ตอนที่ 1
“ปีโป้กลับบ้านกับฉันเดี๋ยวนี้!”
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีจังหวะเร้าใจได้อย่างชัดเจน มันทำให้ผมต้องรีบหันกลับไปทางต้นเสียงเรียกอย่างรวดเร็ว…
“คุณแม็ก!!”
ผมร้องทักคนตรงหน้าเสียงหลงด้วยความตกใจและหวาดกลัวขึ้นมาทันที
บรรยากาศที่อึกกระทึกครึกโครมเมื่อสักครู่นี้กลับเงียบสงัดราวกับว่าไม่มีผู้ใดอยู่ที่นี่ ไม่กี่วินาทีต่อมาได้มีกลุ่มชายชุดดำหลายสิบคนบุกเข้ามาภายในผับที่ผมเพิ่งสนุกสุดเหวี่ยงไปเมื่อสักครู่ หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีแขนเล็กๆของผมก็ถูกมือใหญ่จับไว้แน่นคล้ายกับว่าจะให้แขนของผมแหลกคามือนั้นให้ได้
“คุณแม็กปล่อยมือผมนะครับ ผมเจ็บ!..”
สายตาของนักท่องราตรีเกือบร้อยคู่ต่างจับจ้องดูมาที่ผมกับคุณแม็กสามีโหดของผมตาไม่กระพริบ เนื่องด้วยภาพที่ทุกคนเห็นช่างดูน่าสงสารสำหรับคนตัวเล็กอย่างผมมาก ที่ชายร่างกำยำแข็งแรงกำลังใช้ฝ่ามือใหญ่บีบข้อมือเล็กๆ อย่างแรงจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นบริเวณต้นแขนแกร่งชัดเจน ซึ่งหลังเกิดเหตุไม่ถึงห้านาทีไฟแสงสีเสียงของผับก็ถูกปิดลงพร้อมกับเปิดไฟขาวสว่างโล่ จนทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ทุกคนต่างมีสีหน้าดูตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าโดยไม่คาดคิดว่าคนตัวใหญ่จะใช้ความรุนแรงกับคนร่างบอบบางได้ถึงเพียงนี้ ทั้งฉุด กระชาก ลาก เหวี่ยงอย่างไม่ปราณี ขณะที่ปากก็พร่ำบ่นต่างๆ นานาใส่ผมที่อยู่ในกำมือไม่หยุด
“ฉันดูแลแกไม่ดีใช่ไหม ถึงต้องมาหาเศษหาเลยทำตัวไร้ค่าแบบนี้ ฉันเลี้ยงดูอย่างสุขสบาย อยากได้อะไรก็ปรนเปรอให้ทุกอย่างแต่ทำไมแกทำตัวแบบนี้….”
“ปล่อยนะ! ปล่อยผมเถอะ ปล่อยให้ผมได้เป็นอิสระบ้าง ที่ผมมาเที่ยวแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นการหาเศษหาเลยเหมือนคุณแม็กนะครับ อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง!”
ผมเกินจะอดทนได้ก่อนที่จะตัดสินใจตอบโต้ทันที โดยไม่เกรงกลัวฝ่ามือใหญ่ที่กำลังบีบข้อมือขณะนั้น ผมลืมไปว่าก่อนหน้านี้ผมหวาดกลัวคนตรงหน้าแค่ไหน เพียงคําพูดไม่กี่คำของคุณสามีที่สาดใส่ผมไม่หยุดหย่อน จนเป็นเหตุให้ผมฟิวส์ขาดในที่สุดก่อนจะหลุดคำพูดที่อัดอั้นมานานออกมา
“มึงอยากรู้มากใช่ไหมว่าทำไมกูต้องออกมาทำตัวแบบนี้ ก็กูไม่อยากน้อยหน้ามึงไงแม็ก.. มึงบอกว่ามึงเลี้ยงดูกูอย่างดี ให้ชีวิตที่สุขสบายกับกู แต่มึงกลับไม่เคยใส่ใจให้ความรักความเมตตาอย่างที่กูต้องการเลยแม้แต่ครั้งเดียว วันๆ ก็ใช้แต่เงินฟาดหัวกู แล้วมึงก็ออกไปหาความสุขสำราญกับคนอื่นไม่ซ้ำหน้า กูไม่หนีไปจากมึงตั้งแต่ตอนนั้นก็ถือว่าเป็นบุญหัวมึงมากแค่ไหนแล้ว ทำตัวสำส่อนเอาไปทั่ว กูบอกตามตรงเลยนะวันนี้กูไม่กลัวอะไรมึงแล้วแม็ก มึงจะฆ่ากูตอนนี้เลยก็ได้ มึงอย่าคิดว่ามึงเป็นมาเฟียมีอิทธิพลใหญ่โตแล้วจะทำห่าอะไรก็ได้นะ เมื่อมึงทำได้กูก็ทำได้เว้ย!! กูพูดจบแล้วปล่อยแขนกูได้หรือยัง..”
ปั้ก!!
“ว๊าย/กรี๊ด!!”
เสียงหมัดกระทบเข้ากับแก้มผมอย่างแรง เสียงกรีดร้องของสาวๆ ดังขึ้นด้วยความตกใจ ส่วนผมเองก็ตั้งตัวไม่อยู่เซล้มไปตามแรงหมัดของไอ้สามี จนหัวไปกระแทกเข้ากับบันไดปูนทางออกของผับเข้าเต็มๆ
“เลือด! นายน้อยเป็นยังไงบ้างครับ”
ผมได้ยินเสียงลูกน้องคนสนิทของไอ้สามีบ้าอำนาจร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับศีรษะของผม
“ไม่ต้องไปช่วยมัน.. ออกไป แค่นี้ไม่ตายหรอก ปากดีแบบนี้เท่านี้ยังน้อยไป มานี่!”
สามีผมมีสีหน้าเฉยชาพลางเอื้อมมือจับเจ็บแขนผมดึงขึ้นอย่างแรง ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากไปขึ้นรถยนต์คันหรูของมันที่จอดอยู่หน้าประตูด้านหน้าผับอย่างไร้ความปราณี ในขณะที่ผมเองพยายามใช้ฝ่ามือเรียวกุมศีรษะบริเวณที่กระแทกกับบันไดปูนด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับชำเลืองมองมันด้วยด้วยความรู้สึกเจ็บแค้นเป็นที่สุด
ณ คฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์ยุโรปใจกลางกรุงเทพฯ
“ลุก! ถึงบ้านแล้วอย่ามาทำตัวสำออยนะ ฉันไม่ชอบ!”
ผมยังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวก่อนจะร้องเรียกคนด้านข้าง เพื่อให้ลงจากรถยนต์โดยในระหว่างทางผมแทบไม่สนใจใยดีอะไรคนเจ็บเลย เพราะทันที่ผมเห็นภาพที่เขาโอบกอดลำคอชายคู่ขาเขาเต้นยั่วยวนไปมา มันก็แทบจะทำให้ผมอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือตรงนั้นแล้ว ยังมาพูดยั่วโมโหผมอีกมีหรือครับที่ผมจะทนไหว แต่คนที่ผมเรียกกลับนิ่งไปผมจึงค่อยๆประคองเขามาซบที่ไหล่ก็รู้ว่าเขาหมดสติไปแล้ว
“ปีโป้!!”
คนรักของผมหมดสติพร้อมกับมีเลือดสีแดงฉานเปียกบริเวณเสื้อด้านข้างเป็นแถบ ซ้ำยังมีสีหน้าที่ซีดลงจนดูน่ากลัว ผมรู้สึกร้อนรนทำตัวไม่ถูก พูดไม่เป็นภาษา จึงทำได้เพียงตีไหล่คนขับรถแล้วพูดว่า
“โรงพยาบาลๆๆ..”
ระหว่างทางไปยังโรงพยาบาล
“ฉันขอโทษนะปีโป้ ฉันทำให้แกต้องเจ็บตัวอีกแล้ว ฉันขอโทษนะ แกห้ามเป็นอะไรไปนะ แกเองก็ไม่น่าพูดยั่วโมโหฉันเลย ปีโป้ต้องไม่เป็นอะไรนะ….”
เสียงพร่ำวอนจากปากชายฉกรรจ์อย่างผมที่ไม่มีใครรู้เลยว่า เจ้าพ่อมาเฟียผู้มีอิทธิพลกว้างขวาง แค่เอ่ยชื่อก็ทำให้คู่ต่อสู้ต่างเกรงขาม ต้องมาเสียน้ำตาให้กับคนรักที่เป็นผู้ชายอย่างปีโป้ได้
ปีโป้ หนุ่มน้อยกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ถูกเลี้ยงมาจากสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า จับพลัดจับผลูมาอยู่ในความดูแลของผมตั้งแต่อายุได้สิบสองปี ขณะที่ผมเองมีอายุเพียงยี่สิบสองปีเท่านั้น ด้วยความผูกพันระหว่างเราสองคนได้เปลี่ยนความรักในรูปแบบพี่น้องกลายมาเป็นคนรักในวัยสามสิบสองปีของผมอย่างไม่น่าเป็นไปได้
หยดน้ำตาไหลนองหน้าผมตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของผมยังคงกุมศรีษะ จิกผมตัวเองแน่นก่นด่าตัวเองไม่หยุดระหว่างที่นั่งอยู่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกระวนกระวายภายในใจเพื่อรอฟังผลการรักษาของคนที่ผมรัก…
เมื่อครึ่งปีก่อน ณ คฤหาสน์สุดหรูของมาเฟียชื่อดัง
“พี่นะ คุณแม็กกลับมาหรือยังครับ”
ผมค่อยๆ เดินมาที่ประตูห้องนอนบานใหญ่เพื่อถามหาใครคนหนึ่งด้วยสภาพอิดโรยราวกับกำลังจะหมดแรงล้มกองลงอยู่ตรงนั้น
“นายน้อยไหวไหมครับ นายใหญ่กลับมาได้สักพักนึงแล้วครับ ผมเพิ่งบอกป้านวลว่าคอยดูแลนายน้อย ว่าอย่าเพิ่งให้นายน้อยออกมานี่ครับ อาการนายน้อยยังไม่ดีขึ้นเลยนะครับ”
ผู้ตอบคำถามรีบเดินมาประคองตัวผมได้ทันท่วงทีในขณะที่ผมกำลังจะล้มพิงขอบประตูห้องนอน พี่นะลูกน้องคนสนิทของคนที่ผมรักก็ออกเสียงปรามผมด้วยความเป็นห่วง
“ปล่อยผม ผมจะไปหาคุณแม็กนะพี่นะ..”
“เอิ่ม.. ผมว่านายน้อยกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ ให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ก่อนค่อยไปหานายใหญ่ก็ได้ครับ เชื่อผมเถอะนะครับ”
ลูกน้องคนสนิทของเจ้าของคฤหาสน์ร้องห้ามผมเชิงร้อนรนแฝงไปด้วยสิ่งผิดสังเกต
“ทำไมพี่ต้องห้ามผม หรือว่าคุณแม็คพาใครมาที่บ้านอีกแล้วใช่ไหม”
แม่บ้านคันดังกล่าวและตัวเขาไม่ได้ยินคำถามนี้ถึงกับหน้าถอดสี มีท่าทางเลิ่กลั่กอย่างสงสัย
“เอ่ออ!...”
ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้อธิบายอะไร ผมพยายามรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายวิ่งตรงไปยังห้องนอนใหญ่ของคนที่กำลังถูกพูดถึงทันที
“นายน้อยอย่าไปครับ!”
เสียงร้องห้ามของคนทั้งสองดังลั่นบ้านหลังใหญ่จนเป็นเหตุให้ทุกคนต่างตกใจแล้ววิ่งมายังจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าห้องนอนนายใหญ่ของพวกเขา
ประตูห้องนอนบานใหญ่ถูกผลักเข้าไปด้วยสองมือผมอย่างแรง
ปั้ง!
ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะปรากฏขึ้นต่อสายตาทุกคนที่อยู่หน้าประตูห้อง ททันทีที่ผมเห็นภาพด้านหน้าเพียงไม่ถึงแปดเมตร ผมรู้สึกหน้าชาเหมือนมีใครเอาไม้หน้าสามฟาดที่หน้าของผมอย่างแรง มันทำอะไรไม่ถูกบอกไม่ได้ว่าตอนนี้มันรู้สึกยังไง แต่เพียงเสี้ยววินาทีผมเริ่มกำหมัดแน่น นัยน์ตาทั้งสองข้างแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลรินย้อยเป็นทางอาบแก้มขาวนวลไม่หยุด มันเป็นภาพที่ใครคนหนึ่งกำลังนั่งคร่อมบดขยี้ขึ้นลงอย่างย่ามใจบนร่างกำยำของผู้ชายคนที่บอกว่ารักผมสุดหัวใจโดยไร้ซึ่งสิ่งปกคลุมร่างกายทั้งคู่ในลักษณะหันหลัง
ทันทีที่เสียงประตูดังขึ้นก็ส่งผลให้ชายคนรักและไอ้ชู้หน้าละอ่อน ต่างผละออกจากกันพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างอันเปลือยเปล่าให้แก่กันอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่คนรักของผมตวาดไล่
“ปีโป้แกเข้ามาทำไม ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!”
ไม่มีการตอบรับจากผมแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้โสดประสาทการรับรู้ของผมมันได้ตายไปแล้ว ทันใดนั้นเองสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อผมวิ่งกระโจนขึ้นไปบนเตียงขนาดคิงไซด์ที่มีชายสองคนเพิ่งเล่นหนังสดกันอย่างมีความสุขอยู่ต่อหน้าไปเมื่อสักครู่นี้ โดยตรงเข้าไปหาไอ้หน้าละอ่อนพร้อมกับฟาดฝ่ามือใส่หน้าของมันเต็มแรง
เพี๊ยะ!!
เสียงฟาดฝ่ามือกระทบแก้มชายชู้หน้าละอ่อนดังลั่นจนมันหน้าสั่นตามแรงตบ
“โอ๊ย! ปอนด์เจ็บจังเลยครับพี่แม็ก เขาเป็นใครทำไมถึงทำกับปอนด์แบบนี้ล่ะครับ!”
เสียงออดอ้อนของคนเจ็บร้องโอดครวญพลางใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างกอดก่ายคนตัวใหญ่ด้วยท่าทางออเซาะ
“กูก็เป็นเมียผู้ชายคนที่มึงนอนกกด้วยเมื่อกี้ไง”
ผมตวาดพร้อมกับชี้หน้าบอกเหตุผลที่ทำกับมันแบบนั้น
แต่ภาพที่ทุกคนเห็นเมื่อสักครู่ตอนที่ประตูเปิดเข้าไปจนเกิดเสียงดังลั่น ไอ้หน้าละอ่อนหันมายิ้มมุมปากมาทางผม ขณะที่มันกำลังลุกออกจากเจ้าแก่นกายของคนมักมากด้วยความสะใจ มันเป็นสีหน้าที่ยั่วยวนความตายมากหากตอนนั้นผมมีอาวุธในมือมันคงตายคาเตียงไปแล้ว พูดแล้วรู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก
“แกทำอะไรของแกรู้ตัวบ้างไหม”
ไม่ต้องกลัวนะครับเดี๋ยวพี่ปกป้องปอนด์เอง
“ครับพี่แม็ก ปอนด์กลัวจังเลยครับ”
ไอ้เด็กหน้าใสส่งสัยตาเย้ยหยันใส่ผมไม่หยุด ยิ่งทำให้ผมโมโหมากขึ้นเป็นทวีคูณ
“มึงอยากโดนอีกใช่ไหม มึงออกห่างจากผัวกูเดี๋ยวนี้!”
ผมไม่พูดเปล่าพร้อมเตรียมท่าจะกระโจนใส่มันอีกรอบ แต่…
ตุ้บ!!
“เอื้อ! คุณแม็ก”
“มึงนั่นแหละต้องออกไปจากห้องของกู ก่อนที่กูจะกระทืบมึงซ้ำ..” ผมถูกมือใหญ่ผลักอย่างแรงจนกระเด็นตกลงจากเตียง ส่งผลให้หลังผมกระแทกกับพื้นห้องนอนอย่างแรงไร้สิ่งรองรับ ก่อนที่คุณแม็กจะหันไปคุยกับไอ้เด็กหน้าใสที่ยังคงทำหน้าตาออเซาะข้างๆ อย่างเป็นห่วง
“ค่อยๆ ลุกนะครับน้องปอนด์เดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาลทำแผลนะครับ”
ซึ่งชายคนที่ผมรักและชายชู้ต่างประคับประคองช่วยกันใส่เสื้อผ้าให้กันแล้วเดินออกจากห้องนอนไป ไม่วายที่ไอ้หน้าใสจะใช้เท้าเตะซ้ำที่หลังของผมโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
“โอ๊ย!”
“จะแสดงอาการอะไรอีก ไม่ต้องไปช่วยอะไรมันนะ มันหอบร่างมาทำร้ายน้องปอนด์ได้มันก็กลับห้องมันเองได้ เข้าใจไหม!!”
คุณแม็กดูไม่สนใจผลจากการกระทำของตนเองเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะหันมาสั่งกำชับทุกคนแล้วเดินโอบเอวหนุ่มไอ้หน้าใสออกจากห้องไป
“ครับ/ค่ะ นายใหญ่/นายท่าน”
และเหตุการณ์ซ้ำๆ เรื่องราวเลวร้ายเดิมๆ ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบันหน้าห้องฉุกเฉิน
“ใครเป็นญาติคนไข้ครับ”
ทันทีที่เสียงใครคนหนึ่งดึงสติผมให้กลับมาร้องถามขึ้น ผมที่นั่งครึ่งหลับครึ่งตื่นก็รีบลุกเดินตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันทีด้วยความร้อนรนดอเป็นห่วงคนด้านในห้องฉุกเฉินไม่ได้
“ผมเองครับ แฟนผมเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”
“ก่อนอื่น ผมขออนุญาตถามคำถามคุณข้อหนึ่งได้ไหมครับ”
“ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าครับคุณหมอ”
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อได้ยินคำถามจากคุณหมอแบบนั้น
“คือ จากที่ผมตรวจร่างกายของคนไข้อย่างละเอียดแล้ว พบว่าคนไข้มีมดลูกพร้อมที่จะให้กำเนิดบุตรได้ แต่คำนำหน้าของคนไข้ใช้คำว่า (นาย) ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้รายนี้หรือครับ”
เมื่อผมได้ฟังคำถามจากคุณหมอก็รู้สึกโล่งใจ เพราะผมคิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรซะอีก
“เรื่องนี้เหรอครับ คือเมื่อประมาณสามปีก่อน ผมกับแฟนตัดสินใจว่าจะมีลูกด้วยกันครับ แต่เนื่องด้วยแฟนของผมไม่สามารถมีลูกได้ก็อย่างที่คุณหมอทราบล่ะครับ ว่าเขาเป็นผู้ชาย ไม่สามารถมีลูกให้ผมได้ ผมกับเขาจึงบินไปต่างประเทศเพื่อปรึกษาหมอเฉพาะทางแล้วก็ประสบความสำเร็จในการปลูกถ่ายมดลูกจากผู้หญิงชาวอังกฤษคนหนึ่งครับ ผ่านมาเกือบสองปีแล้วแฟนของผมก็ยังไม่สามารถมีลูกให้ผมได้ซักที”
คุณหมอพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะถามผมต่อด้วยสีหน้าไม่ค่อยเข้าใจ
“เทคโนโลยีการรักษาในการปลูกถ่ายของต่างประเทศพัฒนาไปถึงขนาดนี้ ทำไมคุณไม่ตัดสินใจทำกิ๊ฟล่ะครับ ผมว่าน่าจะเป็นทางออกเดียวที่คุณจะมีบุตรได้นะครับ”
“คือผมอยากให้เป็นไปตามธรรมชาติมากกว่าครับ เพราะการปลูกถ่ายมดลูกก็ถือว่าฝืนธรรมชาติมากพอแล้ว เรื่องนั้นผมเลยไม่อยากฝืนอีกครับ มีเพียงเรื่องนี้ใช่ไหมครับที่คุณหมออยากทราบ”
“มีอีกเรื่องนึงครับที่ผมยังไม่ได้บอกคุณ ร่างกายของคนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะบริเวณมดลูกครับ หรือจะพูดง่ายๆ ก็คืออาการดังกล่าวอาจจะทำให้เปอร์เซ็นต์การมีบุตรของคุณเป็นศูนย์ได้ครับหากคุณไม่เลิกใช้ความรุนแรงกับเขา ไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะครับ”
มาถึงประโยคสุดท้ายผมถึงกับหน้าเสีย รู้สึกผิดขึ้นมาจับใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนที่พยาบาลสาวและบุรุษพยาบาลจะช่วยกันเปิดประตูห้องฉุกเฉินพร้อมกับช่วยกันเข็นเตียงคนไข้ที่มีคนรักของผมนอนหลับตาพริ้มด้วยสีหน้าซีดเซียวอย่างน่าใจหายผ่านหน้าไป หยดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกจากดวงตาคมเข้ม ขาของผมเริ่มอ่อนแรงพร้อมที่จะล้มลงกับพื้นได้ตลอดเวลา
“นายใหญ่ไหวไหมครับ ค่อยๆ นั่งที่เก้าอี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปดูนายน้อยให้เองครับ”
เสียงลูกน้องคนสนิทช่างดูสั่นเครือเพราถึงจะรู้สึกสงสารผู้เป็นนายอย่างผมมาก แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ไปหานายน้อยของเขา
“ฉันทำอะไรลงไปนะ ฉันทำคนที่ฉันรักมากที่สุดเจ็บและกำลังจะทำให้สิ่งที่ฉันต้องการที่สุดในชีวิตมาพังทลายเพราะน้ำมือของฉันเอง นะ นายช่วยต่อยหน้าฉันแรงๆ ได้ไหม ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า บอกฉันทีว่าฉันกำลังทำอะไรลงไป...”
ยิ่งเขาได้ฟังผมเพ้อไปต่างๆ นานา ทำให้เขาอดสงสารผมไม่ได้จริง ก่อนที่นะจะถือวิสาสะดึงตัวผมเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยนหวังให้อารมณ์และอาการของผมดีขึ้น ไม่นานความปรารถนาของเขาก็เป็นจริง
“ขอบใจนายมากนะนะ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว เราไปดูปีโป้กันเถอะ”
“ด้วยความยินดีครับนายใหญ่”
ก่อนที่ทั้งคู่จะกึ่งเดือนกึ่งวิ่งไปยังลิฟท์ภายในตึกเพื่อคอยไปดูแลคนเจ็บต่อไป