พานางไปกว่างหนาน

1324 Words
เสี่ยวฮวาหายามาทาให้รั่วอินที่หลังมือของนาง สาวใช้ทั้งสองมองนางอย่างเห็นใจ เพราะไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดสิ่งใดกัน จึงทำให้นายท่านมีอารมณ์รุนแรงเพียงนี้ ตลอดทั้งห้าวันที่ผ่านมารุ่ยเผิงไม่ได้มาหารั่วอินที่จวนตะวันตกเลย แต่เขาก็ยังถามเรื่องของนางจากเสี่ยวซีอยู่ตลอด ทั้งยังรู้เรื่องที่เขาทำให้นางบาดเจ็บที่หลังมือ กลายเป็นรุ่ยเผิงที่อดทนไม่ไหว เขามหานางในคืนวันที่ห้าที่หายหน้าไป คิดว่าจะต่อว่านางเสียยกหนึ่งเมื่อได้เห็นหน้า แต่เมื่อเห็นร่างกายที่ซูบผอมลงของรั่วอิน รุ่ยเผิงก็กลืนคำพูดที่จะต่อยางลงไปเสียทั้งหมด “เหตุใดพวกเจ้าจึงดูแลนางจนมีสภาพเช่นนี้” รุ่ยเผิงหันไปตวาดสาวใช้ทั้งสองคนเสียงดัง จนพวกนางรีบคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว “ใต้เท้า เป็นข้าไม่ดีเองเจ้าค่ะ อย่าต่อว่าเสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาเลย” รั่วอินจับที่แขนของรุ่ยเผิง นางจูงมือเขาพาเดินเข้าไปในห้อง เพื่อที่เขาจะไม่ต้องลงโทษสาวใช้ทั้งสองคน นางลูบที่อกของเขาเบาๆ เพื่อให้คลายจากโทสะ “ดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ” รั่วอินเทน้ำส่งให้รุ่ยเผิง เขาดึงตัวนางให้มานั่งลงบนตัก ทั้งยังลูบที่เอวของนาง ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น “ข้าไม่อยู่เพียงไม่กี่วัน เจ้าถึงกลับอดข้าวจนซูบผอมเพียงนี้เลยหรือ” เขาวางคางอยู่ที่ไหล่ของนาง “ไม่เจ้าค่ะ” นางก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแววตาที่เศร้าหมองของนางไว้ไม่ให้เขาได้เห็น เพราะนางเป็นห่วงบิดากับน้องชาย จนกินอันใดไม่ลง จึงได้ผอมลงอย่างที่เขาได้เห็น รุ่นเผิงถอนหายใจอย่างยอมจำนวน เป็นเขาที่ใส่อารมณ์กับนางมากเกินไปนางเพียงเอ่ยถามแค่ประโยคเดียวเขาถึงควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ “บิดาของเจ้าไม่ได้เป็นอันใด ไม่มีผู้ใดทำให้เขาลำบาก ส่วนหงอี้ ข้าเพิ่งได้รับจดหมายจากสหาย น้องชายของเจ้าเดินทางไปถึงอย่างปลอดภัย” รั่วอินหันมามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ว่าเขาจะบอกกล่าวเรื่องนี้กับนาง ทั้งที่เมื่อห้าวันก่อน เขายังเอ่ยเตือนให้นางอย่าได้ถามสิ่งใดอีก “ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางซุกตัวลงในอ้อมแขนของเขาอย่างซาบซึ้งใจ อย่างน้อยเรื่องที่นางกังวลก็วางลงได้เสียที่ รุ่ยเผิงจับคางนางให้หันมาทางเขา เพิ่มทั้งเอ่ยอย่างข่มขู่ “ต่อไปหากเจ้ายังปล่อยให้ตนเองมีสภาพเช่นนี้อีก ข้าจะทำโทษสาวใช้ทั้งสองคนเสีย” “ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ” นางก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “ไม่กินข้าวกันก่อนเถิด” หากช้ากว่านี้เขาคงได้จับนางกินแทนข้าวเสียแล้ว รุ่ยเผิงไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ยอมใจอ่อนกับนางมากเพียงนี้ ห้าวันที่ผ่านมา เขาไม่อาจนอนหลับสนิทได้สักวัน จิตใจของรั่วอินดีขึ้นนางจึงกินข้าวได้มากขึ้น เพียงไม่นานนางก็มีน้ำมีนวลขึ้นดังเดิม รุ่ยเผิงก็มาค้างที่จวนตะวันตกไม่ขาด ผ่านมาได้สองเดือน รุ่ยเผิงก็ต้องเดินทางไปสืบคดีที่ต่างเมือง เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงคิดที่จะพารั่วอินนางไปด้วย “รั่วอิน ข้าจะพาเจ้าไปเมืองกว่างหนาน อีกสองวันออกเดินทาง” “แล้ว...” เพราะรู้ว่าสิ่งที่นางกังวลคือเรื่องอันใด รุ่ยเผิงจึงได้เอ่ยขึ้นมาก่อนที่นางจะพูด “ไม่มีผู้ใด มีเพียงข้ากับเจ้า ครั้งนี้ข้าต้องปลอมตัวไป เจ้าอย่าได้กังวล” เขาลูบใบหน้าของนางอย่างรักใคร่ ก่อนจะออกไปทำงาน ทั้งยังสาวใช้ทั้งสองช่วยเตรียมของใช้ให้รั่วอิน เพื่อออกเดินทาง สองวันต่อมารุ่ยเผิงก็พารั่วอินเดินทางออกจากเมืองหลวง โดยมีเสี่ยวซีเป็นผู้บังคับรถม้า รถม้าที่ใช้เดินทางไม่ใช่รถม้าของรองตุลาการรุ่ยเผิงจำต้องต่อแถวรอออกจากประตูเมืองเช่นชาวเมืองทั่วไป เพียงรถม้าเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง รั่วอินนางก็เปิดผ้าม่านรถม้าเพื่อดูบรรยากาศด้านนอก รุ่ยเผิงยกยิ้มมุมปากกับท่าทางที่ตื่นเต้นเหมือนเด็กของนาง “มีอันใดน่าดูกัน” เขาเอ่ยถามอย่างหยอกเย้า “ข้ามิได้ออกมานอกเมืองนานแล้วเจ้าค่ะ” รั่วอินพูดอย่างเขินอาย นางปิดผ้าม่านลงเมื่อรู้ว่าทำท่าทางที่ไม่เหมาะสม “มานี่” รุ่ยเผิงเอ่ยเรียกให้นางมานั่งข้างเขา รั่วอินลุกขึ้นไปอย่างเชื่อฟัง แต่เมื่อนางจะนั่งลงเขากลับดึงตัวนางให้นั่งลงบนตัก “ไว้ข้าจะพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นดีหรือไม่” จมูกของรุ่ยเผิงซุกอยู่ที่ซอกคอของรั่วอิน “เจ้าค่ะ” นางไม่ได้คิดว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูด เพราะงานของเขาก็แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนแล้ว รุ่ยเผิงออกเดินทางมาเมืองกว่างหนานในครั้งนี้ เพื่อสืบเรื่องการตายของสตรีหลายรายภายในเมือง เจ้าหน้าที่ของเมืองกว่างหนานก็ไม่อาจหาเบาะแสได้พบหลังจากที่ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ทั้งยังมีจำนวนศพที่เพิ่มขึ้น จนตอนนี้สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเสียชีวิตไปแล้วห้าราย ฝ่ามือของรุ่ยเผิงเริ่มจะซุกซน เขาล้วงมือเขาไปในสาบเสื้อของรั่วอินอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังบีบเคล้นเนินเนื้องามอย่างปรารถนา "ใต้เท้า" นางเอ่ยเสียงร้องอย่างอ้อนวอน รั่วอินนางไม่เคยขัดใจเขาในเรื่องเช่นนี้ แต่นี่ทั้งคู่อยู่ในรถม้า “เด็กดี อยู่นิ่งๆ” รุ่ยเผิงจะไม่รู้ความคิดของนางได้อย่างไร รั่วอินนางเป็นคุณหนูในห้องหอ คงอับอายที่ต้องทำเรื่องเช่นนี้เมื่ออยู่ด้านนอก ทั้งยังเป็นตอนฟ้าสว่าง “ประเดี๋ยวเสี่ยวซีได้ยิน” นางกลัวว่าเสี่ยวซีที่บังคับรถม้าจะรู้ว่าด้านในกำลังทำสิ่งใดอยู่ “เจ้าก็ร้อง ให้เบาเสียหน่อย” สายตาของรุ่ยเผิงที่มองนางกำลังหยอกล้ออย่างนึกสนุก รั่วอินยื่นปากอย่างไม่พอใจ รุ่ยเผิงหัวเราะขบขันอยู่ในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าของนาง น้อยครั้งหนักที่นางจะแสดงท่าทีไม่พอใจหรืองอนเขาอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ รุ่ยเผิงจับกระโปรงของรั่วอินยกขึ้นมากองอยู่ที่สะโพกของนาง เขาหยอกล้อดอกไม้งามของนางจนพอใจก่อนที่จะยกตัวนางขึ้นเขาสอดใส่ลำทวนเขามา รั่วอินกัดปากแน่น เพื่อไม่ให้ตนเองส่งเสียงครางที่น่าอับอายออกมา “อินอิน” เขาร้องเรียกนางด้วยเสียงแหบพร่า รั่วอินไม่ทันได้ยิน เพราะหัวของนางขาวโพลนไปกับความเสียวซ่านที่เขามอบให้ รุ่ยเผิงจับยึดสะโพกของนางไว้แน่น ก่อนจะกระแทกอย่างร้อนแรง ก่อนจะพลิกตัวนางให้หันกลับมาทางเขาแล้วบดจูบอย่างหื่นกระหาย กว่าเขาจะยอมปล่อยตัวนางก็ถึงที่พักแล้ว รุ่ยเผิงให้เสี่ยวซีไปติดต่อห้องพัก เมื่อได้เรียบร้อย เขาถอดเสื้อคลุมห่อตัวรั่วอินไว้ แล้วอุ้มเข้าไปด้านในทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD