“รู้จักดีด้วย”

1680 Words
“ขอบใจที่ให้ยืม… ” ฉันยืนอึ้งอยู่กับที่ มองตามแผ่นหลังกว้างที่ค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป เสียงหัวใจยังคงดังอยู่ในอกไม่หยุด หมอนั่น… เล่นอะไรของเขาอีกแล้ววะเนี่ย “เห้ย น้ำหวาน! ทำหน้าแบบนั้นคือยังไง แอบเขินอยู่ล่ะสิ?” แจมเดินมาแซวทันทีที่เห็นฉันยืนนิ่งเหมือนถูกสาป “บ้า! ใครเขิน ไม่ได้เขินเลยนะ” ฉันรีบปฏิเสธเสียงสูงแล้วหันไปคว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่ม กลบเกลื่อนความรู้สึกวูบวาบในอกตัวเอง “ไม่เขินแล้วหน้าแดงทำไมยะ” แจมหัวเราะแล้วตีแขนฉันเบา ๆ “เอาดี ๆ นี่พี่หมอกเดินมาคืนปากกาด้วยตัวเองแบบนี้ เขาต้องสนใจเธอแหง” “สนใจอะไรล่ะ คนอย่างเขา… เขาไม่มาสนใจฉันหรอก” “แต่เขาสนใจพอจะเดินมาหาเธอกลางห้องแบบไม่แคร์สายตาใครเลยนะ” ฉันชะงักนิดหนึ่งกับคำพูดนั้น… ใช่สิ พี่หมอกเป็นคนแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น เงียบ ขรึม เย็นชา และไม่เคยสนใจใคร แล้วทำไมเขาถึง… “เฮ้ ไอแจม!” เสียงใหม่ดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันหันไปมองก็เจอหน้าพี่แทนไท พี่ชายของแจมที่เรียนอยู่อีกภาค และเป็นเพื่อนสนิทของพี่หมอก “เลิกเรียนยัง ไปหาอะไรกินกัน เปลี่ยนบรรยากาศหน่อย” แจมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ฉันกับรู้สึกเหมือนมีสายตาจากมุมไกลจ้องมาแรง ๆ จนต้องหันไปมองโดยอัตโนมัติ พี่หมอก… ยืนอยู่ตรงระเบียงชั้นบนของคณะ มองลงมาที่พวกเรา และฉันก็ไม่แน่ใจว่า… แววตาคู่นั้นมันแฝงความรู้สึกแบบไหนกันแน่ ——— ร้านชาบู… ตอนแรกก็แค่พี่แทนไทเดินเข้ามาชวนแจมไปหาอะไรกินตามประสาพี่ชาย แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าพวกฉันต้องมานั่งร่วมวงด้วย ด้วยเหตุผลสุดงงจากยัยแจมว่า “ไม่อยากไปกินกับพี่ชายสองคน มันน่าเบื่อ” แค่ฟังเหตุผลก็อยากจะถอนหายใจใส่รอบหนึ่งแล้ว แต่ที่น่าอึดอัดกว่าคือ… ตอนนี้ตรงหน้าฉันไม่ได้มีแค่พี่แทนไทกับพวกฉันเท่านั้น ยังมีพี่เจเจ พี่ไทเกอร์ และ… เขา พี่หมอก เขานั่งอยู่หัวโต๊ะ ฝั่งตรงข้ามฉันพอดี แววตานิ่ง ๆ แบบเดิมจนฉันไม่สามารถเดาได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ จะลุกหนีก็ดูเสียมารยาท จะนั่งเฉย ๆ ก็รู้สึกเหมือนใจมันเต้นแรงเกินเหตุ ให้ตายสิ… ทำไมต้องมานั่งวงเดียวกับเขาด้วยนะ “เรียนเป็นยังไงกันบ้างล่ะสาว ๆ เหนื่อยไหม?” พี่เจเจเอ่ยถามหลังจากที่เพิ่งจัดการหมูในหม้อเสร็จ “ก็ดีค่ะ แต่ยังมีบางจุดที่ไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อย” นุ่นตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ พร้อมถอนหายใจเบา ๆ “ถ้าไม่เข้าใจก็ถามพวกพี่ได้นะ ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนของแจม ซึ่งก็เหมือนเป็นน้องของพวกพี่นั่นแหละ” แทนไทพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เพื่อนอีกคน “โดยเฉพาะเรื่องคำนวณ ปรึกษาไอเกอร์ได้เลย หมอนี่มันเก่ง” “เกี่ยวเหี้ยไรกับกูวะ?” ไทเกอร์เอ่ยเสียงนิ่งแต่ฟังดูดุใส่แทนไท “เอ้า! ก็จริงป่ะล่ะ มึงเรียนเก่งกว่ากูอีก น้อง ๆ เขาปรึกษาก็ช่วยตอบหน่อยเหอะ” “เป็นถึงหัวหน้าเฮดว้าก คงไม่มีเวลาว่างมานั่งติวน้องหรอกมั้งคะ” แบมแบมพูดขึ้นเรียบ ๆแต่แอบกัด พลางเหลือบมองไปทางไทเกอร์ ไทเกอร์หัวเราะในลำคอเบา ๆ “หึ… อวดดี” แทนไทกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ หลุดหัวเราะเบา ๆ “ฮ่า ๆ มึงโดนเข้าแล้วไอเกอร์” ฉันนั่งเงียบ ฟังเสียงบทสนทนาของทุกคนในกลุ่มอย่างตั้งใจ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่ได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ “ผักกาด ของชอบเธอนี่” เสียงทุ้มของพี่หมอกดังขึ้นเรียบ ๆ ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นทันที เขากำลังใช้ตะเกียบคีบผักกาดในหม้อชาบูร้อน ๆ อย่างตั้งใจ ก่อนจะยื่นถ้วยเล็ก ๆ ที่ใส่ผักมาให้ฉัน ฉันรับไว้ด้วยมือสองข้าง รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากถ้วยจนหน้าแทบจะร้อนตามไปด้วย “อืม… ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับเบา ๆ พยายามไม่สบตาเขานานเกินไป กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจที่เริ่มเต้นแรงเกินเหตุ “แหม ไอ้หมอก กูก็อยากกินผักกาดบ้างว่ะ มึงตักให้กูด้วยสิ” เจเจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งแซว กึ่งอิจฉา หลังจากเห็นหมอกตักผักให้ฉันอย่างใจดีผิดปกติ หมอกเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแล้วตอบนิ่ง ๆ แบบไม่ต้องเสียเวลาคิด “ไม่มีมือหรือไง?” เจเจแกล้งทำหน้าเศร้า ก่อนจะหัวเราะร่า “โธ่ ก็อยากได้โมเมนต์บ้างอ่ะ เพื่อนรัก~” พูดจบก็เอามือไปคล้องคอหมอกแบบเล่น ๆ หมอกเบี่ยงตัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเจเจด้วยสายตานิ่ง ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “เอามือมึงออกไปเลย น่ารำคาญ” “ค้าบ ๆ คุณพ่อ~” เจเจรีบปล่อยพร้อมหัวเราะร่วน ทำเอาคนทั้งโต๊ะหลุดหัวเราะตามกันเบา ๆ บรรยากาศรอบโต๊ะดูครึกครื้นขึ้นทันตา เหมือนทุกคนเริ่มจะละลายพฤติกรรมกันได้มากขึ้นในมื้อค่ำที่เต็มไปด้วยความเป็นกันเองนี้ เสียงหม้อชาบูยังคงเดือดเบา ๆ กลิ่นน้ำซุปยังหอมกรุ่นไม่จางหาย เสียงพูดคุยเริ่มแผ่วลงบ้างหลังอิ่มกันพอประมาณ ก่อนที่แบมแบมจะเป็นคนทำลายความเงียบด้วยคำถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “เออ แล้วนี่มึงกลับยังไง น้ำหวาน? ให้กูไปส่งป่ะ?” แบมแบมถามพลางคีบหมูจากหม้อลงจานตัวเอง ก่อนจะเอาเข้าปากเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก ฉันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบาง ๆ แล้วส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกลับเอง บ้านฉันกับหอแกมันคนละทาง เกรงใจน่ะ” แจมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมาทางฉันทันที “หรือจะให้กูไปส่งก็ได้นะ” ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร สายตากลับไปสะดุดเข้ากับพี่แทนไทที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ให้พี่ไปส่งไหมล่ะ?” ฉันเลื่อนสายตากลับมามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มเกรงใจ “ไม่เป็นไรค่ะ…” แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบดี เสียงทุ้มต่ำของเขาก็ดังแทรกขึ้นกลางวงสนทนา เรียบและหนักแน่นพอจะให้ทุกคนชะงัก “กลับกับฉัน” ประโยคนั้นเรียบง่าย แต่กลับดังชัดเจนในใจฉัน ราวกับเสียงรอบตัวหายไปชั่วขณะ ทุกสายตาหันไปทางพี่หมอกที่เอ่ยคำพูดนั้นขึ้นมาโดยไม่แม้แต่จะมองใครนอกจากฉัน ฉันชะงักเล็กน้อย ใจเต้นผิดจังหวะโดยไม่รู้ตัว… “พี่หมอกรู้จักบ้านน้ำหวานด้วยเหรอคะ?” เมย์ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มแบบที่ดูเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก เพราะในใจเธอรู้อยู่แล้ว บ้านของน้ำหวานกับพี่หมอกอยู่ติดกัน เพื่อนสาวเคยเล่าเรื่องสมัยเด็กให้ฟังหลายครั้งแล้ว พี่หมอกเงยหน้าขึ้นจากชามชาบูเล็กน้อย แววตาเรียบนิ่งเหมือนเคย “อืม…รู้จักดีด้วย” เสียงตอบของพี่หมอกยังคงนิ่งเรียบ แต่ความหมายมันกลับลึกกว่าที่คิด ความเงียบแผ่ซ่านอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เสียงแซวจากเจเจจะดังขึ้น ทำลายความนิ่งงันบนโต๊ะ “แหน่ะ…รู้จัก ‘ดี’ ด้วยอะ~ หรือว่าบ้านอยู่ใกล้กันจนสนิทกันตั้งแต่เด็กแล้วมั้ง?” เจเจลากเสียงยาว ทำตาวิบวับแล้วหันไปยิ้มขำกับแทนไท “หรือไม่ก็คงมีความลับอะไรซ่อนอยู่แหง…” แทนไทสมทบพร้อมยกแก้วน้ำขึ้นจิบพลางมองหมอกด้วยแววตาแกล้ง ๆ “เงียบไปเลยพวกมึง” หมอกพูดเสียงนิ่ง แต่หางคิ้วกระตุกนิด ๆ อย่างห้ามไม่ให้หลุดยิ้มออกมา “น่ารักดีนี่พี่หมอกกับน้ำหวาน” เมย์กระซิบกับแบมแบมเบา ๆ พร้อมกลั้นยิ้ม น้ำหวานที่นั่งฟังอยู่ ทำได้แค่ก้มหน้าแนบช้อนกับชาม กลั้นใจไม่ให้หน้าแดงไปมากกว่านี้ แต่อยู่ๆฉันถึงกับสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงของพี่หมอกพูดต่อขึ้นมา “เลิกแซวกันได้แล้ว กินไปเถอะ” น้ำเสียงของเขาดูเรียบ ๆ แต่สายตาที่หันมามองเธอแวบนั้น มันกลับอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด “ทำไมหรือมึงเขินหรอวะไอหมอก?” เจเจไม่หยุดหาเรื่องแหย่ “เออ กูว่าใช่นะ ตั้งแต่เห็นมึงตักผักให้ กูก็สัมผัสได้ถึงพลังงานความรักบางอย่าง” ไทเกอร์ที่ปกติไม่ค่อยพูด ยังหลุดแซวตาม “งั้นให้กูบอกไหม ว่ารู้จักน้ำหวานดีแค่ไหน?” พี่หมอกพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้มองใคร แต่สายตากลับยังจ้องมาที่น้ำหวาน ทุกคนบนโต๊ะนิ่ง…แล้วหมอกก็พูดต่อแบบจริงจัง “รู้ว่าไม่ชอบแตงกวาในข้าวผัด รู้ว่าชอบกินน้ำแข็งเยอะ ๆ เวลาสั่งชาเขียว แล้วก็รู้…ว่าถ้าหน้าเริ่มแดง แปลว่าเริ่มเขินแล้ว” เสียงแซวเงียบลงชั่วขณะ ก่อนจะกลายเป็นเสียงเฮอาาา~ จากทั้งโต๊ะ “เหี้ยยย หมอก!!! มึงแม่ง…” “นี่มันพี่หมอกโหมดพระเอกซีรีส์ชัด ๆ” “อิจฉาน้ำหวานว้อยยย” น้ำหวานได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้า ขณะที่หัวใจก็เต้นรัวจนแทบไม่เป็นจังหวะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD