ขนตาแพเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา มือเล็ก ๆ สั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ แม้ใจจะปวดร้าวและไม่อยากเผชิญหน้า แต่เธอก็จำใจต้องหยิบเอานามบัตรใบเล็กที่คนใจร้ายทิ้งไว้ขึ้นมา กำมันไว้แน่น ราวกับอยากจะบีบให้มันละลายหายไป
มือที่สั่นเทาค่อย ๆ กดหมายเลขโทรศัพท์ลงไปอย่างลังเล หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมา
“ฮัลโหล...”
เสียงที่เธอไม่อยากได้ยินดังขึ้นในหู ทำให้เธอเม้มปากแน่นจนเจ็บปวด
“ไม่ทราบว่าใครครับ”
เสียงเขาพูดด้วยความหงุดหงิดทันที คนตัวเล็กกำมือแน่น พยายามรวบรวมสติให้มั่นคง
“ฉัน...ณัฐณิชาค่ะ”
เธอรวบรวมความกล้ากรอกเสียงตอบกลับไป
“หึ ว่าไงนะ? ฉันกำลังนับถอยหลังเลยล่ะ รอว่าเมื่อไหร่เธอจะโทรมา ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันตั้งเอาไว้ซะด้วยซ้ำ แสดงว่าฉันประเมินเธอไว้สูงเกินไปจริง ๆ” วาจาเชือดเฉือนนั้นยังคงก้องอยู่ในใจเธอ เหมือนมีมีดคมค่อย ๆ กรีดลึก
“ฉัน...ตกลงรับข้อเสนอค่ะ ฉันต้องการเงินสองล้านตอนนี้” ณัฐณิชาพูดออกไปทั้งที่ในใจอยากวางสายทันที
“สิบล้านเลยก็ได้ที่รัก เวลาของเธอ คือการเป็นนางบำเรอฉันหนึ่งปี เริ่มคืนนี้เลย ส่วนเงิน...เอาร่างกายเธอมาแลกดูสิ ว่ามันจะคุ้มค่ากับสิบล้านหรือเปล่า พอดีเมื่อคืนฉันเมาไปหน่อย เลยจำอะไรไม่ค่อยได้”
ณัฐณิชากำมือถือแน่นจนอยากขว้างทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด หากไม่ใช่น้ำพักน้ำแรงที่เธอเก็บหอมรอมริบมาด้วยความยากลำบาก
เธอล้มตัวลงบนเตียงที่เต็มไปด้วยรอยราคี... รอยที่เขาฝากทิ้งไว้ในตัวเธออย่างไม่ลบเลือน
ณัฐณิชาพาร่างอันบอบช้ำกลับมายังบ้านหลังเล็กของเธอ หญิงสาวรีบอาบน้ำชำระคราบความบัดสีที่ติดอยู่บนร่างกาย แต่งตัวใหม่ให้ดูสดใส พยายามเก็บความขื่นขมเอาไว้ในใจ ก่อนจะรีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลทันที
หลังจากจัดการเรื่องเอกสารและตกลงวันจ่ายเงินค่าผ่าตัดกับฝ่ายการเงินของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ณัฐณิชาก็รีบเดินตรงไปยังห้องพักของยาย ด้วยใจที่เร่งร้อนและกังวล
ร่างเล็กจ้องมองผ่านหน้าต่างห้องปลอดเชื้อด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ยายดอกแก้ว ผู้เป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลือ อยู่บนเตียงนอน หายใจอย่างสม่ำเสมอ สายระโยงระยางเต็มทั้งหน้าและลำตัว
น้ำตาแห่งความสงสารคลออยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลยายดอกแก้วให้ดีที่สุด”
เสียงอ่อนโยนของหมอหนุ่มเจ้าของไข้ดังขึ้นจากด้านหลัง
ณัฐณิชาปาดน้ำตาออกจากแก้มอย่างลวก ๆ แล้วหันไปมองหมอหนุ่มด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ช่วยยายของณิด้วยนะ... ณิไม่เหลือใครแล้ว นอกจากยาย” ม่านน้ำตาไหลลงมาซ้ำอีกครั้ง
หมอหนุ่มรีบดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาให้ด้วยท่าทางสุภาพ
ณัฐณิชารับไว้ด้วยความเกรงใจและซาบซึ้งในน้ำใจของเขา
“ไม่ต้องกังวลครับ”
เขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้หญิงสาว
ใบหน้าสวยงามราวภาพวาดของเธอ ไม่ควรมีหยาดน้ำตาแบบนี้ เขาปรารถนาอยากเห็นรอยยิ้มสดใสจากเธอสักครั้ง
เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกความเงียบสงัด ณัฐณิชาจึงขอตัวออกจากหน้าห้องพักผู้ป่วย หญิงสาวเดินไปหยุดที่บันไดหนีไฟ
เธอก้มลงมองหน้าจอที่สว่างวาบขึ้นมาเบอร์โทรนั้น...เธอจำได้ดี เบอร์ของคนที่พรากศักดิ์ศรีและความสุขไปจากชีวิตเธอในชั่วข้ามคืน
ปลายนิ้วแตะที่หน้าจออย่างลังเลแต่สุดท้าย...ก็ไม่ได้กดรับ เธอปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้น กระทั่งเงียบหายไป
แต่แล้ว…
เสียงแจ้งเตือนอีกครั้งก็ดังขึ้น พร้อมข้อความที่แค่เห็นก็ทำให้ใจเธอบีบแน่น
‘คอนโด XXX ชั้น 30 ห้อง 302 ตอนสองทุ่ม มาให้ตรงเวลา’
ณัฐณิชากำโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ดวงตาแดงก่ำเงยขึ้นมองห้องปลอดเชื้อเบื้องหน้า ร่างคุณยายที่นอนแน่นิ่งบนเตียงคือทุกอย่างที่เธอเหลืออยู่ในโลกใบนี้
ต่อให้ต้องแลกด้วยศักดิ์ศรี…
ต่อให้ต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดไปจนวันตาย…
เธอก็จะยอมทำทุกอย่าง เพื่อรักษาชีวิตของคนที่เธอรักที่สุดไว้
“อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะไอ้วิน มีเรื่องดีๆ ที่พวกกูไม่รู้รึเปล่า?” นทีเอ่ยแซว ขณะมองเพื่อนที่นั่งยิ้มมุมปากอยู่คนเดียวไม่วางโทรศัพท์สักที
“นั่นสิ มึงดูอารมณ์ดีผิดปกตินะ ตั้งแต่เมื่อคืนก็หายเงียบไป พอเช้ามาก็ทำหน้ายิ้มยังคนบ้า” ชัชวาลเสริมเสียงขำ แต่แววตาก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“กูว่าจะเลี้ยงกระต่าย…” กวินตอบเรียบๆ โดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ
“กระต่าย?!” สองหนุ่มอุทานแทบพร้อมกันอย่างเหลือเชื่อ
ไอ้วินเนี้ยนะจะเลี้ยงสัตว์! แค่แมววิ่งผ่านหน้าบ้านยังทำหน้าราวกับมันเป็นปีศาจที่มาสาปบ้านจนอยากทุบสร้างใหม่
“คิดยังไงวะ ปกติมึงเกลียดพวกสัตว์จะตาย” นทีถามอย่างข้องใจ
“ก็…มันตัวขาวๆ นุ่มๆ หอมๆ น่าสัมผัสดี เลยอยากลองเลี้ยงดู”
คำตอบของกวินทำเอาเพื่อนทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มมุมปาก 'กระต่าย' ที่ว่ามานั้น คงนอนครางเสียงหวานน่าดู
“แล้วไงวะ น้องเสิร์ฟคนนั้น เด็ดไหม?… ถ้ามึงเบื่อเมื่อไหร่ ส่งต่อให้กูได้นะ กูไม่ถือ”
ชัชวาลถามเสียงต่ำอย่างมีเลศนัยในน้ำเสียง นึกเสียดายนิดๆที่เพื่อนเขาถูกใจก่อน ไม่อย่างนั้นเขานี่แหละจะอาสาพาเธอขึ้นเตียงเอง
““เสียใจด้วย…กูไม่ใช่คนชอบแชร์ของ”
เขาเงยหน้ามองฟ้าเหนือสนามกอล์ฟ แสงแดดยามสายไม่อาจบังภาพใบหน้าของหญิงสาวเมื่อคืนที่ยังหลงเหลือในหัวสมอง ร่างเล็กที่นอนตัวสั่น เสียงสะอื้นเงียบๆ ใต้ผ้าห่ม และดวงตาคู่นั้น…
“ขี้หวงว่ะ!” ชัชวาลสบถเบาๆ ก่อนจะเบนความสนใจไปที่แคดดี้สาวที่ส่งสายตาหวานให้ไม่หยุด ปล่อยให้กวินยังคงจ้องหน้าจอโทรศัพท์ของมันไป
‘อย่าคิดเปลี่ยนใจละ เพราะฉันไม่ใช่คนใจดีพอจะให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง’
ส่งข้อความอีกฉบับออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เพราะเมื่อกระต่ายน้อยเลือกยื่นตัวเข้ากรงเองแล้ว…มันก็ไม่มีทางได้กลับออกมาอีก
กวินเดินออกจากห้องน้ำด้วยท่าทีไม่รีบร้อน ร่างสูงเปลือยท่อนบนมีหยดน้ำเกาะพราว ละลานไปตามกล้ามเนื้อแน่นได้รูปที่ชัดเจนทุกสัดส่วน เขาสะบัดผ้าเช็ดตัวเบาๆ ก่อนหยิบเสื้อคลุมตัวบางมาสวมอย่างลวกๆ จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาหนานุ่มอย่างสบายอารมณ์
เสียงติ๊กของนาฬิกาเดินหน้าช้าๆ จนเกือบจะถึงเวลานัดหมาย เขาเหลือบตามองเข็มนาฬิกาที่ขยับไปแตะเลขสิบสองตรง…สองทุ่มพอดี
“ช้า…”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง มุมปากยกยิ้มนิดๆ อย่างดูแคลนก่อนจะหยิบไอแพดขึ้นมาไถหน้าจอเช็กหุ้นอย่างใจเย็น
'เธอคงหิวเงินจนยอมคลานมาหาถึงที่อยู่แล้ว...'
เขาคิดอย่างเย็นชา ความพอใจค่อยๆ แทรกในอก พอจินตนาการถึงใบหน้าหวาดหวั่นของแม่กระต่ายน้อยที่เขา จับจอง ไว้เมื่อคืน
แต่แล้ว…เสียงกริ่งที่เฝ้ารอก็ยังไม่ดังขึ้นเสียที
เวลาล่วงเลยไปนาทีแล้วนาทีเล่า เขาวางไอแพดลง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหน้าจอ ไม่มีข้อความตอบกลับ ไม่มีแม้แต่เสียงเรียกจากสายที่รอ ยกเว้นสายที่ไม่ได้รับจากเพื่อนสนิทที่โทรมาเป็นสิบครั้ง…แต่เขาเลือกจะไม่สนใจ
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดจนน่าหงุดหงิด
เขาเปิดทีวีขึ้นมาเพื่อกลบเสียงหัวใจตัวเองที่เริ่มเต้นแรงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ สายตาคู่คมมองภาพบนจออย่างว่างเปล่า ในหัวกลับเอาแต่คิดถึงดวงตาคู่โตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดคู่นั้น
สองทุ่มครึ่ง
สายตาคมยังจับจ้องไปที่ประตูราวกับมันเป็นศัตรูตัวฉกาจ ความอดทนที่พยายามกักเก็บไว้แทบทั้งชั่วโมงขาดสะบั้นลงในพริบตา กวินวางไอแพดลงบนโซฟาอย่างแรง แล้วคว้ามือถือขึ้นมาโทรหาเพื่อนทันที
“ว่าไงไอ้ชัช” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นโดยไม่แม้แต่จะทักทาย
“กว่าจะโทรกลับได้นะมึง กูโทรหาตั้งนาน! ไอ้ทีมันลากกูมาผับเปิดใหม่ สาวๆ อย่างแจ่ม รีบมาเลย แถว XXX นี่เอง กูว่ามีตัวท็อปที่ถูกใจมึงแน่!”
ปลายสายพูดพล่ามอย่างอารมณ์ดี เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีแทรกเข้ามาตลอดสาย ก่อนจะถูกตัดไปอย่างรวดเร็ว
กวินโยนมือถือไว้ข้างตัว เดินไปหยิบเสื้อยืดสวมอย่างลวกๆ เขาตั้งใจจะไปดื่มเพื่อดับความหงุดหงิดที่เริ่มลามไปทั่วอก ทว่าทันทีที่เปิดประตูออกไป…
...ร่างสูงก็ชะงักงันในเสี้ยววินาที