บทที่ 5 ตัดให้ขาด

1886 Words
ลลิษาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาเช้าตรู่ของอีกวัน เมื่อขยับตัวก็พอดีกับที่น้ำมนต์เพื่อนรักของเธอหิ้วโจ๊กเข้ามา “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเพื่อนรักเอ่ยถามอย่างรู้สึกเป็นห่วง “อื้ม!” ลลิษาตอบสั้น ๆ เพราะเสียงยังไม่ปกติเสียทีเดียว เธอขยับแขนพบว่าตอนนี้หมอได้เอาสายน้ำเกลือออกจากตัวเธอแล้ว “หมอให้น้ำเกลือไปสองขวด พอหมดก็เอาออก” น้ำมนต์บอกกล่าวเพื่อนรักขณะเทอาหารเช้าให้ เธอซื้อโจ๊กใส่ไข่ พิเศษตับอย่างที่เพื่อนสาวชอบทานตอนอยู่หอพักตอนเรียนด้วยกัน กลิ่นหอมของโจ๊กเตะเข้าจมูกจนคนที่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวานเกิดหิวขึ้นมาครามครัน จนท้องร้องประท้วงออกไป “ท้องแกร้องได้ยินยันข้างนอกแล้ว” น้ำมนต์หยิบปาท่องโก๋ใส่จานยกมาวางที่โต๊ะวางอาหารสำหรับผู้ป่วยให้ “ฉันไปล้างหน้าก่อน” ตอนนี้อาการเธอดีขึ้นมากแล้ว และเดินได้เองสะดวกจึงลุกเดินเข้าห้องน้ำโดยไม่ต้องให้เพื่อนช่วยพยุง “ฉันช่วย” “ไม่เป็นไร ฉันเดินเองได้” “แกไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้นะลิษา” น้ำมนต์ถอนหายใจ ไม่ชอบใจที่เพื่อนชอบทำให้ตัวเองเป็นผู้หญิงแกร่งทั้งที่ก็อ่อนแอจนร่างกายรับแทบไม่ไหว นึกโมโหสามีของเธอนัก เอาเพื่อนเธอไปแล้วยังดูแลไม่ดีอีก “ฉันไหวน่า” ต่อให้ไม่ไหวเธอก็ไม่อ่อนแอหรอก นึกถึงสมัยตัวเองเรียน ไม่ว่าใครก็ไม่เคยรังแกเธอได้ ผิดกับตอนนี้นัก เพราะว่าบ้านชโลธรนั้นทำกับเธอไว้เจ็บแสบเพียงไรก็ไม่เคยเอาเคยคืนเลยสักครั้ง “พวกมันเอาอะไรให้แกกิน แกถึงไม่สู้คนแบบนี้” น้ำมนต์อยากจะจับคนพวกนั้นมาจิกหัวแล้วสั่งสอนสักทีสองทีให้หายแค้นนัก แต่ติดที่เพื่อนเธอห้ามไว้ทุกครั้ง “หญ้าไง” หญิงสาวตอบสั้น ๆ แต่ทำเอาคนเป็นเพื่อนนั้นช็อตฟีลไปเลยทันที ‘หรือว่าเจ้าหญิงของฉันตื่นจากฝันแล้ว’ น้ำมนต์คันไม้คันมือมาก เมื่อคิดว่าเพื่อนสาวของเธอน่าจะกลับไปเอาคืนพวกชโลธรเร็ว ๆ นี้ ขณะล้างหน้าแปรงฟันอยู่นั้น เธอก็คิดไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดไปหมาด ๆ กับตัวเธอเอง ตอนนี้ได้เวลาที่เธอต้องตั้งสติแล้ว ว่าควรจะทำอย่างไรดี มือเล็กรองน้ำที่ก๊อกแล้ววักล้างหน้าแรง ๆ ครั้นเผื่อการล้างหน้าครั้งนี้จะทำให้ลบความหลงได้บ้าง เมื่อจัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับเพื่อนที่โยนโทรศัพท์ไว้ด้านข้างอย่างหัวเสีย หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นและเดินไปนอนด้านข้างของเพื่อนสาว หยิบถ้วยโจ๊กขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนตัวเองไม่ได้ผ่านความเศร้าโศกเสียใจใด ๆ มา “แกยังกินได้หน้าตาเฉย...ฉันล่ะอารมณ์เสีย” น้ำมนต์ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเพื่อน เธอมักจะร้อนรนไปก่อนเสมอ และด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนสาว จึงไม่อยากเอ่ยบอกไปในทันที ปล่อยให้เพื่อนกินข้าวรับสารอาหารเข้าร่างกายเสียบ้าง ร่างกายที่ซูบผอมลงทุกวันราวกับพวกนางแบบที่ไร้ความรู้สึกบนแคทวอล์กก็ไม่ปาน ลิษาเคยเป็นผู้หญิงที่ร่าเริงสดใส ทั้งสวยกว่าตอนนี้เป็นไหน ๆ นึกอยากหวนย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน เธอจะไม่พาเพื่อนเข้าไปในผับไฮโซนั่นเลย “ขอฉันกินก่อนนะ ไม่ได้กินอะไรเข้าไปมาเป็นวัน” เมื่อร่างกายประท้วงต้องการอาหารจากเธอ ดังนั้นเธอควรบำรุงมันให้ดี เพื่อไปต่อสู้กับสิ่งที่กำลังจะปะทะเข้ามาหาเธออีก แน่นอนว่ารัชนีไม่ยอมจบแค่เสียเด็กในท้องไปแน่ แต่ว่าลูกใครนั้นเธอจะไม่พูดในตอนนี้ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นมันไม่ทำให้ตัวเองแท้งแล้วโยงเรื่องนี้มากำจัดเธอหรอก “ฉันออกไปซื้อโจ๊กเห็นพวกชโลธรมาออเต็มโรงพยาบาล” “ไม่ได้มาเยี่ยมฉันหรอก โน้นสะใภ้คนโปรดแท้งลูก” เธอนั่งกินไปก็พูดไป ไม่ได้สนใจว่าคนพวกนั้นจะมาหาใคร เพราะอย่างไรพวกเขาก็ไม่สนใจสะใภ้นอกคอกอย่างเธอ “แม่รัชนีกระพือข่าว” น้ำมนต์เกริ่นขึ้น “ฉันก็คิดไว้แล้ว” ลลิษาตอบอย่างไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก เพราะเรื่องของแม่นั่นไม่เคยทำให้เล็ก แต่คนที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงคงไม่พ้นเฒ่าพีระวศุตม์ผู้นั้น ที่รักชื่อเสียงเสียจนปิดหูปิดตา ลูกหลานทำชั่วก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น “แกก็เลยยอมเป็นจำเลย?” “แกไม่รู้จักฉันหรือไง” ลลิษามองหน้าเพื่อน แต่เมื่อเห็นริมฝีปากของเพื่อนรักค่อย ๆ คลี่ออกก็อดขันไม่ได้ “นี่สิ ถึงจะเป็นลิษาของฉัน บอกแผนการของแกมาได้เลย ฉันพร้อมสนับสนุน” เธอเป็นกองหนุนของเพื่อนเสมอตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เพื่อนเอาอย่างไรเธอเอาด้วย พากันจบมาได้ก็บุญท่วมหัว เพราะขึ้นชื่อเรื่องโดดเรียนเที่ยวเก่งกันทั้งคู่ “ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ฉันก่อน ฉันต้องไปหย่าที่เขต” “โอ๊ย!...แก...ข่าวดีที่สุดในรอบปี” น้ำมนต์แทบอยากจะกระโดดกอดเพื่อน เพราะว่าตาสว่างสักทีหลังจากที่โง่รักผู้ชายไม่เอาไหนหัวปักหัวปำมานาน “แกหยิบโทรศัพท์ให้ฉันหน่อย” เธอบอกเพื่อนหลังทานข้าวและยาเสร็จแล้ว เลื่อนดูคลิปเสียงที่เก็บไว้ในมือถือตัวเอง พร้อมกับวิดีโอลับในบ้านชโลธร “ฉันจะรีบไปจัดการ” น้ำมนต์รีบออกไปจัดการเรื่องการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้กับเพื่อนสาว แต่เมื่อเห็นสามีเพื่อนที่กำลังจะเป็นอดีตอีกไม่ช้าเดินมากับผู้ชายหนุ่ม จึงหลบหลังเสาทันที “ทิศ นายช่วยตามลลิษาให้หน่อยว่าไปอยู่ที่ไหนกับใคร” ปรินทรรู้ว่าเธอกำลังโกรธเดี๋ยวสักพักไม่มีที่ไปก็ซมซานกลับมาอยู่ดี อยู่ที่เมืองไทยไม่มีญาติที่ไหน นอกจากเขาที่เป็นสามี เธอจะไปไหนได้ และไม่มีเงินของเขาใช้อีกด้วย “น่าจะอยู่โรงพยาบาลนะครับ เมื่อวานป้าณีเดินมาพูดกับผมหลังจากช่วยคุณลิษาขึ้นรถเพื่อน เธอหมดสติขณะนั่งรอคุณน้ำมนต์ คาดว่าน่าจะมาโรงพยาบาล” “ว่าไงนะ!” ปรินทรหยุดฝีเท้ากึก ตกใจกับคำตอบของผู้ช่วยที่บอกว่าลิษาอยู่โรงพยาบาล แต่ไม่มีใครบอกให้เขารับรู้สักคนเดียว “เอ่อ...ผมไม่ได้รายงานคิดว่าคุณไม่สนใจ” “นั่นเมียฉันนะ” ปรินทรหงุดหงิดที่คนในบ้านทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจไปเสียหมด แม้กระทั่งลูกน้องคนสนิทของตัวเองที่ไว้วางใจให้ทำงานแทน ทศทิศหน้าเจื่อนลงเมื่อเห็นแววตาวาวโรจน์ของผู้เป็นเจ้านาย เขาไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง เพียงแต่ไม่อยากทำให้ผู้เป็นนายต้องขุ่นเคือง “แล้วอยู่โรงพยาบาลไหนไปเช็กมา” ลลิษาคือภรรยาของเขา อย่างน้อยก็ต้องไปดูแล ต่อให้ทำผิดแค่ไหนก็ตาม เดี๋ยวคิดไว้ว่าวันหนึ่งเธอคงจะสำนึกได้และมาขอโทษเอง ทุกครั้งเธอก็เป็นฝ่ายยอมรับผิดแต่โดยดี ไม่เคยมีปากมีเสียง ครั้งนี้คงเป็นเหตุการณ์ที่หนักหนาเกินไปทำให้หนีเตลิดออกจากบ้านอย่างนั้น ‘ผู้หญิงก็อย่างนี้เอาใจยาก’ เรื่องราวที่ทั้งเจ้านายและลูกน้องคุยกันนั้น น้ำมนต์ได้ยินเต็มสองหู แล้วก็รีบไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล เพราะกลัวเพื่อนจะเปลี่ยนใจเมื่อสามีที่รักมาเยี่ยม เธอเล่าเรื่องที่เพิ่งเจอให้กับเพื่อนสาวฟังหลังจากขึ้นรถออกไปแล้ว และสีหน้าของเพื่อนที่ดูเฉยชานั้นทำให้น้ำมนต์แปลกใจ “เธอไม่อยากพบเขาเหรอ” “พบให้ได้อะไร คนที่ไม่เชื่อใจเมียแบบนั้น” “แล้ว...!” “จำไว้นะน้ำมนต์ ฉันไม่ได้ต้องการกลับไปรักหวานชื่นอีกปลอม ๆ ฉันต้องการหย่าและต้องเอาคืนให้สาสม” เธอตั้งใจอย่างแรงกล้าเพื่อชำระแค้นให้ตัวเอง นึกไปถึงที่เขาพูดเรื่องให้เธอเลือกระหว่างการขอโทษผู้เป็นปู่กับให้เธอเลือกหย่า ตอนนั้นเธอยอมรับว่าลังเล แต่ทว่าจะให้เธอรับผิดในสิ่งที่เธอไม่ได้กระทำมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนเรายอมเจ็บยอมโง่แค่ครั้งเดียว ในเมื่อเขาพูดเรื่องหย่าขึ้นมาก่อน เธอก็จะทำในสิ่งที่เขาอยากได้ หย่าก็หย่าสิ หย่าแล้วตัดเธอให้ขาดไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเธอได้ยิ่งดี “น้ำมนต์ ให้ทนายของบ้านเธอร่างหนังสือเงื่อนไขการหย่าให้ฉันด้วย นับจากวันที่ฉันเดินจากบ้านชโลธร ฉันกับเขาไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป” “ได้สิ...แล้วเธอ...” น้ำมนต์ยังถามเพื่อนรักไม่ทันจบดี ก็มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเพื่อนดังขึ้นมา ลลิษามองดูเบอร์ก็เห็นว่าเป็นชื่อของจางเจียเทา บิดาผู้ตัดขาดกับเธอไปเมื่อสองปีก่อนติดต่อกลับมา “ฮัลโหล” เธอกดรับพยายามทำเสียงให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพราะรู้ดีว่าเรื่องราวที่เกิดกับเธอคงได้ยินไปถึงหูผู้เป็นบิดาแล้ว ต่อให้ตัดขาดกันอย่างไร พ่อของเธอก็ส่งคนมาติดตามสืบข่าวลูกสาวคนสุดท้องของเขาอยู่ดี “อาลี่...ลูกเล่นสนุกพอหรือยัง” คำถามนั้นทำเอาคนเป็นลูกที่แสนอกตัญญูอย่างจางลี่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติสั่นเครือขึ้นมาทันที จากคนที่คิดว่าไร้ญาติขาดมิตร แท้จริงนั้นไม่ใช่ เธอยังมีครอบครัวที่พร้อมจะดูแลและสนับสนุนเธอ “พ่อคะ...” น้ำเสียงสั่นเครือของลูกสาวทำเอาจางเจียเทาอยากบินไปรับกลับบ้านทันที “กลับบ้านได้แล้ว เลิกสนุกแล้วกลับมาทำงานซะ” จางเจียเทานั้นไม่โอ๋ลูก อยากทำอะไรก็ปล่อยให้ทำ แต่เมื่อลูกล้มก็พร้อมจะพยุงให้ลุกขึ้น “หนูกลับแน่ค่ะ ขอจัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยก่อน” เธอพูดแค่นั้นและก็วางไป หากขืนพูดมากไปกว่านี้คงได้ร้องไห้หนักกว่าเดิม คนที่รักเธออย่างแท้จริงคงมีแค่ผู้เป็นบิดาเท่านั้น “ลี่ลี่” น้ำมนต์เรียกชื่อเก่าของเพื่อนสาวทั้งเอามือมากุมไว้ “ฉันโอเค...แกช่วยติดต่อเพื่อนนักข่าวของแกให้หน่อยนะ ฉันมีข่าวเด็ดอยากเสนอ” เธอปาดน้ำตาแล้วเปลี่ยนเรื่องเศร้าให้เป็นเรื่องสนุก เธอไม่ยอมก้มหัวให้ใคร และไม่เคยขอโทษในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด คิดจะเล่นกับคนอย่างเธอ...มันเร็วไปสิบปีแม่ชะนีผัวตาย! ในเมื่อชื่อเสียงที่หวงนักหวงหนานั่น แปดเปื้อนเพราะสะใภ้สุดโปรดเล่า เฒ่าชโลธรจะเป็นอย่างไร...!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD