บทที่ 4 เด็กเสียคนหรือคนมันใจแคบ

1300 Words
วันรุ่งขึ้น ควันไฟจากเมรุลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เที่ยงเกือบบ่ายของวันนั้น แสงแดดร้อนจ้า แต่สำหรับ ข้าวฟ่าง มันกลับเย็นเฉียบจนรู้สึกชาไปทั้งตัว เธอยืนมองเปลวไฟที่เผาร่างของพ่อแม่ นิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีญาติ ไม่มีแขก ไม่มีเพื่อนพ่อแม่ ไม่มีใครมาร่วมพิธีเลย มีเพียงแค่เธอกับ ลมเหนือ เท่านั้น ข้าวฟ่างรู้สึกเหมือนน้ำตาของเธอมันไหลออกมาจนหมดแล้ว เธอร้องไห้มาทั้งคืน จนตอนนี้แม้อยากร้องให้สุดเสียงก็ทำไม่ได้ สัปเหร่อที่ทำพิธีหันมาบอกเธอเสียงทุ้ม “พรุ่งนี้เช้ามาเก็บอัฐิได้ เสร็จพิธีแล้ว กลับบ้านไปพักเถอะหนู” ข้าวฟ่างพยักหน้าเบา ๆ แต่เธอไม่มีบ้านให้กลับแล้ว… ลมเหนือกุมมือเธอไว้แน่น เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ยังยืนเคียงข้างเธอในวันนี้ “ขอบใจนะ… ลมเหนือ” ข้าวฟ่างพูดเสียงแหบพร่า ลมเหนือยิ้มบาง ๆ “ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันอยู่ตรงนี้” แต่ก่อนที่ข้าวฟ่างจะได้พูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันไปมอง ก่อนจะพบกับ ทนายคนเดิม ที่เธอเจอเมื่อวานนี้ ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาพร้อมเอกสารในมือ สีหน้าของเขาดูจริงจังและนิ่งเฉย “คุณข้าวฟ่าง” เขาเอ่ยเรียบ ๆ “ผมมาทำตามหน้าที่” คงจะมายึดทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้สินะ… ข้าวฟ่างกำมือแน่น เธอคิดไว้อยู่แล้วว่า วันนี้ต้องมาถึง แต่พอเจอเข้าจริง ๆ มันก็ยังเจ็บ… ข้าวฟ่างพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้จะเจ็บปวด แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอเรียกรถแท็กซี่กลับไปที่ คฤหาสน์หรู ที่เคยอาศัยมาตลอดชีวิต ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ อ้อมกอดของพ่อกับแม่ และความสุขที่เธอคิดว่าจะอยู่กับเธอตลอดไป แต่ตอนนี้… บ้านหลังเดิมยังอยู่ตรงนั้น แต่ทุกอย่างกลับ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอเดินเข้าไปในบ้านโดยมีทนายความเดินตามหลังมา เมื่อเข้าไปถึง เขาก็เริ่มอ่านรายละเอียดในเอกสารเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์สินให้เธอฟัง “คุณสามารถเก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นออกไปได้” เขาพูดเสียงเรียบ “แต่ของที่มีมูลค่า เช่น เครื่องเพชร นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม ของตกแต่งภายในบ้าน หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด… ต้องถูกตีราคาและขายทอดตลาด” ข้าวฟ่างฟังแล้วได้แต่เม้มปากแน่น ทุกอย่างที่เคยเป็นของเธอ… ตอนนี้มัน ไม่ใช่ของเธออีกแล้ว เธอเงยหน้ามองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น โซฟานุ่ม ๆ ที่เคยนั่งเล่นกับแม่ ทีวีจอใหญ่ที่พ่อชอบเปิดดูข่าวทุกเช้า รูปครอบครัวที่แขวนอยู่บนผนัง… ทุกอย่างกำลังจะกลายเป็นของคนอื่น แม้แต่ เตียงที่เธอเคยนอนมาตลอดชีวิต น้ำตารื้นขึ้นมา แต่เธอก็กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไม่ให้มันไหล “คุณมีเวลาจนถึงพรุ่งนี้เช้า” ทนายยังคงพูดต่อ “จากนั้นนายหน้าจะเข้ามาเคลียร์พื้นที่ และประกาศขายบ้านหลังนี้” พรุ่งนี้… บ้านหลังนี้ก็จะไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไปแล้ว ข้าวฟ่างพยักหน้าเบา ๆ “เข้าใจแล้วค่ะ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย เธอต้องรีบเก็บของ ก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปจากชีวิตของเธอ… ตลอดกาล ลมเหนือเดินตามหลัง ข้าวฟ่าง อย่างเงียบ ๆ ขณะที่เพื่อนสนิทกำลังค่อย ๆ เก็บข้าวของที่จำเป็นออกจากบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอาศัยมาตลอดชีวิต เธออดไม่ได้ที่จะถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจมาตลอดทาง “ข้าวฟ่าง… แล้วแกจะไปอยู่ที่ไหน?” คนตัวเล็กชะงักกึก มือที่กำลังพับเสื้อผ้าหยุดลง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “คงหาห้องเช่าแถวมหาลัยเอา” ลมเหนือขมวดคิ้ว เธอไม่อยากให้ข้าวฟ่างต้องเผชิญกับเรื่องพวกนี้เพียงลำพัง “แกมีเงินเหรอ?” คำถามนั้นทำให้ข้าวฟ่างก้มหน้าต่ำ หัวใจเธอหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม เงินที่เหลือ… เธอใช้ไปกับการจัดงานศพให้พ่อแม่หมดแล้ว ตอนนี้ในบัญชีเหลือเงินอยู่ไม่ถึงพัน “ไม่มีอ่ะลม ฉันว่าจะลองไปหางานพิเศษทำดู” ลมเหนือสวนทันควัน ไม่ต้องคิดเลยว่าข้าวฟ่างไม่เคยลำบากมาก่อน “แต่แกไม่เคยทำงานนะฟ่าง! ร่างกายแกก็บอบบาง ฉันเป็นห่วง” ข้าวฟ่างพยายามฝืนยิ้ม “ขอบใจที่แกเป็นห่วงฉันนะ แต่ฉันเองก็งอมืองอเท้าให้แกช่วยเหลือตลอดไม่ได้หรอกลม” ลมเหนือถอนหายใจ เธอรู้ว่าเพื่อนของเธอเป็นคนแบบไหน ต่อให้เจ็บแค่ไหน ข้าวฟ่างก็ยังเลือกที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่เธอไม่อยากให้ข้าวฟ่างยืนอยู่ คนเดียว “ฟ่าง แกจะเหนื่อยหน่อยนะ… แต่แกอย่าคิดอะไรอย่างคนสิ้นคิดนะ” เธอก้าวเข้าไปสวมกอดเพื่อนสนิทแน่น รู้สึกได้ถึงร่างเล็ก ๆ ของข้าวฟ่างที่สั่นไหวอยู่ในอ้อมแขน “ฉันจะอยู่ข้างแกเอง” ข้าวฟ่างยังคงเงียบ น้ำตาของเธอไหลลงมาเงียบ ๆ ซึมผ่านเสื้อลมเหนือ แต่เธอยังพยายามไม่ออกเสียงสะอื้น “แกอยากร้องก็ร้องออกมา ไม่ต้องทำเป็นเข้มแข็ง” แต่สุดท้าย ลมเหนือกลับเป็นคนที่ร้องไห้เสียเอง เธอ กลัว เธอกลัวว่าเพื่อนของเธอจะ สิ้นคิด เพราะเมื่อครู่… แววตาของข้าวฟ่างมันว่างเปล่าจนน่ากลัว อีกด้านของใต้ฝุ่น ใต้ฝุ่นกำลังนั่งกระดิกเท้าอยู่ที่โรงอาหารประจำคณะ ข้าง ๆ มีสาวสวยรุ่นน้องแนบชิดจนแทบจะนั่งตักอยู่แล้ว เธอชื่อ มะม่วง หนึ่งในสาวคณะบริหารที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยและตรงสเปกเขาพอดี “พี่ใต้คะ วันนี้มะม่วงน่ารักไหม~” เสียงหวาน ๆ ของหญิงสาวกระซิบอยู่ข้างหู แต่ใต้ฝุ่นแค่ยกยิ้มมุมปาก ขยับมือไปลูบศีรษะเธอเบา ๆ กำลังจะอ้าปากตอบ แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงโหวกเหวกของเพื่อนสนิทดังขึ้นก่อน “ไอ้ใต้!” บอล วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา หอบจนไหล่กระเพื่อม ก่อนจะฟ้องเป็นชุด “วันนี้น้องมึงก็ไม่มาที่คณะ เป็นอะไรหรือเปล่าวะ?” ใต้ฝุ่นขมวดคิ้วทันที “ไม่มา?” “เออ ใช่ ไม่มา!” บอลย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง ใต้ฝุ่นขบกรามแน่นขึ้นทันที น้องสาวของเขาเสียคนเพราะผู้หญิงที่ชื่อข้าวฟ่างอีกแล้ว! “ให้ตายสิ ยัยเด็กนั่นพาน้องกูเถลไถลไปถึงไหนแล้ววะ?” ทันใดนั้น ใต้ฝุ่นก็ลุกขึ้นพรวด เตรียมจะเดินออกไปทันที แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นโต๊ะ มือเล็ก ๆ ของมะม่วงก็คว้าหมับเข้าที่แขนของเขา รั้งเอาไว้ก่อน “พี่ใต้คะ จะไปไหนคะ?” เธอทำเสียงออดอ้อน ดวงตากลมสวยช้อนมองเขาอย่างออเซาะ “พามะม่วงไปด้วยสิ~” ใต้ฝุ่นผ่อนคลายสีหน้าตึงลงนิดหน่อย ก่อนจะล้วงคีย์การ์ดจากกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นให้ “คืนนี้เจอกันนะครับ” จากนั้น เขาก็โน้มตัวไปหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ โดยไม่สนสายตาของเพื่อนฝูงที่มองมาแบบรู้ทัน บอลแค่ส่ายหัวเบา ๆ ไอ้นี่มันเสือผู้หญิงจริง ๆ แต่ถึงจะมีสาวสวยนั่งแนบชิดแค่ไหน สุดท้ายไอ้ใต้ก็ยังทิ้งทุกอย่าง แล้วมุ่งหน้าไปหาน้องสาวตัวดีของมันอยู่ดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD