เมื่อเสี่ยวซีนำยามาถึง เสี่ยวหงก็ต้มมาให้ที่ห้อง รุ่ยเผิงรับมา แล้วให้นางกลับไปพัก
“รั่วอิน ลุกดื่มยาก่อน” เขาแตะเรียกนาง
“อืม” รั่วอินเมื่อได้เช็ดตัวอยู่หลายรอบ ไข้ของนางก็เริ่มลดลง
นางลืมตาขึ้นมามองก็เห็นรุ่ยเผิงถือชามยาอยู่ในมือ นางจึงพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง รุ่ยเผิงเห็นเช่นนั้นจึงได้เข้าช่วยนาง
รั่วอินยื่นมือที่สั่นเทาไปรับ แต่รุ่ยเผิงยกไปจ่อไว้ที่ปากของนางแทน เพราะเขากลัวว่านางจะทำหก รั่วอินก็ดื่มเข้าไปจนหมด ใบหน้าของนางเบ้อย่างน่าเอ็นดู เมื่อยาดื่มมันขมเกินไป
รุ่ยเผิงที่เห็นเช่นนั้นก็อดใจไม่ไว้ รั้งคอของนางเข้ามาตะโบมจูบอย่างหื่นกระหาย
“ใต้เท้า” รั่วอินร้องประท้วงพร้อมทั้งดันตัวเขาออก เมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของเขานางจึงดึงมือเขาไว้แล้วอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ข้ากลัวว่าท่านจะติดไข้ มิได้คิดเป็นอื่น” นางรู้ตัวนางดีว่านางอยู่ในฐานะอันใด ยากจะปฏิเสธเขาได้ในเรื่องนี้
รุ่ยเผิงเมื่อรู้เหตุผลที่นางปฏิเสธเขา สายตาเขาก็อ่อนลง เพราะนางไม่ได้รังเกียจ แต่นึกเป็นห่วงเขา
“เช่นนั้นก็นอนพักเถิด”
เขาประคองนางลงนอน แล้วก็ขึ้นไปนอนด้านใน รั่วอินเขยิบตัวหนีเพราะกลัวว่าเขาจะติดหวัดจากนาง แต่รุ่ยเผิงไม่สนใจ ดึงตัวนางเข้ามากอดไว้แน่น
รุ่ยเผิงต้องนอนอยู่ที่จวนตะวันตก เพราะเกินเวลาห้ามออกนอกจวนแล้ว เพราะกลัวว่านางจะหนาว รุ่ยเผิงจึงกอดนางไว้แน่นตลอดทั้งคืน
รุ่งเช้ารั่วอินนางจะลุกขึ้นเพื่อช่วยเขาแต่งตัว แต่รุ่ยเผิงกดตัวของนางไว้เพื่อให้นอนพัก รั่วอินนางก็ไม่ได้ดื้อล้มตัวลงนอนซุกตัวกลับเข้าผ้าห่มไปอีกครั้ง
รุ่ยเผิงส่ายหัวแล้วมองตาม เขาหาภรรยาลับมาเสียที่ไหน เขาหาเจ้านายมาเลี้ยงดูต่างหาก
เขาออกจากจวนตะวันตกไปที่ศาลต้าฉี แต่ก็กำชับให้สาวใช้ทั้งสองคอยดูแลรั่วอินให้ดีด้วย
รั่วอินนางตื่นขึ้นในตอนสาย สาวใช้ทั้งสองก็เข้ามาดูแล พร้อมทั้งให้นางกินข้าวกินยาอย่างไม่กล้าละเลย เพียงสองวันนางหายดี
รุ่ยเผิงไม่ได้มาเยือนที่จวนตะวันตกสองวันได้ เพราะมีคดีใหม่ที่เขาต้องไปจัดการ ส่วนข่าวลือการหายตัวไปของคุณหนูโจวและคุณชายโจวเพียงไม่กี่วันคนก็เลิกพูดถึง
เมื่อรุ่ยเผิงจัดการคดีเสร็จเขาก็มาหารั่วอินที่จวนตะวันตก รั่วอินนางนั่งเล่นอยู่ที่ศาลากับสาวใช้ทั้งสอง
เสียงหัวเราะของนางกังวานราวกับกระดิ่งต้องลม ทำให้รุ่ยเผิงชะงักเท้าหยุดฟังเสียงนางอยู่ด้านนอก
รั่วอินนางหันมามอง เพราะรู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่ยเผิง นางก็ยิ้มหวานเอ่ยเรียกเสียงใส
“ใต้เท้า” นางเดินเข้ามาหาเขา ก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าไปด้านใน
สาวใช้ทั้งสองก็รีบเข้าครัวทำอาหารเพิ่ม เพราะไม่รู้ว่านายท่านจะมาที่จวนในวันนี้ เพราะสองวันแล้วที่เขาไม่ได้มา พวกนางเตรียมอาหารเผื่อจนเหลือทิ้งทุกวัน
“อาบน้ำก่อนหรือไม่เจ้าค่ะ” นางเอ่ยถามเสียงหวาน
เขามองนางอย่างค้นหา เพราะประหลาดใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของนาง เขาเอื้อมมือไปลูบใบหน้านางอย่างหลงใหล
“หายดีหรือยัง” เขากระซิบถามนาง เมื่อเห็นว่านางพยักหน้าเล็กน้อย รุ่ยเผิงก็จ้องมองนางอย่างเต็มไปด้วยปรารถนา
ฝ่ามือของเขาแทรกอยู่กับเส้นผมของนางแล้วรั้งเขามาบดจูบอย่างร้อนแรง รั่วอินต้องใช้มือของนางโอบรอบคอของเขาไว้ วันนี้นางมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะเอ่ยขอเขาจึงยอมทำตามใจรุ่ยเผิงทุกอย่าง
เมื่อเห็นว่านางยอมตอบรับทั้งยังเชื่อฟังทุกอย่างรุ่ยเผิงก็อดใจอ่อนต่อนางไม่ได้ เขาช้อนอุ้มตัวรั่วอินขึ้น เพื่อพาไปที่เตียง เมื่อเห็นสีหน้าของนางไม่อยากอยู่บนโต๊ะอีกแล้ว
“ใต้เท้า” เสียงหวานเอ่ยเรียกเขา เมื่อเขาใช้แรงกับนางมากเกินไป รุ่นเผิงจำต้องลดความเร็วลงเป็นถนอมนางมากขึ้น
เสี่ยวหงที่เดินมาตามทั้งคู่ เมื่อได้ยินเสียงภายในห้องก็ถอยออกไปอย่างรู้งาน
“หิวแล้วหรือยัง” รุ่ยเผิงจูบไปที่ขมับของนาง แล้วเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเลยเวลาอาหารไปมากแล้ว
“เจ้าค่ะ” นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างอ้อนวอน
รุ่ยเผิงจึงอุ้มนางไปห้องน้ำ เพื่อล้างตัวแล้วพานางไปนั่งกินข้าว
รั่วอินเห็นว่าเขาในตอนนี้อารมณ์เริ่มดี นางจึงคิดว่าสมควรที่จะเอ่ยเรื่องที่นางต้องการเสียที
“ใต้เท้า ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนท่านเจ้าค่ะ”
“เรื่องอันใด” เขาเงยหน้าขึ้นมองนาง
“คือ ข้าอยากรู้ว่าบิดาของข้าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ” นางมองเขาอย่างคาดหวัง
“หึ” รุ่ยเผิงหัวเราะเยาะตนเอง เมื่อนึกถึงท่าทางเชื่อฟังที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วของนาง เขาก็รู้ได้ทันทีว่านางเพียงแค่อยากจะรู้เรื่องความเป็นอยู่ของบิดา
“รั่วอิน ที่เจ้าทำตัวดี เพื่ออยากรู้เรื่องของบิดาเจ้าอย่างนั้นหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงดัง แววตาที่จ้องมองมาทางนางแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว
“ใต้เท้า” รั่วอินเอ่ยเรียกเขาเสียงสั่นอย่างนึกหวาดกลัว
นางไม่คิดว่าเพียงถามถึงความเป็นอยู่ของบิดา เขาจะมีโทสะมากเพียงนี้ นางเพียงแค่คิดว่าบิดาของนางถูกขังอยู่ที่คุกต้าฉีนางจึงคิดว่าเขาต้องรู้เรื่องนี้ดี
รุ่ยเผิงโมโหจนขาดสติ ยิ่งคิดว่านางยั่วยวนเขาเพื่ออยากรู้เรื่องของบิดาเท่านั้น เขากวาดจานชามบนโต๊ะทิ้งอย่างหัวเสีย รุ่ยเผิงไม่ทันมองว่าเศษกระเบื้องที่แตกจะบาดเข้าที่หลังมือของนาง
รั่วอินเจ็บแปลบที่หลังมือ นางใช้แขนเสื้อปิดทันที
“ขออภัย รั่วอินคิดน้อยไป คราหน้าจะไม่เอ่ยถามสิ่งใดกับท่านอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางหันไปปาดน้ำตาทิ้งอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าอยู่ในฐานะใด จำให้ขึ้นใจด้วย” ก่อนที่รุ่ยเผิงจะออกไปจากจวน เขาเหลือบเห็นรอยเลือดที่แขนเสื้อนาง
แต่เขาเพียงหยุดชะงักครู่เดียว แล้วเดินไปขึ้นรถม้าไปที่ศาลต้าฉีทันที สาวใช้ทั้งสองรีบเข้ามาดูรั่วอิน พร้อมทั้งเก็บกวาดเศษของที่แตกกระจายไปด้วย
“คุณหนู หลังมือท่าน” เสี่ยวฮวาเดินเข้ามาดึงมือของนางไปดู
“ช่างเถิด” รั่วอินกัดฟันแน่น วันนี้เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ นางจะได้รู้ไว้ว่านางไม่สมควรเอ่ยถามเรื่องใดกับเขาอีก
เป็นดั่งที่เขาว่าจริง นางอยู่ในฐานะใดต้องจำให้ขึ้นใจ ยังดีที่นางดื่มยาห้ามครรภ์ไปแล้วก่อนที่มันแตก