เวลาผ่านไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมง
ข้าวฟ่างเดินเข้าออกร้านต่าง ๆ เพื่อหางานทำ แต่ทุกที่กลับให้คำตอบเหมือนกันหมด
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้ทางร้านเต็มแล้วค่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณสมบัติของน้องไม่ตรงกับที่เราต้องการ”
“ขออภัยด้วยค่ะ เรารับคนครบแล้ว”
นี่เป็นที่ที่สามแล้ว… เธอไม่รู้เหมือนกันว่าที่ต่อไปจะรับเธอหรือไม่ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องพยายามต่อไป
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก้าวเข้าไปในโรงแรมหรูใจกลางเมือง หวังว่าอย่างน้อยงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารของโรงแรมนี้อาจจะเป็นไปได้ เพราะหากได้ทำงานที่นี่จริง ๆ ทางออกของเธอพอจะมีทางอยู่
ไม่นานนัก ผู้ช่วยผู้จัดการเดินออกมาหาเจ้าของร่างเล็ก ใบหน้าเคลือบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“น้องข้าวฟ่างใช่ไหมคะ?”
ข้าวฟ่างลุกขึ้นยืนตัวตรงแทบจะทันที สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ใช่ค่ะพี่”
“เชิญน้องเข้าไปสัมภาษณ์ด้านในค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เธอโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการให้เกียรติ ก่อนจะก้าวตามผู้ช่วยผู้จัดการเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ที่แอร์เย็นเฉียบจนรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง
เมื่อเข้าไปด้านใน เธอพบกับชายวัยกลางคนในชุดสูทเนี้ยบ ผู้จัดการโรงแรมกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานหรูหรา สายตาคมกริบของเขามองมาที่เธอด้วยแววตายากจะคาดเดา
“คุณมาจากตระกูลอัครพันธ์ใช่ไหม?”
น้ำเสียงของเขานิ่งและสุขุม ทำให้ข้าวฟ่างรู้สึกเหมือนถูกกดดันอยู่กลาย ๆ
ข้าวฟ่างชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบเบา ๆ
“ค่ะ”
เพียงแค่นั้น ใบหน้าของผู้จัดการก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจของเธอเหมือนถูกบีบรัด
“ขอโทษด้วย พี่ไม่สามารถรับน้องเข้าทำงานได้”
อีกแล้วสินะ…
ริมฝีปากเล็กขยับพึมพำแผ่วเบา
“นี่มันที่ที่สามแล้ว…”
ทุกที่… ทุกคน… พอรู้ว่าเธอมาจากตระกูลอัครพันธ์ คำตอบก็มีแต่ปฏิเสธตลอดสินะ…
ข้าวฟ่างเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนตัดสินใจรวบรวมความกล้าถามออกไปตรง ๆ
“ทำไมเหรอคะ? ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ?”
ชายตรงหน้าเหลือบมองเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ คล้ายไม่อยากตอบ แต่สุดท้ายก็ยอมเอ่ยออกมา
“มีคำสั่งมาจากเบื้องบน…”
“คำสั่ง?” ข้าวฟ่างขมวดคิ้ว มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“ตระกูลของน้องถูกแบล็กลิสต์จากบริษัทใหญ่ทั่วประเทศ” ผู้จัดการพูดชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าของเขานั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ราวกับว่าเป็นเพียงแค่ข้อมูลทั่วไป
“พี่ไม่สามารถรับน้องเข้าทำงานได้”
“แต่ว่า…” ข้าวฟ่างพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปลายเสียงของเธอสั่นจนแทบควบคุมไม่ได้
“ถ้าพี่รับน้องเข้าทำงาน พี่ก็คงต้องมาแบกรับปัญหาของน้องด้วย พี่ขอโทษจริง ๆ หวังว่าน้องจะเข้าใจพี่ด้วยนะ”
คำพูดเหล่านั้นฟังดูสุภาพ แต่กลับหนักหน่วงราวกับมีใครเอาก้อนหินมาถ่วงอยู่กลางอก เจ้าของร่างเล็กยืนนิ่งราวกับถูกตบหน้า เธออยากจะหัวเราะให้กับโชคชะตาอันบัดซบของตัวเองเหลือเกิน
อะไรของพวกเขากัน…
ล้มละลายก็ล้มไปแล้ว ทำไมยังต้องมาตัดช่องทางทำมาหากินของเธออีก เธอแค่ต้องการงาน ไม่ได้จะไปขอเงินใครสักหน่อย!
แล้วแบบนี้… อนาคตของเธอจะเป็นยังไง?
จะต้องกลายเป็นคนว่างงานไปตลอดเลยหรือ?
ข้าวฟ่างสูดหายใจลึก พยายามกดความรู้สึกอัดอั้นที่พุ่งขึ้นมาจุกในอก ก่อนจะฝืนยิ้มออกมาตามมารยาท
“เข้าใจแล้วค่ะ… ขอบคุณนะคะ”
เธอกล่าวสั้น ๆ แม้จะรู้สึกเหมือนถูกตัดหนทางทุกทางจนไม่เหลือที่ยืนให้ตัวเองเลยก็ตาม
จากนั้น เธอก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป โดยไม่หันกลับมามองอีก…
อีกด้านของใต้ฝุ่น
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่าย ขณะที่ใต้ฝุ่นกำลังบรรเลงเพลงรักกับมะม่วง เสียงครางหวานของเธอดังสอดประสานไปกับสัมผัสร้อนแรงที่เขามอบให้ แต่แล้ว
“เวรเอ๊ย!”
เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ใต้ฝุ่นสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะถอนตัวออกจากร่างหญิงสาวที่นอนหอบหายใจอยู่ใต้ร่าง
“พี่ใต้~ อย่าเพิ่งรับเลยค่ะ” มะม่วงออดอ้อน มือเรียวพยายามดึงเขากลับมา
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน” เขาปัดมือเธอออกอย่างไม่ใส่ใจ คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ ไอ้บอล เพื่อนสนิทของเขาโทรมา
ใต้ฝุ่นกดรับสาย “อะไรของมึง?” น้ำเสียงหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“มึงรีบมามหาลัยเร็วเข้า!” ปลายสายพูดเร็วปรื๋อ น้ำเสียงฟังดูตื่นเต้นผิดปกติ
ใต้ฝุ่นขมวดคิ้ว “ทำไมวะ? เสียงมึงนี่ตื่นเต้นอย่างกับไอ้ซีโร่มันโผล่มหาลัยยังไงยังงั้น”
“ก็เออดิ!” บอลตอบทันควัน
ใต้ฝุ่นเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที “มึงพูดจริง?”
“เออดิ มึงรีบมาไว ๆ เลย!”
ใต้ฝุ่นกัดฟันกรอด สูดหายใจเข้าแรง ๆ ก่อนจะตัดสายแล้วลุกขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว
“พี่ใต้ จะไปไหนคะ?” มะม่วงที่ยังนอนอยู่บนเตียงถามเสียงแง่งอน
“มีธุระด่วน” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่เหลียวหลัง
“อะไรของเขากันนะ?” มะม่วงพึมพำงุนงง แต่ก็ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายออกไปจากห้อง ก่อนจะนึกขึ้นได้ เธอรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมแบบลวก ๆ จากนั้นวิ่งตามใต้ฝุ่นไปที่รถด้วยท่าทางร้อนรน
“พี่ใต้ขา~ รอมะม่วงด้วยสิคะ!” เธอส่งเสียงหวาน พร้อมกับเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้าง ๆ คนตัวสูง
ใต้ฝุ่นเหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะถามเสียงเรียบ “ห้องเธออยู่ไหน?”
“อ๋อ อยู่ตึก 5 ประตู 5 แถวมหาลัยค่ะ”
“อืม เดี๋ยวฉันไปส่ง” ใต้ฝุ่นตอบสั้น ๆ
มะม่วงรีบขัดขึ้นทันที “ไหนพี่ใต้บอกว่าคืนนี้จะให้มะม่วงนอนที่บ้านพี่ไงคะ?” เธอทำเสียงอ้อน ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ทว่าใต้ฝุ่นกลับหันมามองเธอด้วยสายตาขวาง ดวงตาคมเข้มฉายแววไม่พอใจ “วันอื่น วันนี้ฉันไม่ว่าง”
มะม่วงหน้าเสียเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันก่อนจะพยักหน้าอย่างจำใจ หากซักไซ้มากกว่านี้คนตรงหน้าคงจะรำคาญเธอ “ก็ได้ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว
หลังจากที่ไปส่งมะม่วงเรียบร้อย ใต้ฝุ่นก็เหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังคณะวิศวะทันที ความสงสัยก่อกวนอยู่ในใจ ถ้าไอ้บอลไม่ได้โกหก งั้นแปลว่า… ไอ้ซีโร่กลับมาแล้วจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
เมื่อใต้ฝุ่นเดินไปถึงจุดนัดหมาย ซึ่งเป็นโต๊ะลายหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ เสียงตะโกนดังลั่นก็ดังขึ้นทันที
“ไอ้ใต้ ทางนี้โว้ย!” บอลโบกมือหยอย ๆ เป็นสัญญาณ พร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดีที่นั่งแอ๊คอยู่ข้าง ๆ
ทันทีที่เห็นหน้ากัน คำทักทายแรกจากซีโร่ก็โพล่งขึ้น “ว่าไง ไอ้มหันตภัย!”
ใต้ฝุ่นขมวดคิ้วทันที ก่อนจะสวนกลับด้วยน้ำเสียงกวนประสาท “ไอ้ซีเรียล ไอ้อาหารหมา! นี่มึงยังโผล่หัวมามหาลัยได้อีกเหรอ? กูนึกว่ามึงโดนไล่ออกไปแล้วนะ!”
ซีโร่ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ใครจะกล้าไล่กู เผลอ ๆ กูจะไล่อาจารย์ออกเองซะมากกว่า”
“ไอ้เวร อกตัญญู!” บอลทำตาโตใส่ซีโร่ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่มึงมามหาลัยทำไม? จัดการเรื่องผับ เรื่องบาร์เสร็จแล้วหรือไง?”
ซีโร่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างสบาย ๆ “สบาย~ ตอนนี้กำลังเปิดรับเด็ก ๆ อยู่เพียบ”
บอลทำหน้าสนใจขึ้นมาทันที “อ้าวเหรอ แล้วมึงจะเปิดเมื่อไหร่?”
“วันพรุ่งนี้มั้ง” ซีโร่ตอบเรียบ ๆ
“ดีเลย! กูจะเป็นลูกค้า VIP ให้!” บอลตาวาวทันที
“เออ ๆ มึงมาเลย เดี๋ยวจัดโต๊ะพิเศษให้” ซีโร่ตอบ
ใต้ฝุ่นยกยิ้มมุมปากก่อนจะเสนอขึ้น “งั้นคืนนี้ไปดื่มกันไหม ไอ้ซี?”
แต่ซีโร่ส่ายหน้าพร้อมโบกมือปฏิเสธ “ยัง ๆ วันนี้กูต้องไปสัมภาษณ์เด็ก ๆ ต่อ”
บอลขมวดคิ้ว “นี่มึงลงมาคัดเด็กเองกับมือเลย?”
“แน่นอน” ซีโร่ยักคิ้วอย่างภาคภูมิ “เรื่องแบบนี้ต้องเลือกเองว่ะ”
ใต้ฝุ่นส่ายหน้าขำ ๆ “ไอ้หมาบ้า”
“ไว้เจอกัน!” ซีโร่พูดทิ้งท้าย ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งให้ใต้ฝุ่นกับบอลมองตามหลังไปอย่างเอือมระอา