ณ ห้องกายภาพบำบัดโรงพยาบาล
“อีก 2 วันก็กลับบ้านได้แล้วนะครับคนไข้ หลังกลับบ้านไปแล้วอย่าลืมนะครับ ต้องหมั่นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูสภาพกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนะครับ”
คุณหมอส่งยิ้มสดใสให้กับผมที่กำลังเดินเร็วบนลู่วิ่งโดยมีนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
“คุณหมอครับ ผมยังไม่กลับบ้านไม่ได้เหรอครับ.. นะครับคุณหมอ อย่าเพิ่งให้ผมกลับบ้านเลยนะครับถือว่าผมขอร้อง..”
“แต่แฟนของคุณเป็นห่วงคุณมากเลยนะครับ”
ทันทีที่ผมได้ฟังประโยคนี้ถึงกับยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างลืมตัว
“คุณหมอจะไปรู้อะไรล่ะครับ…”
ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อสีหน้าของผมคงแสดงออกถึงความหมองเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่คุณหมอจะพูดอะไรกับผมบางอย่าง
“ใจเย็นๆ นะครับ ผมเข้าใจคุณแล้วครับ.. ถ้ายังไงเดี๋ยวผมจะโทรบอกแฟนของคุณให้นะครับ ขอให้คนไข้วางใจได้ครับ”
คุณหมอพูดกับผมอย่างคนเข้าใจพร้อมพยักหน้าช้าๆ ก่อนที่บุรุษพยาบาลและพยาบาลสาวสวยจะพาผมกลับไปยังห้องผู้ป่วยพิเศษ
คงไม่มีใครล่วงรู้ได้หรอกว่าตอนนี้ผมกำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่ เพียงคำร้องขอไม่กี่คำจากปากของผม คงทำให้คุณหมอพอเข้าใจได้ว่าคนไข้อย่างผมกำลังเจอกับอะไรอยู่
ณ กร้าวใจรีสอร์ท
“เซตต่อไปเตรียมพร้อมเลยนะ.. น้องเสือพร้อมถ่ายเซตต่อไปแล้วใช่ไหมครับ”
ชายฉกรรจ์วัยกลางคนร้องสั่งงานกับทีมงานถ่ายแบบของเขาก่อนที่จะหันมาหานายแบบหนุ่มหล่อมาดเซอร์ดีกรีเซ็กซี่สตาร์ ขวัญใจบรรดาเก้งกวางและกลุ่มหนุ่มวายสาววายให้ใจระทวยไปตามๆ กันเมื่อได้เห็นซิกแพคเป็นลูกๆ ของเขา
“เสือพร้อมมากครับพี่ เดี๋ยวผมไปรอด้านในเลยนะครับ”
“โอเคครับน้องเสือคนเก่ง”
สิ้นเสียงตอบรับตากล้องระดับมือโปร นายแบบหนุ่มมาดเซอร์ในชุดล่อตาล่อใจอย่างจีสตริงสีขาวเนื้อผ้าบางเบา ที่เนื้อผ้าแนบเนื้อเปียกโชกจนสามารถมองเห็นทะลุแทบทุกสัดส่วน ที่ด้านหน้าจีสตริงปกปิดแก่นกลางของความเป็นชายและพวงสวรรค์แทบไม่มิด ทำให้ช่วงที่ก้าวขาเดินสร้างความเซ็กซี่ให้แก่ผู้มองได้เป็นอย่างดี ด้วยแก้มก้นกลมมนงอนสวยสะดุดตา กำลังย่างก็าวเดินเข้าห้องพักสุดหรูที่ทางทีมงานถ่ายแบบเซตฉากและแสงไว้รออยู่ด้านในเพื่อถ่ายงานเซตต่อไป…
หลังจากเสร็จการถ่ายแบบของเสือ
“วันนี้น้องเสือโพสต์ท่าได้สวยมาก เซ็กซี่มาก พี่ว่านะเล่มนี้ต้องปังแน่นอนครับ”
“เสือเองก็ต้องขอบคุณพี่โฟร์นะครับที่ให้โอกาสเสือได้กลับมาร่วมงานกับทีมงานคุณภาพของพี่อีกครั้งหนึ่งครับ”
นายแบบหนุ่มยกมือขอบคุณผู้ที่ให้โอกาสและให้งานเขาอย่างนอบน้อมถ่อมตน ทางฝ่ายพี่โฟร์เองก็ไม่น้อยหน้ารีบยื่นมือทั้งสองข้างมารับไหว้จากนายแบบหนุ่มมือสัมผัสมืออย่างไว
“ด้วยความยินดีครับน้องเสือ คนเก่งๆหน้าตาดีๆ อย่างน้องเสือใครๆ ก็อยากจะร่วมงานด้วยทั้งนั้นแหละครับ ว่าแต่.. ถ่ายแบบเสร็จแล้วพอมีเวลาว่างไหมครับน้องเสือ?”
ตากล้องมือโปรเอ่ยถามนายแบบหนุ่มพลางใช้สายตาโลมเลียเรือนร่างขาวเนียนกำยำ ที่ขณะนี้เปลือยเปล่าไร้เครื่องนุ่งห่มหลังจากเสร็จถ่ายแบบเซตสุดท้ายระหว่างการสนทนาโดยแฝงความกระหายภายในใจ
“พี่โฟร์มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
“คือ.. พี่อยากเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนที่น้องเสือมาร่วมงานกับพี่อีกครั้งหนึ่งน่ะครับ น้องเสือพอจะสะดวกไหมครับ?”
ได้ฟังคำเชิญเพียงเท่านี้ก็ทำให้นายแบบหนุ่มรู้ถึงเหตุการณ์ต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้นหากเขาตอบรับคำเชิญตากล้องมือโปรคนนี้ไป
“เสือต้องขอโทษพี่โฟร์ด้วยนะครับ พอดีว่าช่วงทุ่มนึงผมมีนัดกับที่บ้านว่าจะไปทานข้าวเย็นกันครับ เสือต้องขอโทษพี่โฟร์ด้วยครับ พี่ไม่ว่าเสือนะครับ”
นายแบบหนุ่มตอบเลี่ยงผู้ว่าจ้างอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ภายในใจของเขาตอนนี้จะรู้สึกโกรธมากก็ตาม (เอะอะก็จะหาเรื่องรวมหัวรวบหางตลอดเลยนะพี่โฟร์ ให้ถ่ายเบื้องหลังการถ่ายแบบไป ก็ถือว่ามากพอแล้วยังจะเอาอะไรอีกครับ) เสือทำได้เพียงแค่คิดในใจก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่เตรียมตัวกลับคอนโด
“อ๋อโอเคครับ ไว้โอกาสหน้าก็ได้เนาะ ฮ่าๆๆ”
ตากล้องคงรู้ชะตากรรมของตนเองแล้วว่าคงไม่ได้กินนายแบบหนุ่มแน่นอนก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วแยกย้ายกันไป
ณ คฤหาสน์สุดหรูของเจ้าพ่อมาเฟีย
“สวัสดีค่ะนายท่าน”
หญิงวัยกลางคนในชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินผ้าคาดผมสีขาวกล่าวทักทายผู้เป็นนายที่เพิ่งก้าวย่างเข้ามาในบ้านหลังใหญ่
“หวัดดีครับป้านวล วันนี้ทางโรงพยาบาลโทรมาไหมครับ”
“ไม่นะคะ ป้าก็กำลังมองหานายน้อยอยู่พอดีค่ะ คิดว่านายท่านเลยไปรับนายน้อยกลับมาด้วยนะคะเนี่ย”
หลังได้ยินป้าแม่บ้านประจำคฤหาสน์หลังโตกล่าวเช่นนั้น จึงทำให้คิ้วเข้มๆ ของใบหน้าคมเริ่มขมวดเข้าหากันจนสังเกตได้
“ก็ผมได้ยินคุณหมอบอกว่าอีก 2 วันก็ให้ไปรับปีโป้ได้เลย แต่นี่เข้าวันที่ 4 แล้วผมอยู่ที่ทำงาน ก็คิดว่าคนที่บ้านจะโทรไปบอกให้ไปรับปีโป้แต่ก็ไม่มีใครโทรมา แม้แต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่เห็นโทรหาผม.. ผมขอตัวไปข้างนอกก่อนนะป้าไม่ต้องเตรียมกับข้าวนะครับผมอาจจะเข้ามาดึก”
“นายท่านจะไปโรงพยาบาลเหรอคะ?”
“ครับป้า”
ก่อนที่คนตัวใหญ่จะถอดสูทสีดำส่งให้ป้าแม่บ้านแล้วเดินขึ้นรถสปอร์ตแล้วขับออกไปในทันที
ห้องพิเศษโรงพยาบาลเอกชน
เสียงสายน้ำจากฝักบัวร่วงหล่นกระทบผืนห้องน้ำเป็นระยะ ขณะที่ผมกำลังยืนขยี้เส้นผมเพื่อล้างแชมพูออกจากศีรษะเป็นรอบที่ 2 หยดน้ำใสจากฝักบัวไหลผ่านสันจมูกที่ได้รูปหยดย้อยลงบนแผ่นอก ผิวเรียบเนียนขาวสะอาดราวกับผิวเด็กของผมมันช่างเย้ายวนชวนเสน่หาเสียเหลือเกิน คนอะไรชมตัวเองก็เป็น ซ้ำยังมีแผ่นหลังที่ขาวนวลหยดน้ำไหลผ่านตามร่องกลางหลังไปจนถึงบั้นท้ายที่โค้งมนสมส่วน โดยเฉพาะส่วนสะโพกที่เล็กคอดเว้าปานนาฬิกาทรายอันทรงคุณค่า เพียงไม่นานสายน้ำที่ซัดซ่าก็เงียบสงบลง เพราะผมล้างสิ่งสกปรกออกจนหมดสิ้นแล้ว
ผมคว้าหยิบเอาผ้าขนหนูสีขาวขึ้นซับน้ำบนเส้นผมอย่างพิถีพิถัน
“เสียงเรียกเข้ามือถือ…”
ไม่ทันที่ผมจะเช็ดตัวเสร็จเสียงโทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น ผมจึงรีบนำผ้าผืนเดิมผูกที่เอวพร้อมทั้งเดินออกจากห้องน้ำเพื่อไปรับโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดัง
“ครับคุณแม็ก ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เป็นไงบ้างเงียบไปเลยนะ เห็นว่าถึงกำหนดออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่ 2 วันที่แล้วแต่นี่ยังไม่กลับบ้านอีก มีอะไรหรือเปล่า..”
“อ๋อ.. ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแม็ก คุณหมออยากให้อยู่ทำกายภาพอีกสักระยะครับ เพื่อที่จะทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเท่านั้นเองครับ คุณแม็กไม่ต้องเป็นห่วงนะครับถ้าผมแข็งแรงดีแล้วเดี๋ยวผมจะโทรไปบอกให้คุณแม็กมารับนะครับ จะได้ไม่เสียเวลาทำงานของคุณแม็กไงครับ”
ผมพยายามอธิบายให้น้ำเสียงเป็นปกติที่สุดแม้จะมีเม็ดเหงื่อไหลออกมาตามใบหน้าก็ตาม ผมรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่คนปลายสายก็ทำให้ผมตกใจทันทีเมื่อรู้ว่าเขากำลังมาหาผมตอนนี้
“อยากกินอะไรไหมตอนนี้ฉันกำลังไปที่โรงพยาบาล กินอาหารโรงพยาบาลคงเบื่อแย่”
“เอ่อ!.. ผมไม่รบกวนคุณแม็กดีกว่าครับ อีกอย่างผมก็เพิ่งทานอาหารเย็นไปครับ”
“ไม่ได้รบกวนอะไรหรอก ไม่ต้องคิดอะไรมากนะครับที่รักของพี่.. แค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวเจอกัน”
ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรจบ สายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป มันยิ่งสร้างความหนักใจให้ผมมากว่า หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับผมอีก ผมจะต้องเจออะไรอีก หากผู้ชายคนนั้นรู้ความจริงว่าผมหายดีตั้งนานแล้ว
ผมกระสับกระส่ายกระวนกระวายอยู่ไม่ได้ มันหวาดระแวงกลัวจนรู้สึกได้ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเลื่อนไปยังเบอร์โทรออก (คุณหมอ)
“สวัสดีครับคุณหมอ คุณหมอสะดวกคุยไหมครับ”
“คุยได้ครับคุณปีโป้ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ ฟังเสียงเหมือนคุณกำลังมีเรื่องไม่สบายใจนะครับ”
“แฟนผมกำลังมาที่โรงพยาบาลครับคุณหมอ ผมขอพูดตรงๆ นะครับว่า ผมไม่อยากเจอหน้าเขาและอีกอย่างถ้าเขารู้ว่าผมหายดีแล้วแต่ไม่อยากกลับบ้าน ไม่รู้ว่าผมจะต้องเจออะไรอีก ตอนนี้คุณหมออยู่ที่ไหนครับ”
“ใจเย็นๆนะครับคุณปีโป้ คือตอนนี้ผมอยู่…”
ก๊อกๆ.. ไม่ทันทีคุณหมอจะตอบคำถามจากผม ประตูห้องก็ได้มีเสียงเคาะจากด้านนอกดังขึ้น มันทำให้ผมรู้ได้ว่าคุณแม็กมาถึงแล้ว
“ทำอะไรอยู่ครับที่รัก ฉันซื้อของกินมาหลายอย่างเลย.. อ้าวเพิ่งอาบน้ำเสร็จหรอครับ”
“ใช่ครับผมพึ่งอาบน้ำเสร็จ คุณแม็กมาถึงเร็วเหมือนกันนะเนี่ย”
ผมทักทายพร้อมกับเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าสะพายอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับได้
“เดี๋ยวยังไงผมขอแต่งตัวก่อนนะครับคุณแม็ก คุณทานอะไรมาแล้วหรอครับ..”
ด้วยความไวจึงไม่เป็นที่สังเกตของอีกฝ่าย ก่อนที่ผมจะหันมาหยิบชุดคนไข้ขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็วแล้วเดินไปหาเขา
ณ ร้านอาหารซีฟู้ดรสเลิศติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
“มีอะไรหรือเปล่าพี่ ทำไมทำหน้าตาเหมือนมีใครจะตายอย่างนั้นล่ะ”
เพียงคำถามแรกของผมร้องถามพี่ชายสุดที่รักที่กำลังถือโทรศัพท์แนบหูอยู่ ส่งผลให้ทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหารต่างพากันตกใจไปตามๆ กัน ก็ผมสงสัยนี่ครับ
เพี๊ยะ!
“โอ๊ยย่า.. ผมเจ็บนะครับ”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะลูก ไม่เป็นมงคลเลยนะ พี่เขาอาจกำลังคุยธุระสำคัญอยู่ก็ได้”
ย่าใช้ฝามือขึ้นตีแขนผมไปหนึ่งทีก่อนจะพูดปราม
“ก็ย่าดูพี่เขาสิครับ ทำหน้าเหมือนมีคนกำลังจะตายอย่างนั้นล่ะ อีกอย่างตอนนี้ก็นอกเวลางานแล้ว ไม่น่าจะรับสายนอกนะครับ”
“ทุกคนเงียบก่อนได้ไหมครับ พอดีเคสนี้เป็นเคสสำคัญเขายังอยู่ในสาย คงลืมกดวางสายเพราะผมได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดแทรก ผมกำลังฟังสถานการณ์อยู่ครับว่าจะให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปดูแลเขาดีไหมครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับทุกคน เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินผมจะได้ให้ความช่วยเหลือเขาทันครับ สวัสดีครับ…”
ทุกคนหยุดบทสนทนาลงตามคําบอก ในขณะเดียวกันที่พี่ชายผมอธิบายถึงเหตุผลที่ให้ทุกคนเงียบแล้วหยิบหูฟังบลูทูธขึ้นมาใส่หูแล้วยกมือพนมไหว้ลาทุกคนก่อนจะออกจากร้านอาหารซีฟู้ดไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมพี่สิงห์ดูรีบร้อนขนาดนั้นครับ กินกุ้งไปแค่ตัวเดียวงานก็เข้าเลย เป็นแบบนี้ตลอดเลยอ่ะพี่ชายผม”
ย่าเมื่อเห็นอาการของหลานชายดูไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่รู้ว่าหลานชายคนนี้ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวมากเกินไปหรือเปล่า ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจะมีอาการขี้งอนและแสดงออกด้วยการไม่พอใจแบบนี้ทุกครั้ง ตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมโตหรือยัง ฮ่าๆ
“ฟังย่านะเสือ แล้วก็ไม่รู้ว่าย่าพูดให้เราฟังกี่รอบแล้ว ว่าพี่สิงห์ของเราน่ะอาชีพของเขาเป็นหมอ แล้วคนเป็นหมอก็ต้องเป็นหมอตลอดเวลาหรือจะพูดง่ายๆ ก็คือเป็นหมอในสายเลือดเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะในเวลางานหรือนอกเวลางานถ้าเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายเกี่ยวกับคนไข้หรือผู้ต้องการความช่วยเหลือจากหมอ คนเป็นหมอนี่แหละก็ต้องรีบไปดูแลให้การช่วยเหลือให้ทันท่วงที มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนในอาชีพนี้แทบจะไม่มีเวลาให้กับครอบครัว เข้าใจหรือยังลูกเสือ..”
“แต่ผมสั่งกุ้งมาเกือบ 2 กิโลกรัมเลยนะครับย่า เดี๋ยวปลาหมึกก็มาอีก ปูก็ตามมาอีก ล็อบสเตอร์อีก 2 ตัวใหญ่ หมดนี้โดยรวมแล้วเกือบ 6 โลเลยนะครับ ใครจะช่วยผมกิน แล้วของที่สั่งมาก็มีแต่ของโปรดพี่สิงห์ทั้งนั้นด้วย”
คำพูดกับท่าทางของผมที่กำลังชี้แจงเมนูซีฟู้ดที่กำลังจะถูกจัดวางบนโต๊ะด้านหน้า มันดูบูดบึ้งเหมือนเด็กอนุบาลอย่างไรอย่างนั้น หากไม่บอกว่าผมอายุยี่สิบสี่ปีแล้วก็คงไม่มีใครเชื่อกับอาการที่ผมกำลังแสดงออกอยู่นี้ใช่ไหมล่ะ
เมื่อทุกคนเห็นผมทำท่าทางแบบนั้นก็ต่างพากันยิ้มอย่างมีความสุขกับความน่ารักของผมที่เป็นทั้งลูกและหลานชายหัวแก้วหัวแหวนคนที่ 2 ของบ้านหลังใหญ่ไม่หุบ
“ถ้าไม่มีใครช่วยกินเดี๋ยวอากับอานิดจะช่วยเสือกินเองโอเคไหม..”
อาผู้ชายเสนอตัวเผื่อช่วยกินอาหารทะเลที่กำลังทยอยมาเสิร์ฟ ทันทีที่เจ้าภาพใหญ่ใจสปอร์ตอย่างผมได้ยิน ใบหน้าที่บูดบึ้งก็กลับมาสดใสอีกครั้งในพริบตา
“ได้ครับ อาทั้งสองคนรับปากผมแล้วนะว่าจะช่วยผมกิน แต่ถ้ากินไม่หมดก็ห่อกลับบ้านก็ได้เนาะย่า พ่อกับแม่ว่าไงครับห่อกลับบ้านไหมถ้าเรากินไม่หมดกัน”
“ต้องห่อซิลูก.. เสียดายแย่เลย เสือเองก็สั่งเสียเยอะแยะ..”
“จะไปว่าลูกทำไมล่ะแม่ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าลูกหมอต้องไปดูเคสคนไข้เร่งด่วน ไม่เป็นไรนะลูกถ้ากินไม่หมดเราก็ห่อกลับบ้านก็ได้ครับลูก”
พ่อผมคงเห็นว่าสถานการณ์เริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง จึงรีบพูดแก้สถานการณ์และทุกอย่างก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม นี่แหละครับความน่ารักของคนในครอบครัวของผม
บนรถยนต์ของคุณหมอสิงห์ที่กำลังเดินทางไปโรงพยาบาล
ผมรู้สึกไม่ดีเลยระหว่างทางที่ขับรถไปยังโรงพยาบาล เพราะสถานการณ์ที่ผมกำลังฟังอยู่ตอนนี้มันเริ่มจะตึงเครียดมากขึ้นอย่างที่คนไข้กลัวจริงๆ (ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลยนะ) ผมคิดในใจอย่างกังวล
“ใช่ ผมหายดีตั้งแต่ 2 วันที่แล้ว แต่ผมยังไม่อยากกลับไป บ้าน.. ที่มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ใครเขาอยากกลับไปกัน บ้านที่มีแต่ความรุนแรง ไม่มีความรักความเมตตา หรือบางวันก็เป็นแหล่งรวมเด็กบาร์โฮส มีกลิ่นคาวโลกีย์คละคลุ้งไปทั่ว…”
ผมได้ยินคำอ่านอั้นของคนไข้จนหมดสิ้นที่ดูเหมือนกำลังต่อว่าใครอีกคนที่เงียบไป
“พูดจบหรือยัง!!”
เสียงตะคอกเข้มซึ่งน่าจะเป็นคนรักของคนไข้ที่ผมดูแลอยู่ดังก้องกังวานจนผมรู้สึกใจหายและภาวนาให้คนไข้หยุดต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นกับเขาอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ผมจะภาวนาจบ..
“ยังไม่จบ!! มันยังมีมากกว่านี้เยอะที่ผม..”
พัวะ!!
ผมได้ยินชัดเจนกับเสียงที่เกิดขึ้นแต่ผมจะทำยังไงได้เมียผมเองยังขับรถไม่ถึงโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ
“ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นกับคุณอีกเลยนะ!”
ผมพึมพำกับตัวเองก่อนจะเร่งความเร็วรถให้ไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ลืมกดวางสายคนไข้แล้วต่อสายถึงรปภประจำโรงพยาบาลให้ขึ้นไปช่วยคนไข้ก่อนที่ผมจะไปถึง…