บทที่ 3 งานศพที่ไร้เจ้าภาพ

1287 Words
19:00 น. วัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ข้าวฟ่าง นั่งนิ่งอยู่หน้าโลงศพของพ่อแม่ ภายในศาลาวัดที่เงียบงัน เธอสวมชุดดำสนิท มือเรียวกำแน่นอยู่บนตักเพื่อกดความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ แค่คืนเดียว… พ่อแม่ของเธอจะอยู่ที่นี่ได้แค่คืนเดียวเท่านั้น เพราะเธอไม่มีเงินมากพอที่จะจัดงานศพให้สมเกียรติ “ทางวัดบอกว่าถ้าอยากตั้งศพนานกว่านี้ ต้องจ่ายเพิ่ม” ลมเหนือ เอ่ยเสียงเบา ๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักยังคงเงียบไปนาน ข้าวฟ่างพยักหน้าช้า ๆ มือยังคงกำกระโปรงแน่น เงินเก็บที่เธอมีคือหนึ่งแสนบาท งานศพคืนละหนึ่งแสนบาท นี่คือทั้งหมดที่เธอสามารถใช้ได้ เพราะทรัพย์สินทั้งหมดที่เหลือถูกอายัด และหลังจากวันนี้… เธอจะไม่เหลืออะไรอีกเลย เธอเหลือบตามองรอบตัว ภายในศาลาวัดโล่งมาก… เงียบจนน่าใจหาย ไม่มีเสียงพระสวด ไม่มีแขกเหรื่อ ไม่มีญาติพี่น้องที่เธอเคยคิดว่าจะมาร่วมแสดงความเสียใจ ไม่มีใครมาเลย เพราะทุกคนรู้ว่า ครอบครัวอัครพันธ์ล้มละลายแล้ว ไม่มีอำนาจ ไม่มีเงิน ไม่มีผลประโยชน์ให้พวกเขาเกาะอีกต่อไป ข้าวฟ่างหลับตาลง สูดลมหายใจลึกสุดหัวใจ แล้วค่อย ๆ ระบายลมหายใจออกมา เธอไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว เพราะไม่มีน้ำตาให้ร้องอีกแล้วเหมือนกัน “พ่อ… แม่…” เธอพึมพำเสียงแผ่ว แทบไม่ได้ต้องการให้ใครได้ยิน หนูจะทำยังไงต่อไปดี… ลมเหนือมองใบหน้าซีดเซียวของข้าวฟ่างแล้วรู้สึกเจ็บปวดแทนเพื่อน เธอขยับมือไปกุมมือข้าวฟ่างเบา ๆ “ฉันอยู่ตรงนี้นะ” ลมเหนือพูดเสียงเบา ข้าวฟ่างเงยหน้ามองเพื่อนสนิท แล้วพยักหน้าช้า ๆ เธอไม่ได้อยู่คนเดียว… อย่างน้อยก็ยังมีลมเหนือ แต่เธอก็รู้ดีว่า… ลมเหนือเองก็มีชีวิตของตัวเอง มีครอบครัว มีบ้านที่อบอุ่น ส่วนเธอ… ไม่มีอะไรอีกแล้ว ลมเหนือลูบหลังเพื่อนเบา ๆ ส่งกำลังใจให้ ขณะที่เหลือบดูนาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมือตัวเอง ทุ่มกว่าแล้ว… เธอยังไม่ได้โผล่หน้ากลับบ้าน ยังไม่ได้บอกใครสักคนว่าออกมาทำธุระ นี่ถ้าครบ 24 ชั่วโมง แม่เธอคงได้แจ้งคนหายแน่ ๆ เธอกัดปากนิด ๆ แล้วตัดสินใจหันไปบอกข้าวฟ่าง “ฟ่าง แกอยู่คนเดียวก่อนได้ไหม? เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะนอนที่วัดกับแก แต่ฉันต้องกลับไปบอกแม่ก่อน เดี๋ยวแม่เป็นห่วง” ข้าวฟ่างเงยหน้ามองเพื่อน แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า “แกอย่าคิดสั้นนะ” ลมเหนือพูดเสียงจริงจัง “ยังไงแกก็มีฉัน ฉันรักแกนะฟ่าง” ข้าวฟ่างมองหน้าเพื่อนนิ่ง ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ “แกวางใจเถอะ ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก” “สัญญานะ” ลมเหนือย้ำ ข้าวฟ่างพยักหน้าให้เบา ๆ เห็นแบบนั้น ลมเหนือถึงค่อยเบาใจ ก่อนจะรีบกดเรียกรถจากแอปพลิเคชันสีเขียว เดินออกจากศาลาวัดไป ภายในศาลากลับมาเงียบงันอีกครั้ง ข้าวฟ่างมองแผ่นหลังเพื่อนสนิทที่ไกลออกไป… ก่อนจะก้มลงมองมือของตัวเองที่กำแน่น เธอพึมพำกับตัวเองเสียงเบา “ถ้าฉันไม่มีแก… ฉันอาจจะคิดสั้นไปแล้วก็ได้ ลมเหนือ” ณ บ้านตระกูลวรรธนะเดช ลมเหนือถอดรองเท้าเดินเข้ามาในบ้านด้วยความระแวดระวัง เธอคิดไว้แล้วว่าต้องโดน แม่ นั่งหน้าดุรออยู่ที่โซฟาแน่ ๆ แต่ผิดคาด… “ไปไหนมา?” เสียงเข้มของ ใต้ฝุ่น ดังขึ้นแทน ลมเหนือเงยหน้ามอง แล้วพบว่าพี่ชายตัวดีของเธอนั่งกอดอกอยู่ที่โซฟาแทนแม่ ใบหน้าหล่อเหลานั่นขมวดคิ้วแน่น มองเธออย่างจับผิด “มีเรื่องสำคัญน่ะพี่ใต้” ลมเหนือรีบตอบ ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้ แต่ใต้ฝุ่นกลับไม่เล่นด้วย “เรื่องสำคัญอะไร ถึงขั้นไม่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง? แถมยังปิดเครื่องหนี?” ลมเหนือจิ๊ปาก ยกมือขึ้นกุมขมับ “พี่อย่าพึ่งถามได้ไหม แล้วนี่แม่อยู่ไหน?” ใต้ฝุ่นแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนพูดประชด “ก็ปิดเครื่องไม่รับรู้โลกขนาดนั้น จะรู้ได้ไงล่ะว่าครอบครัวไปไหน?” ลมเหนือชะงักกึก ลืมไปเลย… เธอมัวแต่ยุ่งเรื่องข้าวฟ่าง จนลืมไปว่าคืนนี้พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน แต่เอาเถอะ… อย่างน้อยก็ไม่ต้องโดนแม่บ่น “งั้นดีเลย” เธอรีบพูด ก่อนหันมาบอกพี่ชาย “พี่ใต้ วันนี้ลมไม่อยู่บ้านนะ ถ้าพ่อแม่กลับมาบอกท่านด้วยว่าลมไปนอนกับเพื่อน” ใต้ฝุ่นลุกขึ้นยืนพรวด! “กับใคร!?” ลมเหนือกลืนน้ำลาย ลืมไปเลยว่าต้องผ่านด่านพี่ชายก่อน แต่ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอเลยตัดสินใจพูดตรง ๆ “ข้าวฟ่าง” ใต้ฝุ่นกัดฟันแน่น ก่อนพ่นลมหายใจแรง ๆ ออกมา “อีกแล้วเหรอ!? ผู้หญิงคนนั้นพาลมเสียคน! ยังจะคบต่ออีกเหรอ!?” ลมเหนือชักเริ่มโมโห “เสียคนที่ไหน!? พี่ไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลย!” “ไม่รู้!? ลมเหนือ เธอไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่!?” ใต้ฝุ่นจ้องหน้าน้องสาว “พ่อแม่ของผู้หญิงคนนั้นบริหารธุรกิจพลาดจนล้มละลาย เพราะโลภมาก ทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้คนอื่น แล้วตอนนี้ลมเหนือจะไปพัวพันกับเธอทำไม!?” “หนี้สินของพ่อแม่ฟ่างมันไม่เกี่ยวกับตัวฟ่าง! แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินเธอ!?” ใต้ฝุ่นหัวเราะเยาะ “ไม่มีสิทธิ์? ฉันเป็นพี่ลมเหนือ และฉันเห็นชัด ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้น กำลังดึงลมลงไปในปัญหาของเธอ” “ฟ่างเป็นเพื่อนฉัน! พี่หาว่าเธอทำให้ฉันเสียคนได้ยังไง!? พ่อแม่ยังไม่ว่าฉันให้เลิกคบ มีแต่พี่นั่นแหละ!” “ลมเหนือ!” “แล้วพี่ใต้เป็นอะไรกับฟ่างนักหนา!?” คำถามนั้นทำให้ใต้ฝุ่นชะงักไปชั่ววินาที สายตาของเขาหรี่ลงอย่างไม่พอใจ เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน… ว่าทำไมต้องหงุดหงิดขนาดนี้ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อ ข้าวฟ่าง? ใต้ฝุ่นถอนหายใจแรง ยกมือขึ้นกอดอก “พี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ แค่ไม่อยากให้ลมไปพัวพันมากนัก เดี๋ยวจะเดือดร้อน ครอบครัวเราจะเดือดร้อนไปด้วย แค่นั้น” ลมเหนือขมวดคิ้วมุ่น “ฉันไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นหรอกพี่ใต้” เธอมองหน้าพี่ชายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วถามออกไป “แต่เดี๋ยวนะ… พี่รู้ได้ไงว่าพ่อแม่ของฟ่างเสียชีวิต?” ใต้ฝุ่นยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ “ถ้าเปิดโทรศัพท์ เปิดเน็ตสักหน่อย ก็น่าจะรู้นะ ข่าวดังขนาดนั้น” ลมเหนือชะงักไปเล็กน้อย ข่าวดังขนาดนั้น…? เธอยังไม่ได้เช็กข่าวเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง มัวแต่ดูแลข้าวฟ่างจนลืมไปสนิท แต่ไม่ใช่เวลามานั่งคิดเรื่องนั้น! เธอรู้ดีว่าถ้าขืนยื้อต่อไปมีหวังพี่ชายตัวดีได้บังคับให้อยู่บ้านแน่ ๆ ลมเหนือพยักหน้าให้ใต้ฝุ่นแบบขอไปที เพราะขี้เกียจเถียงกับพี่ชายแล้ว จากนั้นก็รีบเดินไปหยิบของใส่กระเป๋าอย่างลวก ๆ ก่อนจะรีบพุ่งออกจากบ้าน ขึ้นรถที่เรียกจากแอปพลิเคชันทันที เธอมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ… ข้าวฟ่างกำลังรอเธออยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD