เธอเงยหน้ามองเขาแล้วค่อย ๆ พ่นลมหายใจพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองไว้ให้มากที่สุด เพราะไม่อยากระเบิดอารมณ์ไปมากกว่านี้
ดวงดวงตาใสงดงามดุจแก้วเจียระไน มิอาจซ่อนแววตาผิดหวังเอาไว้ได้
หญิงสาวผินหน้าเนียนสวยราวกับตุ๊กตาเชิดขึ้น เดินตรงไปยังห้องนอนเพื่อเก็บของของตัวเอง และคิดจะจากที่นี่ไปอย่างไม่มีวันกลับ
ระหว่างทางที่จะก้าวเข้าห้อง ปรินทรก็เดินตามมาและรั้งแขนเอาไว้
“ทำไม...เหมือนอยากพูดอะไร” เขาไม่ชอบแววตาที่เธอมองเขาราวกับตัวโง่งมนั้นเอาเสียเลย
เธอทำผิดแล้วยังอวดดีก้าวร้าวอีก จะให้เขาทำอย่างไรกับเธอดี
หญิงสาวสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา แล้วหันไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นสามี
“คุณฟังฉันให้ดีนะ ฉันไม่ได้เป็นคนผลักรัชนีตกน้ำ ทุกอย่างรัชนีเป็นคนทำเองทั้งหมด”
เธอจะพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะจะไม่พูดกับเขาอีกกับเรื่องที่เธอไม่ได้ทำ
“หึ...คุณคิดว่าผมโง่หรือไง คนดี ๆ ที่ไหนเขาจะทำให้ตัวเองเจ็บตัวจนต้องเสียทายาทหนึ่งเดียวไป” ไม่คิดว่าเธอจะแก้ตัวไปด้วยน้ำขุ่น ๆ เช่นนี้
“ที่บอกก็บอกไปหมดแล้ว คุณไม่เชื่อก็ตามใจ” เธอสะบัดหน้าอีกหนพร้อมเดินเข้าห้อง
เธอเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเก็บเอาของสำคัญลงกระเป๋า แต่เมื่อมีร่างสูงมายืนกดดันอยู่ด้านหลัง ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
แววตาที่เขามองเธอลงมานั้น รับรู้ได้ถึงความสมเพชเวทนาเป็นที่สุด
เธอรู้ว่าเขาไม่เชื่อที่เธอพูด แต่จะให้เธอทำอย่างไรได้ เขาไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ เธอไม่อาจจะโน้มน้าวคนไม่มีใจอย่างเขาแล้ว
“จะไปไหน?” เสียงเข้มถามออกไป ที่ภรรยาก่อเรื่องแล้วจะหนีหายไปหน้าตาเฉยไม่ได้ เธอต้องอยู่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำไปทั้งหมด
“ฉันรู้ทั้งหมดที่ฉันพูดไป คุณไม่เชื่อดังนั้น...” เธอเว้นคำชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยคำที่ไม่อยากเอ่ยออกไปในที่สุด
“เราหย่ากันเถอะค่ะ ปรินทร”
‘เราหย่ากันงั้นเหรอ’ ชายหนุ่มคิดทบทวนในใจพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก
เขาคิดว่า การที่ลงโทษให้เธอสำนึกผิดอยู่ด้านนอกนั้นจะทำให้เธอได้คิดอะไรได้บ้าง แต่ไม่เลยนั่นเท่ากับเสียเวลาเปล่าประโยชน์ คนอย่างเธอมันเกินเยียวยา
ลลิษาพูดจบก็หยิบเอกสารของตัวเอง กับกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบบัตรเครดิตเหวี่ยงใส่หน้าเขา
“เอาไป...ของคุณฉันคืนให้ เจอกันที่เขต”
เธอลากกระเป๋าลงมาชั้นล่าง แล้วกดเบอร์โทรหาน้ำมนต์ เพื่อนสาวคนสนิทของเธอที่สุดให้มารับ
ระหว่างที่จะเดินพ้นประตูบ้าน ปรินดาก็ไม่วายมาเยาะเย้ยถากถางก่อนไป
“หวังว่าจะไปแล้วไปลับนะ...หึ !” ปรินดายืนกอดอกออกปากไล่อยู่กราย ๆ
ลลิษามองหน้าแล้วก็เมินเฉยไป ลากกระเป๋าก้าวเดินอย่างเชื่องช้าแต่ให้ทรงตัวอย่างมั่นคง
เธอไม่สบายตั้งแต่เมื่อคืน จนป่านนี้ยังไม่ได้กินยาสักเม็ดเพื่อบรรเทาอาการ
เธอกัดฟันให้พ้นประตูรั้วออกไปแล้ว และก็นั่งบนกระเป๋าเดินทางเพื่อรอเพื่อนมารับ อากาศรอบนอกที่มีลมพัดรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้านไปทั้งอก แม้ว่าจะใส่เสื้อกันหนาวแล้วก็ตาม แต่ทว่ามันไม่รู้สึกอบอุ่นขึ้นเลยสักนิด
ดวงตาเธอมองไปที่ถนนอย่างรู้สึกพร่ามัว และเมื่อเห็นรถเพื่อนเลี้ยวเข้ามาจอดเทียบกับฟุตบาท สติทั้งหมดก็เลือนหายไป ร่างเธอร่วงไปกองกับพื้น
“ลิษา...!” น้ำมนต์กรีดร้องอย่างตกใจ แต่ว่าเธอนั้นยกร่างเพื่อนขึ้นไม่ไหว จนมีแม่บ้านผู้ชราวัยเดินเข้ามา
“ป้าณี...ช่วยมนต์หน่อยค่ะ” น้ำนมต์คุ้นเคยกับแม่บ้านผู้นี้ดี เพราะไหว้วานฝากของให้เพื่อนรักบ่อยครั้ง
“มาค่ะ” ป้าณีช่วยกันหิ้วปีกพยุงร่างที่ไร้สติของเพื่อนสาวขึ้นรถ แล้วจับกระเป๋าโยนไปที่ด้านหลังรีบสาวเท้าขึ้นรถขับรถไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ป้าณีมองตามรถของคุณน้ำมนต์จนลับสายตา ดวงตาหญิงชราหม่นเศร้ากับชะตาของคนดี ๆ อย่างคุณลลิษา
น้ำมนต์มองเพื่อนสาวแล้วก็อดตกใจไม่ได้ เธอเหยียบเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ขับหลบหลีกการจราจรที่แสนติดขัดในกรุงเทพมหานครจนไปถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ใบหน้าเพื่อนสาวแดงก่ำ ตัวร้อนดั่งไฟ นึกแค้นสามีของเธอที่ทื่อเหมือนสากกะเบือนั่น ทำให้เพื่อนรักของเธอต้องทรมานกายจนป่วยขนาดนี้
เธอจดบัญชีแค้นไว้ภายในใจ คิดว่าวันหนึ่งต้องไปสะสางกับตระกูลนี้ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย
คุณหมอฉีดยาลดไข้ให้กับคนไข้ และให้น้ำเกลือทั้งยาที่ช่วยให้หลับสนิทมากขึ้น เพราะร่างกายเหมือนไม่ได้พักผ่อนมาตลอดคืนทำให้เป็นลมลงไป แต่ดีที่ถึงมือหมออย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นอันตรายไปได้
ลลิษาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าท้องฟ้าหมดแสง เห็นเพียงแสงไฟเลือนลางที่นอกหน้าต่าง มองไปรอบ ๆ เห็นเป็นห้องพักสีขาวกับเตียงนอนคนไข้ที่มีราวน้ำเกลือแขวนอยู่
เมื่อหันไปด้านข้างพบว่าเพื่อนรักของเธอนั่นเองเป็นผู้นำตัวเธอส่งมาที่โรงพยาบาล หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเจ็บปวด
สติสุดท้ายจำได้เลือนรางว่า ลากกระเป๋าซมซานออกจากบ้านชโลธรอย่างทุลักทุเล แล้วก่อนที่ภาพจะตัดไป เห็นเป็นเงาของรถเพื่อนสาวเข้ามาจอดเทียบริมถนน
แม้ในใจลึก ๆ แล้ววาดหวังให้ใครคนนั้นที่ห่วงใยเธอเป็นเขา แต่อย่างไรเสียก็คงไม่มีวันนั้น
ปรินทร ชายไร้หัวใจที่เธอเอาหัวใจให้เขาโยนเล่น เธอจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว
อยู่บ้านชโลธรเธอไม่มีอะไรดีสักอย่าง เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่ไม่เชิดหน้าชูตาให้เขา เธอรู้ว่าเขาเมาและพลาดพลั้งให้กับครั้งแรกของเธอ
เขาตัดสินใจแต่งงานกับเธอหลังตื่นขึ้นมา โดยที่มีร่างเล็กของลลิษาอยู่ในอ้อมกอด
เธอมันโง่เองที่ตอบตกลงแต่งงาน โดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน
น้ำตาแห่งความเสียใจไหลเพียงเงียบ ๆ ไม่กล้าแม้สะอื้นเสียงดัง กลัวเพื่อนรักที่หลับอยู่ด้านข้างตื่นขึ้น
เธอไม่แม้จะเรียกเพื่อนสาว แต่เลือกนอนตะแคงหลับตาซึมซับไปกับความไร้เดียงของตนเอง ที่ไม่ฟังคำทัดทานของพ่อแม่จนนำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจในทุกวันนี้
หลังจากนี้ต่อไป เธอจะไม่กลับไปเคี้ยวหญ้าอีกแล้ว เขาจะไปขึ้นสวรรค์ลงนรกที่ไหนก็เชิญ!
ผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลายคนงั้นเหรอ อยากได้ก็เอาไปเลย เชิญไปเกลือกกลั้วกับของเหม็นเน่าอย่างรัชนีไปเสียเถอะ ‘ฉันหลีกทางให้’