บริเวณหน้าห้องผู้ป่วย
“เป็นยังไงบ้างช่วยคนไข้ได้ไหมครับรปภ”
ผมรีบเร่งฝีเท้าทันทีเมื่อออกจากลิฟต์ชั้นที่ 7 ได้ ขณะเดียวกันก็ลองถามรปภที่กำลังพยายามเข้าไปช่วยคนไข้ในห้องผู้ป่วย
“คุณหมอมาถึงเร็วมากเลยนะครับ พวกผมเพิ่งขึ้นมาถึงได้ประมาณ 2 นาทีนี้เองครับ พยายามเปิดประตูเข้าไปแล้วแต่น่าจะล็อคกลอนจากด้านใน ควรทำยังไงดีครับคุณหมอ”
ผมไม่รอช้าหลังจากฟังคำอธิบายจากรปภท่านหนึ่งพูดจบ ก่อนจะใช้กระบองที่พกติดตัวของรปภขึ้นมากระทุ้งบานกระจกประตูห้องจนมันแตก แล้วเอื้อมมือเข้าไปปลดล็อคกลอนจากด้านในจนสำเร็จ
“คุณหมอเลือดออกครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ช่วยคนไข้ก่อนดีกว่า”
ผมรู้สึกเป็นห่วงคนในห้องมากจึงไม่ได้สนใจบาดแผลที่เกิดจากบ้านเอื้อมแขนเข้าไปปลดล็อคประตูจนกระจกที่แตกบาดแขนเป็นทางยาว
“อย่าเข้ามานะ มันไม่ใช่เรื่องอะไรของพวกคุณ ออกไปให้หมด”
ฟังจากน้ำเสียงแฟนของคนไข้ทำให้ผมรู้เลยว่าความเจ็บปวดต้องเกิดขึ้นกับคนไข้อีกครั้งแน่ๆ
“หมอรู้ว่าไม่ใช่เรื่องของหมอ แต่ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นคนไข้ในการดูแลของหมอนะครับ จะให้หมอไม่สนใจหมอคงทำไม่ได้”
“หรือว่าที่เมียผมไม่อยากกลับบ้านเป็นเพราะมันเป็นชู้กับหมอใช่ไหม..”
“จะเละเทะไปกันใหญ่แล้วนะครับ หมอก็มีจรรยาบรรณของหมอ หมอคงไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ใจเย็นๆ นะครับ ค่อยๆ คุยกัน”
“หมออย่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่าครับ หมอเป็นชู้กับเมียผมตั้งแต่เมื่อไหร่บอกผมมาดีกว่า..”
พัวะ!!
ไม่ทันที่แฟนคนไข้จะพูดจบ เสียงฝ่ามือเรียวของคนไข้ฟาดกระทบแก้มคนเป็นแฟนจนหน้าสั่น
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะชั่วเหมือนมึงนะแม็ก”
“มึงกล้าตบกูหรอปีโป้..”
ผมรีบเข้าไปคว้าตัวผู้ก่อเหตุก่อนที่เขาจะกระทำความรุนแรงต่อคนไข้ของผม แล้วเรียกรปภมาช่วยกันควบคุมตัวอีกแรงหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นผลเมื่อเขาใช้วิชาการต่อสู้กับรปภจนได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน โดยที่ผมไม่ทันได้ระวังความปลอดภัยของคนไข้ ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นแฟนของเขาจู่โจมเข้าล็อคคอแล้วลากออกไปจากห้องพิเศษอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นานก็มีกลุ่มชายชุดดำเข้ามาช่วยคนก่อเหตุและคนไข้ของผมหนีหายไป มันเป็นเหตุการณ์ที่เร็วมาก กระทั่งผมกับรปภต่างได้รับบาดเจ็บไม่แพ้กัน โดยไม่ลืมโทรแจ้งตำรวจให้ช่วยสกัดจับอีกแรงหนึ่งและหวังว่าคนไข้ของผมจะรอดพ้นน้ำมือคนที่เขาเรียกว่าสามี
ระหว่างทางการหลบหนีบนรถตู้เจ้าพ่อมาเฟียชื่อดัง
“ปล่อยกูนะ ไหนมึงบอกว่ามึงรักกูมาก คนรักกันเขาทำกันแบบนี้หรอ หะ!”
“ก็เพราะว่ากูรักมึงมากไง เลยให้ทุกอย่างที่มึงอยากได้ แต่มึงมันไม่พอเอง เห็นใครหน้าตาดีก็วิ่งเข้าใส่ เหมือนพวกติดสัตว์ แล้วคราวนี้ก็แกล้งป่วยเพื่อจะได้อยู่กับหมอหล่อๆ คนนั้นใช่ไหม ที่กูพูดไปถูกหมดทุกอย่างใช่ไหมมึงถึงไม่เถียง”
ผมรู้สึกหมดแรงทันทีได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากคนที่ผมฝากชีวิตสีมันดูแลตั้งแต่อายุได้สิบสองปี ในช่วงสี่ห้าปีแรกมันเฝ้าฟูมฟักผมราวกับไข่ในหิน ไม่ให้สิ่งไม่ดีมาแปดเปื้อนร่างกายผมแม้แต่น้อย อันตรายต่างๆ ก็ไม่เคยย่างกรายมาในชีวิตผมนับตั้งแต่นั้น จนผมแพ้ใจยอมให้มันล่วงเกินสิ่งที่ผมหวงแหนมากที่สุด จนกลายมาเป็นความรักความผูกพันที่มีต่อกันแล้วตัดสินใจที่จะมีเจ้าตัวน้อยด้วยกัน ทั้งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ชายอย่างผมจะมีลูกให้มันได้ สุดท้ายผมก็ยอมเพราะด้วยความรักจึงเดินทางไปปลูกถ่ายมดลูกที่ต่างประเทศเพื่อที่จะได้มีลูกตามที่มันต้องการ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีมานี้สิ่งที่ผมเคยได้รับกลับไม่ได้ ความรักความเมตตาที่มันเคยมีให้ผม ก็เปลี่ยนเป็นคราบน้ำตาทุกค่ำคืน ปากก็บอกว่ารักผมมากมายส่วนการกระทำมันช่างขัดแย้งกันสิ้นดี จากคำพูดว่าร้ายที่มันพรั่งพรูใส่ผมไม่ซ้ำ วันนี้ผมรู้แล้วว่าผมควรหยุดแล้วก็ปล่อยให้มันพูดไปคนเดียวแบบนี้เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนที่เคย
“เห็นไหมในที่สุดก็เป็นความจริง มึงเป็นชู้กับไอ้หมอหน้าจืดนั่น กลับไปที่บ้านก่อนเถอะกูจะขังมึงไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันไปตลอดชีวิต มึงอย่าฝันว่าจะได้ร่านกับผู้ชายหน้าไหนอีกต่อไปนอกจากกูคนเดียวเท่านั้น!”
มาถึงตรงนี้ผมถึงกับตกใจในคำพูดของมัน ถ้ามันขังผมจริงๆ ผมจะทำยังไง (ไม่ได้กูจะเป็นนกในกรงทองแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไหนๆ มึงก็ทำให้กูเกลียดมึงแล้ว กูอยากตะโกนใส่หูมึงดังๆ ว่ากูไม่ได้รักมึงแล้ว มึงคงจะฆ่ากูให้ตายแล้วโยนทิ้งข้างทางก็เป็นได้ กูไม่เสี่ยงดีกว่า) ผมพลางคิดในใจ โดยไม่ลืมคิดวางแผนเพื่อเอาตัวรอดจากรถตู้คันนี้ให้ได้ก่อนที่จะไปถึงบ้านแห่งขุมนรก
ระหว่างทางในรถยนต์ของหมอสิงห์
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดในผมรู้สึกเป็นห่วงคนตัวเล็กนั้นเหลือเกิน หรือจะเป็นเพราะจรรยาบรรณของหมอที่ต้องดูแลคนไข้ให้ดีที่สุด เท่าที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในคนไข้บางเคสเมื่อผมเสร็จสิ้นการรักษาผมก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรเหมือนคนไข้รายนี้ ระหว่างทางที่ผมกำลังขับรถยนต์ส่วนตัวตามรถเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะไปช่วยเหลือคนไข้ที่ผมรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษ
(เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ..)
“นายแพทย์ชนพรรณพูดสายครับ”
“สวัสดีครับคุณหมอ ผมจะโทรมาบอกว่าทางเราไม่สามารถสกัดรถตู้ดังกล่าวได้ครับ พอดีมีคำสั่งสำคัญลงมา ทำให้พวกผมทำอะไรไม่ได้เลยครับ”
“คุณตำรวจหมายความว่ายังไงครับ คือไม่สามารถช่วยคนไข้ของผมได้ใช่ไหมครับ..”
เมื่อผมได้ยินเช่นนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ที่แม้แต่ข้าราชการยศใหญ่ยังเกรงกลัวอำนาจของผู้ชายคนนั้น
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับคุณหมอ ถ้ายังไงพวกผมขอตัวกลับสถานีก่อนนะครับ..”
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อสายจากตำรวจยศใหญ่ก็ตัดสายผมทิ้ง เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มาถึงขั้นนี้แล้วผมคงยอมไม่ได้ที่จะให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนไข้ของผม..
“ตายเป็นตายวะ!”
ทันทีที่ผมสบถกับตัวเองจบลง จึงเร่งเครื่องยนต์ขับตามรถตู้สีดำด้านหน้าที่ห่างกันเกือบห้าร้อยเมตรไป โดยผมนึกขึ้นได้ว่าได้ขอเบอร์ติดต่อคนไข้คนนั้นไว้ก่อนจะรีบเปิดจีพีเอสขึ้นดูตำแหน่งในกรณีที่อาจขับตามรถตู้ไม่ทัน
สถานการณ์บนรถตู้สีดำ
“นี่มึง!”
ผมรีบยกมือขึ้นป้องกันกำปั้นใหญ่ๆ ของคนใจร้ายตรงหน้า ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของผมที่มันไม่ทำอะไร
“ที่ตำรวจตามเรามาเป็นฝีมือของมึงใช่ไหมปีโป้”
ผมอมยิ้มด้วยความดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนเป็นห่วงผม แต่ผมกลับไม่พูดไม่จาอะไรนั่งนิ่งเงียบเป็นหุ่นอยู่อย่างนั้น
“หรือว่ามึงให้ไอ้หมอหนุ่มชู้ใหม่ของมึงมาช่วยใช่ไหม”
มาถึงตรงนี้ทำให้ผมรีบพูดแก้สถานการณ์ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่า
“เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย แต่มันเป็นเพราะตัวมึงคนเดียวเท่านั้นแม็ก คุณหมอไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้อย่าไปยุ่งกับเขา”
“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงบอกว่าไอ้หมอหน้าจืดไหมเกี่ยวอะไรใช่ไหม นี่มึงปกป้องมันขนาดนั้นเลยหรอ ได้กันกี่ครั้งแล้ววะถึงทำให้มึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ กูคิดอะไรสนุกๆ ออกละ..”
ผมตกใจมากได้ยินประโยคสุดท้ายจากปากมัน
“คุณคิดจะทำอะไรอ่ะ เขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยถือว่าผมขอร้อง”
จากประโยคนั้นมันทำให้ผมอารมณ์เปลี่ยนขั้วกลับมาขอร้องอ้อนวอนมันอีกครั้ง เผื่อมันจะเชื่อฟังผมบ้างในฐานะคนที่มันเคยบอกว่ารักมากมาย
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ มึงขอร้องกูแล้วคิดว่ากูจะทำตามที่มึงขอใช่ไหม นี่แปลว่ามึงรักมันมาก ถึงยอมขอร้องอ้อนวอนกู”
“คุณจะทำอะไรกับผมก็ได้ ผมขออย่างเดียว อย่าไปทำอะไรเขาเลยนะครับคุณแม็ก”
มันไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว การตกอยู่ใต้อาณัติของมันคงเป็นทางเดียวที่จะทำให้คุณหมอปลอดภัย
“ไม่มีทาง เมื่อมันกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของกู กูก็จะทำให้มันรู้ว่า ไม่ควรแม้แต่จะคิด!”
แย่แน่ๆ คุณหมอ ผมรู้นิสัยมันดีถ้ามันได้พูดแบบนี้นั่นก็แปลว่า เป้าหมายไม่มีทางรอดชีวิตเด็ดขาด จะเอายังไงล่ะทีนี้ตัวผมตายผมไม่ห่วงหรอก แต่คุณหมอที่ไม่รู้เรื่องต้องมาจบชีวิตแบบนี้ไม่ได้ (มันไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ หรอ) ผมพูดกับตัวเองในใจก่อนจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างโดยที่มันเองก็ไม่คาดคิด
“ในเมื่อผมเป็นตัวปัญหาและจะทำให้คนดีๆ ต้องตายเพราะผม แต่ถ้าผมตายไปคนดีๆ อย่างหมอคนหนึ่งก็จะปลอดภัยใช่ไหมครับคุณแม็ก..”
ผมรวบรวมความกล้ายกปืนพกที่แอบหยิบจากข้างเอวของมันแล้วลั่นไกใส่ใต้คางตัวเองทันทีที่พูดความในใจจบ
ปั้ง!!
ตี๊ด…. แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง
ณ บ้านวรันธร
“ติดต่อพี่สิงห์ได้หรือยังเสือ”
“โทรติดนะแม่แต่ไม่มีใครรับสาย พี่สิงห์กำลังทำอะไรอยู่นะ”
ผมรู้สึกร้อนใจที่พี่ชายเพียงคนเดียวของผมไม่รับสายโทรศัพท์ในรอบปี มันต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพี่ชายผมแน่ๆ ผมทำได้เพียงเก็บความรู้สึกไว้ในใจ
“เสือโทรไปที่โรงพยาบาลหรือยังลูก เพื่อหมอสิงห์จะอยู่ที่นั่น”
น้ำเสียงของย่าคงเป็นห่วงหลานชายคนโตไม่แพ้กับทุกคนในบ้าน ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนของท่านมานั่งที่โซฟาใหญ่ตัวประจำ
“ผมลองโทรดูแล้วครับแม่ แตที่โรงพยาบาลก็บอกว่าหมอสิงห์ขับรถออกมาช่วยคนไข้ที่ถูกลักพาตัวไปครับ”
“ลักพาตัว!!”
ทุกคนที่ได้ยินพ่อผมพูดก็ต่างพากันอุทานเป็นประโยคเดียวกัน
(เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ)
“สวัสดีครับ เสือพูดครับ… ใช่ครับเป็นรถชนพี่ชายผมเอง… อะไรนะครับ.. ที่ไหนครับ.. ได้ครับผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!..”
ทุกคนต่างมีสีหน้าตกใจขณะที่ผมกำลังสนทนากับใครคนหนึ่งที่โทรเข้ามาในช่วงเวลาที่เราทุกคนกำลังเป็นกังวลอยู่
“เกิดอะไรขึ้นลูก เกิดอะไรขึ้นกับพ่อสิงห์ใช่ไหมลูก ไม่ใช่ใช่ไหมลูกตอบย่ามาสิ”
ในเวลานี้ผมไม่มีเวลามาตอบคำถามของใครแล้ว ผมต้องรีบไปหาพี่ชายของผมให้เห็นกับตาว่าสิ่งที่ผมได้ยินเมื่อสักครู่นี้ไม่ใช่พี่ชายผม
“ทุกคนใจเย็นๆ นะครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ที่สำคัญทุกคนต้องใจเย็นๆ แม่ผมฝากดูได้ย่าด้วยนะครับ”
ผมก้มไปสวมกอดทุกคนด้วยความเห็นใจ ก่อนจะรีบหยิบกุญแจรถยนต์ไปยังสถานที่ที่ใครคนหนึ่งโทรเข้ามาหาผมเมื่อสักครู่นี้