ตอนที่ 5

2480 Words
  ปึ้ง..     ผมค่อยๆ ปิดประตูด้านฝั่งตรงข้ามคนขับ แต่คนตัวเล็กทีนั่งอยู่ด้านในมีอาการผวาเล็กน้อยจากเสียงปิดประตูดังกล่าว ผมเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงรีบวิ่งอ้อมไปขึ้นรถทางฝั่งของตนเอง    “ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณตกใจ..”    สีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีที่ยังคงแสดงอาการหวาดกลัวบ้างเป็นบางครั้ง    “จะไม่เป็นการรบกวนคุณเกินไปใช่ไหมครับ ที่คุณเข้ามาช่วยเหลือผมแบบนี้”    “ไม่เลยครับผมยินดี ปกติผมก็ไม่ชอบความรุนแรงอยู่แล้วเมื่อเห็นคนโดนทำร้ายแบบนั้นผมเลยอดอยากเข้าไปช่วยไม่ได้..”    “ถึงแม้ว่าคุณจะต้องช่วยผมตลอดไป คุณก็ยินดีใช่ไหมครับคุณ..”    ผมได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย (ช่วยตลอดไป มันหมายความว่ายังไงกันนะ)    “อ้อ.. ผมลืมแนะนำตัวเองไป ผมกรชวัล วรันธร หรือจะเรียกผมว่าเสือก็ได้ครับ”    “ผมปีโป้ ไกรวิทย์ครับ ขอบคุณคุณอีกครั้งนะครับที่ช่วยผมไว้”    “ไม่ต้องคิดมากนะครับผมเต็มใจช่วย แต่เมื่อสักครู่นี้ที่คุณบอกว่า ช่วยตลอดไป มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ..”    “ผมเป็นเด็กกำพร้า โตมาในสถานสงเคราะห์จนอายุได้ 12 ปี ผู้ชายคนที่ทำร้ายผมเมื่อสักครู่นี้ อุปการะผมไปดูแลต่อในฐานะน้องชายของเขาคนหนึ่ง จนกระทั่งเกิดเรื่องเกินเลยขึ้นทำให้ผมตัดสินใจอยู่กินกันในความสัมพันธ์แบบคนรัก เวลาล่วงเลยไปเขาก็มีคนอื่นไม่ซ้ำหน้า จนเกิดเหตุการณ์กันทะเลาะและใช้ความรุนแรงกับผมบ่อยครั้ง.. ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้วครับ ไม่ไหวจริงๆ จึงทำตัวเหมือนเขาบ้างแล้วเขาก็จับได้ กระทั่งมาเกิดเรื่องบนรถตู้ที่คุณเห็นเมื่อสักครู่นี้ล่ะครับ”    คนตัวเล็กเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาทั้งน้ำตา แววตาและสีหน้ายังแสดงออกถึงความหวาดกลัว น้ำเสียงที่สั่นเครือราวกลับว่าเขากำลังถ่ายทอดสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นในชีวิตของเขาให้ผมฟัง ผมรู้สึกสงสารจับใจก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมมือทั้งสองข้างไปกุมมือเรียวของเขาอย่างเบามือที่สุด พร้อมกับมองตาเพื่อส่งต่อความรู้สึกห่วงใยให้กับเขาได้รับรู้ว่า ผมคนนี้จะเป็นคนดูแลเขาเอง    “คุณปีโป้เริ่มดีขึ้นหรือยังครับ ทำใจให้สบายนะครับ เลิกคิดถึงเรื่องราวในอดีตให้หมดแล้วอยู่กับปัจจุบันกับผม ผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรมาก แต่ถ้าคุณไม่รังเกียจที่จะมีเพื่อนเพิ่มอีกคนและเพื่อนคนนี้นี่แหละ จะขอดูแลเพื่อนที่ชื่อปีโป้ตลอดไปเองครับ เป็นเพื่อนกับผมนะ..”    ทันทีที่ผมพูดถึงความตั้งใจของผมจบ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาก็เริ่มสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มที่เขาส่งมาให้ผมสัมผัสได้ถึงความดีใจและมีความสุข    “คุณเสือพูดจริงหรือเปล่าครับ ที่อยากเป็นเพื่อนกับผม..”    “จริงสิครับ เลิกร้องไห้ได้แล้วนะครับ ต่อไปนี้เสือจะเป็นเพื่อนกับปีโป้เอง ดีไหม”    “ผมดีใจที่สุดในชีวิตเลยครับ ชีวิตของผมตั้งแต่ออกมาจากสถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้า ผมก็ไม่มีเพื่อนอีกเลยนอกจากคนใจร้ายคนนั้น ถ้าคุณเสือไม่รังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับผม คุณก็คือเพื่อนคนแรกของผมในรอบเกือบ 10 ปี”    “คุณปีโป้พูดจริงหรอครับ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นเพื่อนใหม่ของผมในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ยินดีที่ได้เป็นเพื่อนกันนะครับ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเดี๋ยวผมพาคุณไปพักที่คอนโดของผมก่อนนะครับ หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที”    ผมเองก็รู้สึกดีใจไม่น้อยที่ได้เพื่อนใหม่อายุอานามก็น่าจะไม่ห่างจากพูดมาก ก่อนจะเหลือบไปเห็นนาฬิกาของรถยนต์ว่าขณะนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว จึงอาสาหาเพื่อนใหม่ไปพักที่คอนโดส่วนตัวของผม โดยระหว่างทางเราก็พูดคุยกันอย่างสนุกถูกคอ เหมือนกับว่าเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแล้ว    ในขณะเดียวกันผมก็ชำเลืองมองดูปีโป้ ก็สะดุดเข้ากับความน่ารักหลายๆ อย่างในตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นดวงตาที่สวยหวาน คิ้วคมเข้มแต่เรียงตัวสวย ขนตางอนยาวดุจแพรไหม สันจมูกที่โด่งได้รูป ริมฝีปากเป็นกระจับ ที่สำคัญมีผิวพรรณที่เนียนเกลี้ยงเกลาขาวละมุนดูสะอาดตา แม้ว่าตามร่างกายบางส่วนจะมีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายก็ตาม หากเปรียบเทียบกับผิวของหญิงผมให้ปีโป้ขาดลอยเลยครับ แต่ผมก็คอยระวังเพื่อไม่ให้เขาสังเกตได้ว่าผมแอบมองเขาอยู่เป็นระยะ ก่อนที่ผมจะเลี้ยวรถยนต์เข้าใต้คอนโดไปยังลานจอดรถที่ประจำ        10 ปีก่อน สถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้า    “พี่อยู่กับพี่แม็กต้องเป็นเด็กดีนะลูก ทำตัวให้น่ารัก ไม่ดื้อไม่ซนเข้าใจไหมครับลูก”    “ผมไม่ไปไม่ได้เหรอครับแม่ครู ถ้าผมไปใครจะดูแลแม่ครูล่ะครับ แล้วถ้าเวลาผมคิดถึงแม่ครูผมจะทำยังไง.. ผมไม่ไปครับ ผมจะอยู่กับแม่ครู..”    ผมงอแงตามประสาเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะจากคนที่ผมรักไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ผมร้องไห้ประท้วงอยู่พักใหญ่ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งลงมาจากรถตู้คันสีขาว ใส่แว่นดำ ชุดสีขาว ดูท่าทางน่ากลัวมากและยังมีผู้ชายชุดดำอีก 2-3 คนเดินตามลงมาประกบผู้ชายที่อยู่ด้านหน้า เหมือนกับในหนังเลยครับ ผู้ชายชุดสีขาวคนนั้นเดินตรงมาหาผมกับแม่ครู     “สวัสดีครับครู ผมมารับน้องชายผมกลับบ้านครับ”    “สวัสดีค่ะคุณไอศูรย์ ปีโป้ยกมือสวัสดีพี่เขาสิลูก อย่างอแงนะครับคนเก่งของแม่”    “ผมไม่ไปไม่ได้หรอกครับแม่ครู ผมกลัว..”    ขณะที่พูดอยู่ตอนนั้นผมยังคงกอดแขนแม่ครู ผู้หญิงที่คอยเลี้ยงดูผมตั้งแต่เกิดไว้แน่น เพื่อหวังให้ท่านใจอ่อนไม่ยอมให้ผมไปกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้    “มาหาพี่นะครับคนเก่ง นั่นดูสิกอดแขนแม่ครูจนท่านเจ็บแผลแล้วมั้งครับ”    (เอ๊ะ ทำไมน้ำเสียงไม่เห็นน่ากลัวเหมือนหน้าตาเลยล่ะ) ผมคิดในใจเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายตรงหน้าคุยกับผมเพื่อให้ผมปล่อยแขนแม่ครู    “ผมไม่ไปได้ไหมครับ ถ้าผมไปใครจะดูแลแม่ครูของผม”    “พี่เข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแม่ครูของปีโป้จะสบายขึ้น จะไม่ต้องเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เดี๋ยวพี่จะจ้างคนมาดูแลแม่ครูแทนปีโป้เองนะครับ”    ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างแปลกประหลาดเมื่อได้ฟังคำพูดของว่าที่พี่ชายคนใหม่ของผม    “พี่สัญญากับผมใช่ไหมกว่าจะมีคนดูแลแม่ครูแทนผม”    “ครับปีโป้ เราไปอยู่บ้านหลังใหม่กับพี่ดีกว่าเนาะ”    “ครับ ผมไปอยู่กับพี่ก็ได้ แต่ผมขอกอดแม่ครูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนได้ไหมครับพี่แม็ก”    “ได้สิ”    เมื่อสิ้นเสียงกว่าที่พี่ชายคนใหม่ ผมก็รีบหันกลับไปกอดแม่ครูพลางน้ำตาไหลเปื้อนแก้มเป็นทาง    “ผมไปก่อนนะครับแม่ครู แม่ครูต้องดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ต้องทานยาให้ตรงเวลา ออกกำลังกายตอนเช้า อย่าลืมนะครับ”    “ครับลูก ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ หนูเองไปอยู่กับพี่เขาต้องเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนมีอนาคตที่ดีนะลูก แม่รักปีโป้นะครับ”    “ผมก็รักแม่ครูครับ..”    ผมค่อยๆ คลายวงแขนจากแม่ครูแล้วก้มลงกราบที่เท้าของท่าน แม่ครูเองก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะของผมด้วยความเอ็นดู ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นยกมือไหว้ลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหันหลังเดินตามกลุ่มผู้ชายกลุ่มนั้นไปขึ้นรถตู้ ขณะที่น้ำตาก็ยังรินไหลอาบแก้มไม่หยุด    “ไม่ร้องแล้วนะครับคนเก่งของพี่ ต่อไปนี้ปีโป้จะมีชีวิตใหม่ มีอนาคตใหม่ จะเจอแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตนะครับ พี่ชายคนนี้จะดูแลปีโป้ไปตลอดชีวิตเลยครับ.. ไปตลอดชีวิต.. ไปตลอดชีวิต…”        ในห้องนอนคอนโดหรูนายแบบหนุ่ม    “ปีโป้.. ปีโป้ครับ..”    “หะ!!... เอ้อ.. คุณเสือมีอะไรหรือเปล่าครับ”    “ผมเองต่างหากที่ต้องถามคุณ ว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นนั่งเงียบๆ ตั้งนานคิดว่าเป็นอะไรซะอีกครับ”    แล้วผมควรจะตอบเสือยังไงดี ว่าผมเผลอคิดถึงอดีตในวัยเด็กที่มีพี่ชายแสนดีคอยดูแลผมตลอดเวลา แต่ปัจจุบันคนๆ นั้นกลับทำให้ผมรู้สึกเจ็บแสบที่สุด ที่ชีวิตผมมีคนอย่างมันเข้ามาในชีวิต    “ผม.. กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ ว่าแต่คุณเสือมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”    “อ๋อ ผมจะเข้ามาบอกคุณปีโป้ว่า คุณจะอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยก็ได้นะครับ เพราะผมเองก็ไม่ค่อยได้มาพักที่นี่เท่าไหร่ ส่วนมากจะไปนอนที่บ้านใหญ่ของพ่อกับแม่มากกว่าครับ”    “มันจะดีหรอครับ คือเราสองคนเองก็เพิ่งรู้จักกันยังไม่ข้ามวันเลย คุณเสือไม่กลัวว่าผมจะเป็นมิจฉาชีพมาหลอกคุณหรอครับ..”    “ฮ่าๆ..    จู่ๆ เพื่อนใหม่ของผมก็ยิ้มให้พลางหัวเราะเบาๆ    “ไม่หรอกครับ เพราะทุกวันนี้ผมก็เจอมิจฉาชีพตลอดอยู่แล้ว คุณปีโป้ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าคุณเป็นวิชาชีพจริงๆ ผมคงส่งคุณให้กับตำรวจตั้งแต่ช่วยคุณลงมาจากรถตู้คันนั้นได้แล้วครับ”    “คุณเสือ!”    ผมเรียกชื่อเขาอย่างความอ่อนใจ แต่ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยคำขอบคุณเขามากมายอยู่ในนั้น    “ผมพูดจริงๆ คุณสามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรนะครับ เดี๋ยวผมเป็นคนจัดการให้ทุกอย่างขอให้คุณบอกผม”    ยิ่งได้ฟังคำพูดของคุณเสือเพื่อนใหม่ของผม มันทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจจนบอกไม่ถูกแล้วก็ไม่รู้จะหาคำขอบคุณใดเพื่อจะบอกเขา  ว่าผมขอบคุณเขาเหลือเกินที่ช่วยเหลือผมในครั้งนี้และอาจจะตลอดไป    “ผมขอขอบคุณคุณเสือมากนะครับที่เหมือนให้ชีวิตใหม่กับผม”    “ไม่เป็นอะไรเลยครับ ไม่ต้องคิดมากนะครับ ก็ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไรผมยินดีช่วย แต่ถ้าคุณยังรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้ มันก็พลอยทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยคุณครั้งนี้ เข้าใจผมนะปีโป้”    “ครับคุณเสือ”    “ผมคิดว่าเราสองคนอายุไม่น่าจะห่างกันเท่าไหร่ อย่าเรียกผมว่าคุณเลยนะครับ เรียกเสือเฉยๆ ก็ได้”    “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเสือก็เรียกเราว่าปีโป้เฉยๆ เหมือนกันนะ”    “ปีโป้ก็ปีโป้.. ว่าจะถามตั้งแต่อยู่บนรถแล้วเสือลืมน่ะ ปีโป้รู้จักพี่สิงห์ด้วยหรอ”    “พี่สิงห์ พี่สิงห์ไหนอ่ะเราไม่รู้จัก”    “ก็ที่เป็นหมอกระดูกไง ที่ชื่อชนพรรณน่ะ”    “หมอสิงห์ นายแพทย์ชนพรรณ วรันธรน่ะเหรอ..”    “ใช่ นั่นแหละพี่ชายเสือเอง”    “อ้าวเหรอ หมอชนพรรณเขาเป็นหมอประจำตัวเราได้ 4 ปีนี้แล้ว แล้วตอนนี้พี่หมอเป็นยังไงบ้างล่ะเสือ”    ผมถามเขาด้วยความเป็นห่วงหมอ หมอคนนี้ก็เปรียบเหมือนพี่ชายของผมคนนึง เวลาที่ผมมีปัญหาหรือมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็จะคอยปรึกษาพี่หมอคนนี้ตลอด    “เรื่องนี้เสือก็ไม่รู้เหมือนกัน ล่าสุดเห็นสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองรถคว่ำเหมือนกับว่าจะบอกใครคนนึง ว่าตัวเขาเองเสียชีวิตแล้วทำนองนี้แหละ แต่ตอนนี้เสือเองก็ติดต่อเขาไม่ได้เหมือนกัน”    พอฟังเรื่องราวมาถึงตรงนี้ผมรู้สึกตกใจและไม่คิดว่าพี่หมอจะเป็นคนทำเอง อาจจะเป็นคนใจร้ายสั่งให้ลูกน้องมาทำร้ายพี่หมอก็ได้แต่ว่าพี่หมออาจจะรู้ตัวก่อนเลยทำทีหายตัวไป เพื่อให้คนใจร้ายเข้าใจว่าเขาตายแล้ว    “ปีโป้กำลังคิดอะไรอยู่หรอ หรือว่าคนที่ทำร้ายปีโป้มันจะส่งคนไปทำร้ายพี่สิงห์ด้วย..”    “เราก็ภาวนาอย่าให้เป็นแบบนั้นเลย แต่ก่อนที่เสือจะมาช่วยเรา มันก็พูดทำนองนั้นอยู่เหมือนกันไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่”    ผมกับเสือคุยเรื่องนี้กันอยู่นานเพื่อหาข้อสรุปที่จะช่วยพี่หมอจากน้ำมือคนใจร้ายคนนั้น        ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมือง    บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นที่มีเคาน์เตอร์บาร์ ก็มีนายใหญ่นั่งดื่มเหล้าเมามายแบบนี้เช่นทุกวัน ตั้งแต่ที่มีคนมาช่วยนายน้อยไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ความสนุกครื้นเครงเสียงหัวเราะสนุกสนานไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น วันๆ นายใหญ่เอาแต่ดื่มเหล้าจนเมาแล้วก็นอนตรงโซฟานั้นเลย โดยมีผมกับป้านวลคอยช่วยกันดูแลเป็นประจำ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็จะเรียกหาเหล้าเป็นสิ่งแรกตลอด พอเมาได้ที่ก็จะพร่ำเพ้อพรรณนาร้องไห้เรียกหานายน้อยปานจะขาดใจ ซึ่งเป็นภาพที่น่าเวทนาปนสงสารในเวลาเดียวกัน ชวนทุกคนในบ้านต่างเป็นห่วงสุขภาพของท่านมาก แต่ก็น่าแปลกที่นายใหญ่ไม่เคยสั่งให้ผมหรือลูกน้องคนไหนไปตามตัวนายน้อยกลับมาเลย ส่วนเด็กหนุ่มเกือบ 10 คนที่ท่านเคยเลี้ยงดูเพื่อมาปรนเปรอความสุขก็ไม่เห็นแวะเวียนเข้ามาหาท่านแม้แต่คนเดียว ทำไมท่านเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ เป็นเพราะนายน้อยที่ถูกผู้ชายคนนั้นช่วยเหลือไปเท่านั้นหรอ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ หากจะพูดถึงเรื่องนี้คนที่มีอิทธิพลกับชีวิตนายใหญ่มากที่สุดก็คือนายน้อย หรือว่าท่านกำลังจะทำอะไรบางอย่างโดยที่พวกผมไม่รู้อยู่หรือเปล่า       
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD