บทที่ 6 เซ็นซะแล้วฉันจะไม่ยุ่งกับคุณ

1473 Words
ปรินทรเมื่อรู้ว่าลลิษาอยู่โรงพยาบาลเดียวกันกับรัชนี แต่เขาก็ช้าเพียงก้าวเดียว เมื่อลลิษาออกจากโรงพยาบาลแล้ว และตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอไปพักอยู่ที่ไหน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อโทรหาเธอ แต่ก็ไม่มีคนรับสายจนเขาอารมณ์เสียและเลิกติดต่อไปเอง ลลิษาเห็นแล้วว่าเป็นเบอร์สามีโทรมา แต่เขาจะมีอะไรนอกจากมาต่อว่าเธอ และต้องการให้เธอกลับไปเป็นสะใภ้รอง ที่แปลว่า ‘รองมือรองเท้า’ ยอมทุกคนในบ้าน ต่อไปนี้ไม่มีลลิษา จะมีแต่คุณหนูห้าจางลี่คนนี้เท่านั้น เหลือเพียงยื่นเอกสารขอหย่า เธอก็จะเป็นอิสระจากบ้านหลังนั้นโดยปริยาย ในโรงพยาบาลรัชนีกำลังรูดโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ กับข่าวซุบซิบเรื่องสะใภ้รองแห่งชโลธรอิจฉาสะใภ้ใหญ่อย่างเธอ จึงต้องทำเรื่องเลวทรามจนถึงขั้นแท้งลูก “เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักสู้ ปรินทรต้องเป็นของฉันเท่านั้น” หลังจากที่ปวรรุจเสียชีวิตกะทันหัน เธอก็รีบหาทางเพื่อดำรงอยู่ในบ้านชโลธรต่อ เพราะทรัพย์สมบัติของสามีนั้นมากมาย และสิ่งเดียวที่ยึดตำแหน่งนี้ไว้ได้คือ ลูกของเธอ ใช่เธอมีลูกแต่...ไม่ใช่ทายาทชโลธร เพราะปวรรุจนั้นทำให้เธอต้องทนเหงาและเปล่าเปลี่ยวกายอยู่หลายครั้ง เพราะเอาแต่โหมงานหนัก กับปรินทรนั้นก็แสนจะเป็นคนดี ไม่ยอมกินพี่สะใภ้ง่าย ๆ หากตอนนั้นรู้ว่าปวรรุจจะเกิดอุบัติเหตุเธอคงไม่เลือกแต่งกับเขา นับว่าเธอไม่ล่วงรู้อนาคต แต่ว่าเธอทำปัจจุบันได้ ยิ่งเมื่อเห็นปรินทรเป็นห่วงเป็นใยแม่ลลิษา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของตัวเธอและเขาเป็นไปได้ยากมากขึ้น เธอไม่เสี่ยงเอาลูกของคนที่เธอดึงมาแก้ขัด เพื่ออุ้มชูขึ้นมาเป็นคุณชายแห่งบ้านชโลธรแล้วทำให้คนพวกนี้ครางแครงใจในอนาคต แต่เธอจะจับหลานคนรองของตระกูลทำผัวอีกคน และปั้นทายาทขึ้นมาใหม่ อย่างนั้นมันจะปลอดภัยสำหรับเธอมากกว่า ตอนนี้รับรู้จากคนในบ้านว่ามันเก็บข้าวของออกไปจากบ้านแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า หมดเสี้ยนหนามตำใจไปหนึ่ง ดูสิคราวนี้ปรินทรจะเอาอะไรมาอ้างอีก สามวันผ่านไป น้ำมนต์ที่ขลุกอยู่ในคอนโดกับเพื่อนสาวจางลี่ ที่กำลังวางแผนทำบางอย่างกับเธอ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเพราะเอกสารเงื่อนไขการหย่าของเธอนั้นร่างเสร็จแล้ว และเมสเซนเจอร์เอามาส่งจึงออกไปรับมา น้ำมนต์เงยหน้าจากจอโทรศัพท์แล้วมองเพื่อนอย่างสงสัยและตัดสินใจถามไปในที่สุด “แกจะไม่เรียกร้องอะไรจากเขาจริงเหรอ” น้ำมนต์คิดว่าแค่หย่าให้จบไปมันดูง่ายไปหน่อย “แกอยากให้ฉันเรียกร้องอะไร เงินเหรอ ฉันขัดสนขนาดนั้นเลยหรือไง” “แต่ว่า...” “ฉันเป็นใครแกลืมไปแล้วเหรอ ถ้าลืมแล้วก็จำเสียใหม่ ฉันจางลี่ หรือคุณหนูลี่ลี่แห่งตระกูลจางเชียวนะ” จางลี่พูดด้วยความภาคภูมิใจ ลลิษาก็แค่ชื่อไทยที่เธอใช้ตอนมาเรียน และตกลงแต่งงานกับเขา เขาไม่แม้จะถามประวัติเธอว่าเป็นมาอย่างไร เธอจึงบอกเขาเท่าที่จำเป็น เพราะตอนนั้นไม่อยากพึ่งพาผู้เป็นบิดาของตัวเอง และอยากให้บิดาเห็นว่าตนนั้นอยู่ได้ “จ้า...คุณหนูห้า” น้ำมนต์อดหมั่นไส้เพื่อนไม่ได้ พอเข้มแข็งก็ทำเอาเธอประหลาดใจ คงโดนมามิใช่น้อยสินะ “ปะ...ไปบริษัทชโลธรกรุ๊ปกัน” “ไปทำไม” “เอาเอกสารไปให้สามีฉันเซ็นไง” น้ำมนต์ลุกตั้งทันที ที่เพื่อนสาวจะไปก็ไปอย่างไม่ทันตั้งตัว “เอาจริงเหรอ!” “อื้ม” น้ำมนต์ตื้นตันแทบน้ำตาไหล ในที่สุดเพื่อนเธอก็ตาสว่างเสียที ต่อไปนี้พวกชโลธรออกไปจากชีวิตจางลี่ซะ “สู้ ๆ จางลี่” น้ำมนต์รอคอยวันนี้มาตลอดเกือบสองปี เธอไม่เห็นด้วยที่เพื่อนแต่งงานกับปรินทร เพราะมันเร็วเกินไปที่จะศึกษาให้ดี แค่เขารวยอย่างเดียวไม่อาจจะเลี้ยงเธอให้มีชีวิตที่ดีได้หรอก แล้วก็จริงอย่างที่เธอคิด เพราะว่าจางลี่แต่งเข้าไปเหมือนคนรับใช้ก็ไม่ปาน เสื้อผ้าของเธอและสามี คนในบ้านก็โยนให้เธอเป็นคนรับผิดชอบ ซักเองรีดเอง ทำความสะอาดห้องก็ให้เธอทำเอง ทั้งที่คนงานเต็มบ้าน ชีวิตคุณหนูที่อยู่สุขสบายมาทั้งชาติ ต้องมาทนลำบากทำงานบ้านทั้งที่ตัวเองไม่ควรทำ แล้วคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่สั่ง คือปรินดา น้องสาวสุดที่รักของสามีเธอ น้ำมนต์ฟังเรื่องราวชีวิตเพื่อนก็รู้สึกรันทดนัก จากนี้ขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีก็แล้วกัน เมื่อน้ำมนต์แต่งตัวเสร็จแล้ว พร้อมกับแต่งหน้าทาปากที่ซีดเซียวและเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับผู้หญิงโสดอีกครั้งให้เพื่อนรัก “ไปค่ะเพื่อน สวยต้อนรับความโสดหน่อย” น้ำมนต์เชียร์อัปเพื่อนเสมอ เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง รถมินิคูเปอร์ของเพื่อนสาวลลิษาก็แล่นมาถึงหน้าบริษัทของปรินทร เธอสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดแล้วมองหน้าเพื่อนรัก “จำไว้ว่า เธอต้องสตรองแล้วเชิดเข้าไว้” “โอเคร...ฉันไปแล้วนะ” หญิงสาวเดินเข้าไปในบริษัท โดยที่พนักงานประชาสัมพันธ์ไม่ได้รั้งเธอไว้ เพราะรู้ว่าเธอคือใคร เพียงแต่โทรบอกคุณทศทิศให้เรียนคุณปรินทรให้ทราบ ทศทิศได้ฟังดังนั้นก็รีบรายงานทันที เพราะกลัวจะชักช้าเหมือนคราวก่อนอีก แล้วเขาจะโดนเจ้านายดุ ปรินทรยกยิ้มมุมปาก ในที่สุดเธอก็โผล่หัวมาให้สามีอย่างเขาเห็นหน้า ก็ดี อยากรู้นักว่าเธอจะแก้ตัวว่าอย่างไร คิดว่าเธอก็แค่อยากกลับมาให้ง้อนั่นแหละ ผู้หญิงจะมีอะไร ชายหนุ่มรอคอยด้วยจิตใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ จากตอนแรกที่เป็นห่วงเธอที่ไม่สบายจนเข้าโรงพยาบาล เห็นมาปรากฏตัวที่บริษัทของเขาได้ก็ค่อยสบายใจ ลลิษาเดินตรงไปยังลิฟต์ผู้บริหารแล้วกดที่ชั้นบนสุด ลิฟต์ตัวนี้มีให้ใช้เฉพาะคนสำคัญเท่านั้น คือครอบครัวชโลธร วันนี้เธอก็ยังถือเป็นครอบครัวชโลธรอยู่อีกวัน แต่พรุ่งนี้จะไม่มีลลิษา ชโลธรอีกต่อไป หลังจากออกจากลิฟต์เธอเดินตรงไปยังห้องทำงานของปรินทร ที่มีโต๊ะของเลขาอย่างทศทิศตั้งอยู่หน้าห้อง “ฉันมาขอพบคุณปรินทรค่ะ” เธอเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปื้อนด้วยรอยยิ้มเหมือนที่เคยเป็น เธอไม่มีความยินดีใดจะมาเหยียบที่นี่หากไม่ใช่ต้องการมาคุยเรื่องหย่ากับเขา “เชิญคุณเข้าไปด้านในได้เลยครับ คุณปรินทรรออยู่” ลลิษาขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อย ‘เขารอเธออยู่งั้นเหรอ’ เธอไม่คิดให้มากความ แต่น่าจะเดาว่าเขาคงรอให้เธอมานัดหย่า ใบหน้าสวยเชิดขึ้นจนคอแข็ง เมื่อรับรู้ได้ว่าสามีไม่ได้อาลัยอาวรณ์เลยแม้เพียงนิด ก๊อก ก๊อก !! เธอเคาะประตูแต่ไม่รอให้เขาตอบรับก็เปิดเข้าไปเลย ตลอดสองปี เธอมีมารยาทมามากพอแล้ว ตอนนี้ขอไร้มารยาทกับอดีตสามีหน่อยเถอะ ปรินทรเงยหน้ามองภรรยาที่เดินเข้ามาด้วยชุดที่เปรี้ยวซี้ดจนเขารู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ความเป็นชายที่มันไม่ได้ปลดปล่อยมานานหลายวันนั้น ตื่นตัวอย่างไร้เหตุผล เขาต้องนั่งเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไปด้านหลัง ไม่อาจจะนั่งตัวตรงได้ เพราะว่ารู้สึกอึดอัดตรงเป้ากางเกง ‘หายไปไม่กี่วันเปรี้ยวเข็ดฟันเลยนะ’ เขากัดฟันกรอดมองดูเธอที่สวมรองเท้าบูท เดรสสั้นอวดต้นขาเรียวสวยสะโพกกลมกลึง และเนินอกทรงโตนั่นอีก “มาหาผมถึงที่นี่สำนึกผิดแล้วใช่ไหม” เขากอดอกมองเธอพยายามซ่อนสายตาหื่นกามกับเมียไว้ ปกติเขาไม่เคยแสดงว่ารักหรือพิศวาสในตัวเธอเลย นั่นเพราะพยายามกดความรู้สึกตัวเองไว้ ไม่ให้มันหลุดออกมาให้เธอรู้ว่า เขานั้นพึงพอใจในตัวเธอ มากกว่าเมื่อสองปีก่อนที่อยากแค่รับผิดชอบ และต้องการประชดครอบครัวเรื่องที่พี่ชายแต่งงาน “เซ็นซะแล้วฉันจะไม่ยุ่งกับคุณอีก พรุ่งนี้แปดโมงเจอกันที่เขต” เธอวางเอกสารบนโต๊ะทำงานของเขา แล้วก็เดินออกไปโดยไม่หันหลังมามองว่าเขาจะว่าอย่างไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD