จุดกลับใจ
9
PUIFAI - จุดที่ต้องเป็นแม่
ฉันภูมิใจกับคำชมเอวามาก ส่งยิ้มกลับไปให้มันแล้วตบไหล่กลับ
“มึงก็เป็นแม่และเพื่อนที่มีคุณภาพมาก”
“แน่นอน รักษากูไว้ดีๆล่ะ”
ฉันเบ้ปากกลับ ต้องรักษาไว้อยู่แล้วถ้าไม่มีเอวาก็ไม่มีใครคบฉันแล้วล่ะ
หลังจากที่ดูร้านกับเอวาฉันก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าจะเช่าที่นี่ ราคาเช่าต่อปีสูงหลักล้าน แต่ก็ฮึบสู้ เพราะทำเลดีและโครงสร้างร้านด้านในต่อยอดได้หลายอย่าง ที่เจ้าของเลิกกิจการไปเพราะโควิด แต่เจ้าของคนนี้ไม่ใช่เจ้าของคนแรกนะ ตึกสร้างมานานมากแล้ว เอวาเลยแนะนำให้ฉันหาวิศวกรมาตรวจสอบโครงสร้างก่อนรีโนเวท จะได้ไม่เกิดปัญหาทรุดตัวและแตกร้าวทีหลัง
ฉันเซ็นสัญญาเช่าไปห้าปี มัดจำไปบางส่วน
ร้อนๆหนาวๆที่เงินเก็บหายไปจากบัญชีเกือบสิบเปอร์เซ็นต์ แต่อีกไม่นานมันคงกลับมาร้อยเท่าพันเท่า
กลับมาถึงคอนโดที่เช่าไว้ชั่วคราว ปุยนุ่นลูกสาวฉันกำลังนั่งดูการ์ตูนกับตายายพอดี ฉันวางของที่ติดมือมาไว้บนโต๊ะกินข้าว เดินยิ้มไปนั่งข้างๆลูกที่นั่งอยู่บนพื้น
“คิดถึงจัง” ฉันหอมแก้มป่องๆฟอดจนปุยนุ่นหันมายิ้มหวาน
“แมแม่เหนื่อยไหม หิวไหมคะ”
“หิวค่ะ อยากกัดแก้มลูก” ปุยนุ่นยกมือปิดแก้มตัวเอง
“แม่ล้อเล่น มานี่มานั่งตักแม่เร็ว” ลูกสาวฉันลุกขึ้นมานั่งตักทันที ฉันเลยกอดลูกไว้แล้วก้มหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ คุณยายไปดูกับข้าวที่ฉันซื้อมา ส่วนตาผล็อยหลับ(อีกแล้ว)
ฉันเลยถามลูกเรื่องโรงเรียน
“พรุ่งนี้แม่จะพาปุยปุยไปดูโรงเรียนนะลูก อยากเรียนที่ไหนหนูเลือกเรียนได้เลยนะ”
“แมแม่ต้องใช้เงินเยอะไหมคะ” ฉันส่ายหน้า
“ไม่เลย แม่มีเงินอยู่แล้ว”
“กลัวแมแม่จะเหนื่อยเกินไป หนูเป็นห่วง”
“ไม่เหนื่อย แค่นี้จิ๊บๆ”
ลูกสาวฉันยิ้มแล้วเอนหลังพิงมา กลิ่นลูกตัวเองนี่หอมจริงๆ กลับมาเหนื่อยๆได้หอมลูกได้กอดเธอในอ้อมแขนแน่นๆ ฉันรู้สึกชื่นใจมาก
“หนูอยากเรียนโรงเรียนที่ไม่มีใครถามถึงพ่อ”
... ปุยนุ่นพูดขึ้นมาเบาๆขณะที่ตามองทีวีอยู่
แต่มันทำให้หัวใจฉันปวดหนึบขึ้นมาทันที ลูกไม่เคยสงสัยหรอก เด็กไม่รู้ แต่สังคมในโรงเรียนแม่งชอบจัดงานวันพ่อวันแม่ จัดทำเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ และมันก็มักจะมีคนไม่มีมารยาทคิดไม่ได้อยู่ในนั้น ถามเด็กว่าพ่อมาไหม พ่อไปไหน?
พอปุยนุ่นชี้ตา อ๋อคุณตามาแทนเหรอคะ สะสมมาไม่รู้กี่ปี
ฉันจึงกอดลูกไว้แล้วหอมหัวเธอ
“ถ้าใครถามบอกว่าพ่อปุยนุ่นอยู่บนฟ้านะลูก”
“พ่อหนีเราไปบนฟ้านานแล้วเหรอคะ”
...
“ก็... นานแล้วค่ะ”
“นานแค่ไหนคะหนูจะได้ตอบคนอื่นถูก”
“เท่าอายุลูก เอ้อแม่มีอีกคำถาม ช่วงเสาร์อาทิตย์แม่อาจจะยุ่งๆต้องทำธุระหลายอย่าง ถ้าคุณตากับคุณยายกลับปุยนุ่นจะโอเคไหมคะ ถ้าจะไปเล่นกับเอริณลูกน้าเอวา น้าเอวาใจดีน้า”
ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งได้ผล ปุยนุ่นหันมามองหน้าฉันแล้วขมวดคิ้ว
“น้าคนสวยที่เราเจอที่ร้านอาหารเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ” เธอพยักหน้าน้อยๆ
“ได้ค่ะ ปุยนุ่นสบายๆ แล้วจะไม่ดื้อด้วยค่ะ” ฉันลูบหัวลูก แต่ลูกหันกลับมากอดฉัน
“หนูรู้ว่าแมแม่เหนื่อย จะทำตัวน่ารักค่ะ”
“น่ารักมากค่ะ” เราสองแม่ลูกกอดกันกลม
“แหมๆ อ้อนจังนะ แม่กลับมาก็ให้กำลังใจแม่เลยนะปุยนุ่น”
คุณยายแซวเราสองคนระหว่างที่แกะถุงกับข้าว ฉันกับปุยนุ่นจึงลุกขึ้นไปช่วยแกะ ที่ว่างมาอยู่ด้วยช่วงนี้เพราะธุรกิจครอบครัวฉันไม่ได้ดีเท่าไหร่ เราค้าขายส่งของข้ามแม่น้ำโขงไปลาว แต่นับวันยิ่งมีเจ้าใหม่ๆผุดขึ้นมา รายได้เลยลดลงบ้าง
แต่ก็ไม่ได้ขัดสนถึงขั้นขายบ้านขายรถนะ ฉันช่วยตากับยายปุยนุ่นหาเงินทุกวิถีทาง ประหยัดซื้อแกงถุงมากินบ้าง และมาตั้งตัวเปิดกิจการของตัวเองที่นี่
“มีไข่พะโล้ของหนูด้วยยยย” มือเล็กๆชี้ไปที่ถ้วยไข่พะโล้ที่ยายเพิ่งเท
“ใช่ค่ะ ปุยนุ่นกินข้าวก่อนไหมลูก จะได้ไปอาบน้ำนอน”
“รอกินกับแมแม่กับแม่ใหญ่พ่อใหญ่ค่ะ”
ปุยนุ่นจะเรียกตายายแบบนั้นเป็นบางครั้ง มีหลุดคุณตาคุณยายเลยก็มี พอโตเธอก็แยกแยะเป็น แต่ฉันไม่ได้บังคับลูก เรียกอะไรก็ช่างเถอะ...มาอยู่กรุงเทพแล้วและฉันก็เรียนจบมาเป็นปีๆแล้ว มีลูกมีเต้าไม่แปลกหรอก สังคมไม่ได้แคบเหมือนอยู่บ้านนอก
“ร้านที่ไปดูเป็นไงบ้างปุยฝ้าย” แม่ฉันถาม
“ทำเลดีมากค่ะแม่ หนูมัดจำไว้แล้วเดี๋ยวตรวจโครงสร้างเสร็จ ก็จะเริ่มหาอินทีเรียออกแบบเลย”
“ตึกเก่าขนาดต้องเช็คโครงสร้างเลยเหรอ?”
“ค่ะ เก่าพอสมควร สามสิบกว่าปีแล้ว”
“จะทำอะไรก็อย่าลืมบอกกล่าวเจ้าที่ล่ะลูก ท่านจะได้ปกป้องคุ้มครองเรา”
“ค่าาา”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงเถียงว่าเจ้าที่ไม่ได้ช่วยจ่ายค่าเช่า จะไปบอกทำไม แต่ตอนนี้แม่พูดอะไรเชื่อท่านหมด ไว้ว่างๆค่อยหาพวงมาลัยไปไหว้แล้วกัน
พอแกะกับข้าวใส่ถ้วยหุงข้าวเสร็จเรียบร้อยฉันก็ปลุกพ่อมากินมื้อค่ำด้วยกัน ช่วงนี้พ่อฉันคงวัยทองจริงจัง ท่านบอกรู้สึกเหนื่อยง่ายและง่วงบ่อยมาก
ฉันตักไข่พะโล้ใส่จานเด็กของปุยนุ่น จากนั้นตักให้พ่อกับแม่อีกคนละฟอง จนพ่อเงยขึ้นจากจานข้าวมองหน้าฉัน
“ปุยฝ้าย”
“คะพ่อ”
“หาแฟนสักคนไหมลูก ดูๆกันไปก่อนและค่อยแต่งก็ได้ จะได้ไม่เหนื่อยมาก มีคนช่วยเลี้ยงปุยนุ่นอีกแรงด้วย” ฉันส่ายหน้าทันที
“ไม่ค่ะ ไม่อยากมีแฟน”
“พอๆ พี่ป้องไม่ต้องบอกลูกแล้ว ก็เห็นอยู่ว่ามีคนมาจีบลูกเราเยอะแยะ ไม่เห็นสนใจสักคน”
“หนูมีลูกติด ไม่มีใครจริงจังด้วยหรอกค่ะ ผ่านมาและคงผ่านไป และก็จะทำให้หนูเจ็บอีก เอาเวลามาอยู่กับลูกและทำงานดีกว่า”
พ่อกับแม่มองหน้ากัน ก่อนที่แม่จะแตะมือพ่อบอกให้ท่านพอเถอะ เพราะพูดยังไงฉันก็ไม่เปิดใจคบใคร และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อถามด้วย กินข้าวด้วยกันทีไรพูดทุกครั้ง คงจะเป็นห่วงอยากให้ฉันมีคนดูแล และมีเพื่อนคู่คิดตามประสาผู้ใหญ่
แต่ฉันคิดเองได้ และลูกฉันก็เก่งกว่าวัยทำอะไรเองได้หมดแล้ว ไม่ต้องมาช่วยเลี้ยง
กินข้าวเสร็จเธอช่วยฉันโกยเศษอาหาร เข้าห้องก็คว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำเอง แค่ฉันต้องไปเปิดน้ำอุ่นให้ถ้าปุยนุ่นหนาว และแง้มประตูวางแผ่นกันลื่นตรงพื้นห้องน้ำไม่ให้ลูกลื่น
“เสร็จยังคะ แม่เข้าไปได้ไหม”
“เสร็จแล้วค่ะ ปุยนุ่นจะออกไปแล้วแมแม่ปิดตาด้วย”
ฉันแกล้งยกมือปิดตาและค่อยๆกางนิ้วออกแกล้งลูก เด็กน้อยที่เดินดุ๊กดิ๊กออกมาเลยหยุดชะงัก แล้วชี้นิ้วเล็กๆมาที่ฉัน
“แมแม่ขี้โกง” ฉันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ มาๆ แม่ช่วยแต่งตัวเป่าผมให้ดีกว่า”
“ขอบคุณค่ะ”
สงสัยวันนี้ติดการ์ตูน วันไหนที่มีการ์ตูนที่อยากดูปุยนุ่นจะขอให้ฉันช่วยแต่งตัวเป่าผมให้ เพราะมันยากสำหรับเธอและใช้เวลานานกว่าการอาบน้ำ และที่คิดไว้ก็ไม่มีผิดพอแต่งตัวด้วยชุดนอนขายาวแขนยาวลายพิคาชู ลูกสาวคนสวยก็เปิดไอแพดดูการ์ตูนเลย
ฉันเป่าผมให้เสร็จก็ไปอาบน้ำมานอนเล่นกับลูก การ์ตูนเรื่องไหนฮิตถามอิแม่ปุยฝ้ายได้เลยจ้ะ ดูมาทุกเรื่องแล้ว
จากนั้นก็พาเธอเข้านอน
ฉันหอมแก้มลูกฟอดแล้วตบก้นกล่อม
“หลับฝันดีนะปุยปุยของแม่”
“หนูจะฝันหวยให้แมแม่ถูกรางวัลที่หนึ่ง จะได้รวยๆ”
ฉันหัวเราะเบาๆ
“อยากให้แม่รวยขนาดนั้นเลย?”
“แมแม่จะได้ไม่ต้องหาเงินเหนื่อยไงคะ”
“แม่ไม่เหนื่อยหรอกลูก แค่นี้จิ๊บๆ^^”
ปุยนุ่นทำนิ้วจิ๊บๆนิ้วชี้กับนิ้วโป้งชิดกันแล้วหัวเราะคิกคัก
ทว่าอาการนอนดิ้นของฉันยังมีอยู่ เวลานอนกับลูกเลยต้องหาหมอนคั่นสองใบ ให้ลูกนอนชิดผนังไว้เพื่อห่างกันสักพัก เพราะปุยนุ่นก็นอนดิ้นเหมือนกัน ตื่นมาทีไรลูกกับแม่เท้าอยู่บนหมอนนอนหัวเฉียง บางวันหัวอยู่ที่ปลายเตียงอย่างหมดสภาพ
ตื่นมาหัวเราะกันเองก็มี แต่ถ้าฉันตื่นก่อนฉันจะถ่ายรูปลูกไว้ และลงในไอจีไพรเวทที่ไม่ฟอลไม่ติดตามใครสักคนเก็บรูปลูกไว้ดูคนเดียว
แต่เช้าวันนี้แอบสะพรึงกว่าทุกวัน
ลูกฉันนอนฝั่งติดผนังใช่ป่ะ
แต่ตื่นมาเธอหายไป!
“ปุยนุ่น”
ฉันลุกขึ้นนั่งแล้วชะเง้อไปมองลูก แต่ภาพที่เห็นไม่รู้จะสงสารหรือขำดี ลูกฉันนอนอยู่ในซอกเตียงแคบๆและเปิดตามองฉันตาปริบๆ
“มะ... แมแม่ หนูติด ลุกขึ้นไม่ได้ ช่วยด้วยค่ะ”
“โอ๊ย ทำไมไม่เรียกแม่”
“หนูเกรงใจ”
เธอทำเสียงน่าเอ็นดู ฉันเลยต้องลุกขึ้นยกฟูกเตียงออกฮึบ! ให้ปุยนุ่นที่ถูกหนีบอยู่ลุกขึ้นมาได้ แต่ขึ้นมาก็นอนกลิ้งบนเตียงคว้ามือเล็กๆไปที่ไอแพด
ฉันเลยรีบเอื้อมไปยึดไว้ก่อน
“วันนี้เรามีนัดกัน อย่าเพิ่งดูการ์ตูนดีกว่าเนอะ” ปุยนุ่นทำหน้าคิด
“หนูคิดไม่ออก จำไม่ได้เลย”
“ปุยปุยต้องไปดูโรงเรียนกับแม่ไงคะ ป่ะๆ ไปอาบน้ำกันเดี๋ยวกลับมาเราค่อยดูการ์ตูนกันเนอะ”
ลีลาอยู่บ้างแต่ก็ลุกขึ้นเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ แต่ขณะที่ฉันจะเดินตามลูกไป มือถือที่ชาร์จอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมาก่อน ฉันจึงหยุดเดินแล้วหยิบขึ้นมารับทันที
เอวาโทรมา
AVA | CALLING
“โทรมาแต่เช้าชวนกูไปใส่บาตรเหรอ”
(ไม่จ้า จะบอกว่ากูถามบริษัทวิศวกรที่ตรวจสอบโครงสร้างอาคารดีๆจากคุณออสตินให้แล้ว เขามีแนะนำอยู่หนึ่งที่มาแรงมาก เห็นว่าบริษัทนั้นมีทั้งวิศวกรโยธา วิศวกรโครงสร้าง วิศวกรคอมพิวเตอร์ วิศวกรไฟฟ้า ทำรับเหมาอินทีเรีย เออ เอาเป็นว่าเป็นบริษัทวิศวกรที่ครบวงจรมาก มึงจ้างที่นี่น่าจะจบทีเดียวอ่ะ)
“อ๋อดีๆ ขอบใจมากมึง ตรวจสอบโครงสร้างโอเคกูจะได้จ้างอินทีเรียต่อเลย ขี้เกียจหาเหมือนกัน”
(งั้น เดี๋ยวส่งคอนแท็กต์ให้นะ)
“ขอบใจจ้าเพื่อนรัก”
(ตอแหลมากกูวางละ)
พอวางสายฉันก็หลุดหัวเราะออกมา เอวามันน่ารักมาก ฉันรักมัน