุ่นพี่ผู้ชายเข้าหาเขาก็แสดงอำนาจแล้วประกาศบอกผู้ชายเหล่านั้นว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขาทั้งที่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น “ไปด้วยกันนี่แหละประหยัด” ไม่พูดเปล่า แต่ยังจูงมือเธอเดินออกจากห้องอย่างไม่เคยฟังกัน “เห้อ!” เพราะไม่อยากไปเรียนสายเลยทำให้เธอถอนหายใจออกมาแล้วยอมตามเขาไป นั่งรถกระบะที่พ่อเขาซื้อให้ตั้งแต่ขึ้นมหาฯลัยขับไปเรียนด้วยกัน แน่นอนกว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ของเธอกับเขามันก็ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อไปแล้วว่าเธอกับเขาคบกัน มีแต่กลุ่มเพื่อน ๆ ที่สนิทเท่านั้นแหละที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ข้อดีมันก็มีตรงที่บางทีกันผู้ชายที่เธอไม่อยากยุ่งให้พวกเขาไม่ล้ำเส้นเข้ามาใกล้จนน่ารำคาญ แต่ข้อเสียก็มีตรงที่ผู้หญิงบางคนที่ชอบเขาก็เขม่นเธอบ้าง อีกทั้งความรู้สึกมากเกินไปที่เขาไม่เคยคิดจะฟังเธอ คำว่าพี่น้องที่เธอต้องการ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD