ณ ห้องนอนใหญ่ของเจ้าพ่อมาเฟีย
ตุ้บ!!
“นี่มึงทำอะไรกู!! มาอยู่บนเตียงกูได้ยังไงไอ้นะ..”
ผมทั้งเจ็บทั้งสะดุ้งตกใจตื่น เมื่อผมลืมตาขึ้นก็กองอยู่บนพื้นข้างเตียงแล้ว ขนาดที่บนเตียงมีนายใหญ่พี่กำลังยืนชี้หน้าด่าผมต่างๆ นานา ด้วยสีหน้าโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัดโดยมีเพียงผ้าขนหนูผูกที่เอวไว้ ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจกับน้ำเสียงและท่าทางคนตรงหน้า
“นายใหญ่ครับ ผมขอโทษจริงๆ ครับ แต่เรื่องเมื่อคืนนี้ผมไม่ได้ทำอะไรนายใหญ่เลยนะครับ”
ปั้ก!!
“มึงยังกล้าพูดว่าไม่ได้ทำอะไรกูนั่นหรอ ก็แล้วที่กูกับมึงแก้ผ้านอนบนเตียงเดียวกันมึงจะอธิบายว่ายังไงไอ้นะ!!”
ผมได้ฟังถึงตอนนี้มันก็ทำให้ผมไม่รู้ว่าจะพูดยังไงหรือจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับนายใหญ่ให้ท่านเข้าใจได้อย่างไรดี
“มึงเงียบแบบนี้ แปลว่ามึงทำเรื่องเชี้ยๆ กับตัวกูตอนที่กูเมาใช่ไหม!”
วินาทีนี้นายใหญ่เข้าใจผมผิดไปหมดแล้ว สุดท้ายมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าผมจะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมจึงทำได้เพียงแค่เงียบแล้วยอมเป็นกระสอบทรายให้ท่านระบายอารมณ์กับพื้นห้องข้างเตียงใหญ่นั้นสักพักหนึ่ง
ตุ้บ!.. ตั้บ!.. ปั้ก!..
“นายท่านหยุดเถอะค่ะ นะฮาการแย่แล้วนะคะ”
ป้านวลวิ่งเข้ามากอดผมเพื่อหวังใช้ตัวของแกกันไม่ให้นายใหญ่ทำร้ายผมต่อไป ผ่านไปเกือบ 10 นาทีที่ผมถูกนายใหญ่ระบายอารมณ์เพราะเข้าใจผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
“หลบไปนะป้า ไม่อย่างนั้นป้าอาจจะเจ็บตัวด้วยนะ ป้ารู้ไหมมันทำอะไรตอนที่ผมเมาเมื่อคืนนี้ เลี้ยงไม่เชื่อง!!”
“หยุดได้แล้วนะนายท่าน!!”
ผมและนายใหญ่ต่างรู้สึกตกใจในน้ำเสียงของป้านวล ก่อนที่นายใหญ่จะถามป้านวลด้วยความสงสัย
“ป้านวลเป็นอะไร แล้วทำไมต้องปกป้องมัน มันทำอะไรผมบ้างผมไม่รู้เลย วันนี้ผมจะไม่เอามันไว้..”
“อยากรู้ใช่ไหม ว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดูนี่!..
“ป้านวล!!”
“ไม่ต้องถามป้านะ ป้าไม่อยากให้นะต้องเจ็บตัวอีก”
ป้านวลไม่ฟังที่ผมร้องห้าม ก่อนจะเดินไปเปิดสมาร์ททีวีที่แขวนอยู่บนผนังทางฝั่งปลายเตียงนอน ทันทีที่ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นปรากฏอยู่ตรงหน้านายใหญ่ ทำให้ท่านถึงกลับนั่งลงอย่างหมดแรงด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นักหลังจากที่ดูจบ
“ยังไงฉันก็ขอโทษแกด้วยแล้วกันนะนะ แต่ก็ขอให้แกลืมไปซะเพราะว่าฉันเมา ป้ากับนะออกไปได้แล้วป่ะผมจะพักผ่อน แต่ถ้าต้องการเงินไปหาหมอก็เอาเงินที่ป้านวแล้วกัน”
น้ำเสียงห้วนห้วนๆ สีหน้าเฉยเมยเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับท่านเมื่อคืนนี้ นี่นายใหญ่ยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า ผมเข้าใจว่าเมื่อคืนนี้ท่านเมาเหล้าจึงทำให้ทำอะไรโดยขาดสติ แต่ท่านขาดสติจริงๆ หรือเปล่า ถึงสามารถอุ้มผมขึ้นบันไดกว่า 20 ขั้นเพื่อขึ้นมาชั้นบนแบบไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นเลย เพราะปกติคนที่เมาสุราจะทำอะไรมักจะเกิดข้อผิดพลาดเสมอ ทันทีที่ได้ยินคำสั่งให้ออกจากห้องผมกับป้านวลก็ไม่รอช้า รีบจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้ผมพร้อมทั้งประคองผมลงไปชั้นล่าง พาผมไปพักที่ห้องส่วนตัวด้านหลังตึกใหญ่อีก โดยที่ผมกับป้าไม่ได้คุยอะไรกันเลย
หลังจากที่ป้านวลกลับไปผมก็อยู่ภายในห้องพักตามลำพังคนเดียว ในขณะที่ร่างกายรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วโดยเฉพาะบริเวณบั้นท้ายมันบอกช้ำจนผมไม่สามารถนั่งได้ เพราะมันรู้สึกเจ็บและแสบมาก ระหว่างนั้นผมก็อดคิดถึงคำพูดของนายใหญ่ไม่ได้ เหมือนกับว่ามันเป็นความผิดของผมเองที่ไปรับท่านกลับมาบ้านเมื่อคืนนี้ เป็นเหตุให้ผมต้องเจอเรื่องราวการร่วมรักแบบพิสดารที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของผมมาก่อน ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่หากผมไม่ยินยอมผมก็อาจจะตายโดนยิงทิ้งข้างทางเหมือนศัตรูของท่านก็เป็นได้ ผมจึงต้องจำยอมยอมทุกอย่างให้ท่านกระทำตามความต้องการปรารถนาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งบนรถตู้ทั้งในห้องนอนโดยรวมแล้วเป็น 10 รอบที่นายใหญ่เสร็จสมอารมณ์หมายในร่างกายผม ผมพยายามสลัดหัวแรงๆ เพื่อให้ภาพเหตุการณ์นั้นหลุดออกไปจากความทรงจำให้หมด แต่ยิ่งผมสลัดหัวมากเท่าไหร่ภาพความเจ็บปวดก็ยิ่งตอกสลักลึกลงในใจผมมากขึ้นเท่านั้น น้ำตาลูกผู้ชายของผมรินไหลทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตเช่นกัน มันกำลังรินไหลระบายความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นกับร่างกายของผมตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาจนผมหลับไป…
ณ บ้านเรือนไทยของนายแบบหนุ่ม
“โอ้ก!!... อ็อก.. เอ้อ… ถุ้ย..”
“ไหวไหมลูก.. ค่อยๆ นะลูกนะ.. เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาให้บ้วนปาก”
ตั้งแต่เช้ามาผมมานั่งอาเจียนใส่กระโถนที่คุณแม่เตรียมเอาไว้ด้านข้างเก้าอี้ที่ผมนั่งพักครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว จนผมรู้สึกได้ว่าในท้องมันไม่มีอะไรให้อาเจียนออกมาแล้ว ในขณะที่คุณแม่เดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำในมือเพื่อให้ผมได้ใช้บ้วนปาก
“ขอบคุณมากครับคุณแม่..”
“ไหวไหมไม่ไหวบอกแม่นะ แม่จะได้เตรียมไปออกรถพาหนูไปโรงพยาบาล”
คุณแม่ของเสือท่านคงเหนื่อยมากทำให้ผมสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดขึ้นบริเวณหน้าผากของท่าน ทั้งที่ในใจผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าผมแทบจะหมดแรงแล้วแต่ในเวลานี้ผมเองก็ไม่อาจจะรบกวนคุณแม่ของเสือมากไปกว่านี้ได้
“ผมยังไหวอยู่ครับคุณแม่ ดมยาดมเข้าไปก็รู้สึกดีขึ้นแล้วครับ..”
“แม่พิมพ์ไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลหลานเอง”
ขณะเดียวกันที่ผมพูดเชิงปฏิเสธคุณแม่อย่างเกรงใจ เสียงคุณย่าก็ดังมาจากทางด้านหลังของผม
“ไม่เป็นไรค่ะแม่..”
“แม่บอกให้ไปพักก็ไปพักเถอะลูก!”
นำเสียงของคุณย่าครั้งนี้มันแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามจนคุณแม่ปฏิเสธคุณย่าไม่ได้อีก
“ค่ะแม่”
แล้วคุณแม่ก็เดินเข้าไปพักในห้องนอนของท่าน
“ไม่ต้องคิดมากนะ ทำใจให้สบาย อยากจะอ้วกก็บอกเดี๋ยวย่าจะหยิบกระโถนให้”
“ขอบคุณมากครับคุณย่า ผมคงรบกวนคุณยายแย่เลย”
“ไม่เป็นไร สนใจของที่อยู่ในถุงนี้ไหม”
ผมหันไปมองถุงที่ย่าถือมา ทันทีที่ผมเห็นน้ำลายผมไหลรอเลยครับ มันไม่ใช่อะไรเลยครับ สิ่งที่อยู่ในถุงมันคือเนื้อมะพร้าวอ่อนพร้อมกับน้ำมะพร้าวบางส่วน นี่แหละครับคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นจากอาการแพ้ท้อง จะว่าไปผมก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันปกติคนท้องเขาจะชอบกินผลไม้เปรี้ยวๆ แต่ผมขนาดถูกชะตากับมะพร้าวอ่อนโดยเฉพาะรูปไหนที่เนื้อมะพร้าวเยอะๆ ผมจะชอบมาก เพราะทุกครั้งที่ผมมีอาการแพ้ท้องแล้วได้กินเนื้อมะพร้าวอ่อนเข้าไปหรือดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนตามไปด้วย อาการแพ้ท้องของผมก็จะดีขึ้นทันตาเห็น ถือว่าเป็นความโชคดีที่บริเวณหลังบ้านมีมะพร้าวน้ำหอมของโปรดผมอยู่หลายต้นแล้วรู้สึกโชคดีกว่านั้นคือมะพร้าวทุกต้นพร้อมออกลูกออกผลให้ผมได้กินจนกว่าผมจะคลอดเจ้าตัวเล็กเลยก็เป็นได้
“ขอบคุณมากนะครับคุณย่า”
ผมรีบยกมือขอบคุณท่าน ที่คุณย่าช่วยเป็นธุระจัดการมะพร้าวอ่อนให้ผมทุกวันสามเวลาหลังอาหารและทุกครั้งที่ผมมีอาการแพ้ท้อง ไม่นานคุณย่าก็ยกชามกระเบื้องที่มีเนื้อมะพร้าวอ่อนและน้ำมะพร้าวพร้อมช้อนมาให้ผมอย่างทันท่วงทีที่อาการของผมอาจจะรุนแรงขึ้นกว่านี้ถ้ายังไม่ได้กินมะพร้าวอ่อน
ทันทีที่ผมรับชามมะพร้าวอ่อนมาก็ไม่รอช้าที่จะตักมันเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่ากำลังกินอาหารราคาแพงอยู่ ผมใช้เวลาไม่นานทุกอย่างที่อยู่ในชามก็หมดหายเข้าไปในท้องผมในพริบตาเดียว หลังจากนั้นไม่นานอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องก็ดีขึ้นตามลำดับ
ณ ห้องพิเศษโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
คืนนี้เป็นคืนที่ 3 แล้วที่ผมต้องนอนแอดมิดเพราะอาการไข้ขึ้นสูง จากการวินิจฉัยของคุณหมอบอกว่า ร่างกายผมบอบช้ำอย่างรุนแรงโดยเฉพาะระบบภายในรูสวรรค์ของผม ที่มีอาการอักเสบอย่างรุนแรงเพราะอาจเกิดขึ้นจากที่ผมไม่เคยถูกการร่วมรักทางรูสวรรค์มาก่อน แม้กระทั่งตอนนี้อุณหภูมิไข้ก็ยังคงมีอยู่ตลอด จึงเป็นเหตุให้ผมต้องรับยาฆ่าเชื้อและยาแก้อักเสบผ่านทางสายน้ำเกลือทุกครั้งที่มีอาการกำเริบ
ผมนอนมองกระปุกน้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อที่ถูกแขวนอยู่คู่กันเป็นระยะ บางครั้งก็เหลือบสายตาไปมองทางประตูห้องบ้าง เพื่อหวังว่าจะได้เห็นใครคนหนึ่งมาเยี่ยมผมแต่เวลาที่ผ่านไปถึง 3 วัน 3 คืนก็ไร้เงาผู้ชายคนที่ทำร้ายผมในคืนนั้น ในใจลึกๆ แล้วผมยังหวังว่านายใหญ่จะมาเยี่ยมผมบ้าง มาถามข่าวคราวผมบ้างว่าผมเป็นยังไงหายดีหรือยัง เพียงเท่านี้มันอาจจะช่วยให้อาการของผมดีขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้
เวลานี้บุคคลที่อยู่เคียงข้างผมกลับเป็นไอ้วินเพื่อนรักที่สนิทกับผมที่สุดในบรรดากลุ่มลูกน้องของนายใหญ่ทั้งหมด โดยเมื่อ 3 วันที่แล้วผมก็ได้นี่วินนี่แหละที่ช่วยพาผมมาส่งโรงพยาบาลขณะที่ผมช็อคหมดสติอยู่บนเตียงภายในห้องพักด้านหลังตึกใหญ่ โดยไร้เงาของนายใหญ่ที่น่าจะเป็นบุคคลแรกที่เข้ามาช่วยผม หากถามผมว่าผมเสียใจหรือไม่ ผมบอกได้ตรงๆ เลยว่าโคตรเสียใจเลย แต่เนื่องด้วยผมไม่ได้อยู่ในสายตาของนายใหญ่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถึงคืนนั้นจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นโดยที่นายใหญ่ไม่ได้กระทำขึ้นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมเองก็คงไม่มีค่าให้นายใหญ่หันมามองเหมือนเดิม พูดไปแล้วก็รู้สึกน้อยใจบวกกับความเสียใจในเวลาเดียวกัน หรือจะให้ผมคิดในแง่ร้ายเลยถึงคนตายเขาก็คงไม่เห็นผมในสายตาอยู่ดี
ในวันที่ผมช็อกหมดสติในห้องพักผมได้ยินป้านวลเล่าให้ฟังว่า วันนั้นวินมันเดินเข้ามาหาผมเผื่อจะมาถามว่าทำไมผมไม่ออกไปกินข้าวเหมือนทุกวัน แต่เคาะประตูยังไงก็ไม่มีเสียงตอบรับจากผมมันถึงวิ่งไปขอกุญแจสำรองกับป้านวลเพื่อมาเปิดห้องผมดู ก็พบว่าผมช็อกหมดสติอยู่บนที่นอนแล้ว ก่อนที่มันจะเป็นคนช่วยพาผมมาส่งโรงพยาบาลทั้งยังเฝ้าผมตลอด 3 วัน 3 คืนที่ผ่านมา
“วินนายจะออกไปกินข้าวเที่ยงก็ได้นะ นี่ก็จะบ่ายแล้ว”
“กูยังไม่หิวอ่ะ มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก ไหนดูซิไข้ยังขึ้นอยู่หรือเปล่า..”
มันบอกผมพร้อมกับลุกขึ้นเดินมาที่เตียง แล้วยกลังมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“กูดีขึ้นแล้ว มึงไปกินข้าวเหอะเดี๋ยวอีกสักพักพยาบาลก็จะมาตรวจวัดชีพจรกูแล้ว”
ผมพยายามอธิบายเพื่ออะไรให้มันไปกินข้าวกลางวันเช่นทุกครั้งแล้วมันก็ทำตามสิ่งที่ผมต้องการจนได้
“นายใหญ่จะไม่มาหาผมจริงๆ เหรอครับ..”
ผมพูดกับตัวเองด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กๆ ก็ยังดีที่มีวินอยู่เป็นเพื่อน
ณ ที่แห่งหนึ่ง
นี่ก็จะเป็นเวลาเข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว หลังจากที่ผมหายตัวออกมาจากการสร้างสถานการณ์รถคว่ำวันนั้น เรื่องทุกอย่างคงจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น คนไข้ตัวน้อยของผมป่านนี้ก็คงจะมีความสุขกับชีวิตคู่ถึงบางครั้งอาจจะไม่มีความสุขมากนัก แต่มันอาจจะดีกว่าที่มีผมเข้าไปคนเวียนในชีวิตของเขา
ผมออกมาเดินลัดเลาะสถานที่เดิมๆ ที่ผมมานั่งทอดอารมณ์ มันก็ยังคงเป็นเรื่องแปลกเหมือนเดิมที่ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะไม่มีผู้คนมากมาย ไม่มีความวุ่นวายจอแจ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังมีให้ผมยังคงได้ปฏิบัติหน้าที่ความเป็นหมอของผมนั่นก็คือ สถานที่นี้มีคนป่วย มีคนต้องการความช่วยเหลือทางด้านการรักษาพยาบาลจากผมแต่ไม่วุ่นวายเหมือนอยู่ที่บ้านของผม ที่นี่นานๆ ทีจะมีคนป่วยมาให้ผมรักษา แต่หน้าที่นี้ก็ไม่ใช่ของผมโดยตรงซึ่งสถานที่แห่งนี้มีหมอประจำอยู่แล้วถึง 2 คน สำหรับคนที่ไม่อยากลำบากเดินทางไกลไปรักษากับหมอ 2 คนนั้นก็จะแวะมาหาผมที่สถานที่ผมพักแรมอยู่
มาถึงวันนี้มันคงได้เวลาที่ผมจะกลับไปเผชิญโลกแห่งความจริงแล้ว ความจริงที่ว่าผมเป็นบุคคลสูญหายจากเหตุการณ์รถคว่ำเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้ทุกคนผมจะเป็นห่วงผมมาก ชีวิตของผมนับจากนี้อาจจะลำบากสักเล็กน้อยในช่วงเวลาที่ต้องไปใช้บริการสถานที่ของรัฐ ที่ชื่อของผมอาจจะไม่ได้อยู่ในทะเบียนราษฎร์แล้ว และความต้องการนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคนไข้ตัวน้อยของผมคนนั้นเพียงคนเดียว โดยช่วงบ่ายนี้ผมจะออกเดินทางโดยรถยนต์ของคนในละแวกนี้เพื่อไปใช้อุปกรณ์สื่อสารเพื่อติดต่อคนที่บ้านผมให้มารับผมกลับ…