ผ่านไปครึ่งชั่วโมง…
ณ บ้านตระกูลวรรธนะเดช
ตับ! ตับ! ตับ!
“อ๊ะ! พี่ใต้...แรงขึ้นอีกค่ะ”
ทันทีที่คนตัวเล็กเหยียบเข้ามาภายในบ้านตระกูลดัง กลับพบว่าบรรยากาศที่ควรเงียบสงบกลับถูกรบกวนด้วยเสียงดังจากชั้นบน
ทำให้เท้าเล็กชะงักกึก มองไปยังต้นเสียงที่ได้ยินมา เสียงครางหวานแว่วลอดผ่านประตูห้องบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ซึ่งเป็นห้องของใต้ฝุ่น และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เสียงนั้นทำให้รบกวนจิตใจข้าวฟ่างไม่น้อย เพราะภาพเมื่อคืนเขากับเธอมันแวบเข้ามาในหัว เหมือนพึ่งเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
เรียวปากสีหวานเม้มเข้าหากันแน่น กำมือขยุ้มกระโปรงอย่างหงุดหงิด
“เขาไม่มีเรียนหรือไง?” ข้าวฟ่างบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางสูดหายใจลึกพยายามข่มอารมณ์
“แถมเสียงผู้หญิงคนนั้นก็ร้องซะดังระงม ไม่อายแม่บ้านเลย!”
ข้าวฟ่างสะบัดหัวแรง ๆ ไล่ความคิดบ้า ๆ ออกไป “ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด…” เธอเตือนตัวเอง แม้ความรู้สึกบางอย่างจะกวนใจแปลก ๆ
ใต้ฝุ่นจะพาผู้หญิงมากี่คนก็เรื่องของเขา เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ และเธอไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งเกี่ยว เพราะเรื่องเมื่อคืนแค่ข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เมื่อเดินมาถึงชั้น 2 ห้องของลมเหนือ รีบคว้าเอกสารส่วนบุคคล พยายามโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญกว่า ตอนนี้เธอต้องไปสมัครงาน หาเงินเลี้ยงตัวเอง ไม่ใช่มานั่งเสียเวลาฟังเสียงบ้าบอนี่!
“ตั้งสติหน่อยข้าวฟ่าง… ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว!”
เสียงหวานพูดพลางเดินออกจากบ้านไป
ก่อนที่ข้าวฟ่างจะก้าวพ้นประตูออกจากบ้าน เสียงเรียกจากคนส่งอาหารก็ดังขึ้น
“น้องครับ! พอดีช่วยเอาอาหารไปให้คุณใต้ฝุ่นหน่อยได้ไหม?”
ข้าวฟ่างชะงักเท้า ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังชั้นสองของบ้านอีกครั้ง เสียงครางยังคงดังลอดลงมาเป็นระยะ ทำให้เธอนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้
“เขายัง…ทำกิจกรรมอย่างว่านั้นอยู่แน่ ๆ”
เธอไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวเลยสักนิด แต่ถ้าปฏิเสธไป คนส่งอาหารก็คงลำบากใจ เธอจึงตัดสินใจรับกล่องอาหารมาแทน
“ฉันเอาไปเก็บในครัวให้ก็แล้วกันค่ะ เดี๋ยวค่อยให้แม่บ้านจัดการ”
ชายส่งอาหารยิ้มขอบคุณ ก่อนจะขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ปล่อยให้ข้าวฟ่างถือกล่องอาหารเดินเข้าไปในบ้านเพียงลำพัง
ภายในบ้านเงียบสนิท แม้จะมีเสียงน่าอายดังอยู่ชั้นบน แต่ชั้นล่างกลับไม่มีใครอยู่เลย แม่บ้านคงออกไปจ่ายตลาดกันหมด ข้าวฟ่างเดินตรงไปที่ห้องครัว วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แค่เอามาวาง แค่นี้ก็จบแล้ว…”
เธอหมุนตัวกลับตั้งใจจะออกจากห้อง แต่แล้วร่างของคนที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏขึ้น
ใต้ฝุ่น
เขายืนพิงกรอบประตู จ้องมองเธอนิ่ง ๆ ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ร่างสูงเปลือยท่อนบน มีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว สภาพของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเพิ่งออกมาจากห้องนอน และยังไม่ได้แต่งตัวดี ๆ ด้วยซ้ำ
ข้าวฟ่างเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เธอมาทำอะไรที่นี่?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พลางก้าวเท้าเข้ามาใกล้
ข้าวฟ่างรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง “ฉันแค่…แค่เอาอาหารมาให้”
“หืม? ตั้งใจเอามาให้ฉันถึงในครัวเลย?” เขาเลิกคิ้ว มุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์
ข้าวฟ่างเม้มปากแน่น พยายามข่มความร้อนวูบวาบที่แล่นขึ้นมาในอก “เปล่า! ฉันแค่ไม่อยากให้คนส่งอาหารลำบาก ฉันจะไปแล้ว!”
เธอรีบหมุนตัวจะเดินหนี แต่ไม่ทันไร ใต้ฝุ่นก็เอื้อมมือมากักตัวเธอไว้ระหว่างเคาน์เตอร์
“จะรีบไปไหนล่ะ? ไหน ๆ ก็มาถึงบ้านแล้ว…” เขาก้มลงกระซิบใกล้หู “จะไม่แวะไปที่ห้องฉันหน่อยเหรอ?”
ข้าวฟ่างตัวแข็งทื่อ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที “พี่ใต้! ปล่อย!”
แต่ดูเหมือนคำพูดของเธอจะยิ่งทำให้คนตรงหน้ายิ้มมุมปากอย่างพอใจมากขึ้น…ใต้ฝุ่นยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกัน
“มารำลึกเรื่องเมื่อคืนหน่อยเป็นไง?” เขากระซิบเสียงพร่า ดวงตาสีเข้มจับจ้องเธออย่างมีนัย
ข้าวฟ่างตัวแข็งทื่อ กัดริมฝีปากแน่นด้วยความไม่พอใจ แต่ใต้ฝุ่นไม่เปิดโอกาสให้เธอถอยหนี มือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวเล็ก ดึงเธอเข้ามาประชิดแนบลำตัวแข็งแกร่ง
“เธอยังใช้หนี้ฉันไม่หมดเลยนะ”
ไม่พูดเปล่า เขาก้มลงประกบจูบอย่างถือสิทธิ์ ริมฝีปากร้อนบดเบียดลงมาทับทาบแน่นหนาโดยไม่ให้เธอได้ตั้งตัว
“อื้อ...!!”
ข้าวฟ่างเบิกตากว้าง รีบยกมือขึ้นดันแผงอกกว้างเต็มแรง พยายามขัดขืนจนในที่สุดก็สามารถผลักเขาออกได้
“พี่ใต้!” เธอถอยกรูด เช็ดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ ด้วยความขยะแขยง “ปากที่พี่ใช้จูบคนอื่นมา ยังมีหน้ามาจูบฉันอีกเหรอ!”
ใต้ฝุ่นชะงักไปเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาฉายแววขุ่นเคืองขึ้นมาในทันที
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง?” เสียงทุ้มเข้มต่ำลงอย่างอันตราย
ข้าวฟ่างเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาที่เธอมองเขามันชัดเจนเกินไป...ชัดเจนว่าเธอรังเกียจเขาขนาดไหน
ใต้ฝุ่นกัดฟันแน่น ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“งั้นฟังให้ดี ต่อไปนี้ถ้าฉันพาผู้หญิงเข้ามาในบ้าน เธอห้ามเข้ามา จะไปอยู่ที่ไหนก็ไป ฉันไม่สน”
คำพูดของเขาเย็นชา และไร้เยื่อใยจนข้าวฟ่างนิ่งอึ้ง เธอกำมือแน่น ก้มหน้าหลบสายตาเขา
ใต้ฝุ่นมองใบหน้าของเธอที่มีทั้งความโกรธและความเจ็บปวดปะปนกันไป แต่เขาไม่คิดจะอธิบายอะไรอีก
“เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ตอบ เขาก็เบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องครัวไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ข้าวฟ่างกำมือแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อฝ่ามือ รู้สึกถึงความแสบที่แล่นขึ้นมาตามผิว แต่ความเจ็บปวดเล็กน้อยนี้เทียบไม่ได้เลยกับความคับแค้นใจที่กำลังก่อตัวอยู่ในอก
‘ฉันสัญญา… ฉันจะทำงานหนัก เก็บเงินมาใช้หนี้ให้หมด แล้วออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้’
เธอได้แต่พูดกับตัวเองในใจ ดวงตากร้าวขึ้นอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะกัดฟันสะกดกลั้นทุกอารมณ์ แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องครัว
แต่เพียงแค่ก้าวออกมา เสียงหวานแหลมของใครบางคนก็ดังแทรกขึ้นมา พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก
“ว้าย! พี่ใต้ขา~ ไปหงุดหงิดอะไรมาคะ ถึงลงมือหนักขนาดนี้”
เสียงนั้นแฝงไปด้วยจริตจะก้าน ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าของเสียงกำลังออดอ้อนออเซาะผู้ชายที่เธอเพิ่งเผชิญหน้ามาเมื่อครู่
ข้าวฟ่างเม้มริมฝีปากแน่น ความรู้สึกบางอย่างแล่นขึ้นมาในอก เธอรีบสะบัดความคิดพวกนั้นออกไป สองเท้าก้าวเร็วขึ้นเพื่อออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด
ก่อนที่เสียงกระซิบลอดออกมาจากริมฝีปากเล็กโดยไม่รู้ตัว
“คนเลว…”
เธอพึมพำแผ่วเบา แม้จะรู้ดีว่าคำนี้ไม่ได้กระทบอะไรเขาเลย แต่เธอก็ยังต้องพูดออกมาเพื่อปลอบใจตัวเอง
จากนั้นเธอก็ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า มุ่งหน้าไปหางานทำ...ก้าวแรกของอิสรภาพที่เธอเฝ้ารอ