สมรสบังคับรัก 4 : มองความเป็นจริง

1530 Words
“คิดว่าง่ายเหรอ สกุลจางไม่ใช่ใครที่จะเข้าถึงได้” เจ้ปิงพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อดึงสติตัวเองกลับมาได้ หลังพูดจบก็ยื่นมือไปหยิบเอาแก้วแชมเปญตรงหน้ายกขึ้นดื่มหมดในรวดเดียวจากนั้นก็ตามด้วยแก้วไวน์ของฉัน อารมณ์ของพี่สาวตัวเองไม่ต้องบรรยายออกมาเป็นคำพูดก็สามารถรับรู้ทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจได้ทั้งหมด “แล้วมันยากมากเหรอกับการแค่ทำให้เขาเห็นหมิงก็เพียงพอแล้ว” แขนเรียวยกขึ้นกอดอก สีหน้าแววตาของฉันนั้นเปลี่ยนไปอย่างรู้สึกได้ ทุกอย่างที่พูดไปนั้นล้วนออกมาจากใจจริง ไม่ได้พูดอะไรออกไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้รับการคิดสิเคราะห์ผ่านสมอง ใครเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าทายาทตระกูลจางเข้าถึงตัวยากและแต่ละคนก็ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ ฉันที่อยู่สังคมที่ต้องเจอผู้คนมากมายยังไม่เคยเจอพวกเขาซึ่ง ๆ หน้าเลย ถ้าไม่ใช่งานสำคัญระดับประเทศตระกูลจางล้วนส่งเลขาหรือตัวแทนมาทั้งนั้น ถ้าไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจละก็…อย่าได้หวังจะเจอพวกเขาเลย “เรามาพูดถึงรุ่นทายาทที่กำลังจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลในอีกปี สองปีข้างหน้านี้...เริ่มกันที่ทายาทคนที่สี่ลูกสาวคนเล็กแห่งสกุล จาง จินเยว่ที่ดูจะเข้าถึงง่ายและเป็นไปได้มากที่สุด แต่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังเรียนต่ออยู่ที่ฝรั่งเศสถึงจะอายุไล่กับแกแต่เธอไม่ได้อยู่ที่จีน” “....” จาง จินเยว่ คุณหนูเล็กแห่งตระกูลมังกรที่ใครก็ต่างพูดกันว่าเธอเอาแต่ใจตัวเองและเจ้าอารมณ์สุด ๆ ส่วนตัวฉันเคยเจอเธอในงานเลี้ยงครั้งที่มีกับผู้นำสกุลจางคนปัจจุบันก็คือคุณพ่อ ตัวจริงไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับคำบอกเล่าเหล่านั้นสักนิด ฉันได้ยินเธอกล่าวขอบคุณบริกรและเลขาของคุณพ่อตลอด “ทายาทคนที่สามจาง เฟยเทียนตนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เขากำลังเรียนต่อและหาตัวจับยากที่สุดไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนตอนนี้ ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อน้อยมาก ๆ จำหน้าไม่ได้แล้วว่าปัจจุบันหน้าตายังไงรู้แค่ว่าหล่อมากเพราะหล่อทั้งตระกูล” ในจังหวะที่พี่สาวของฉันพูดจบประโยคพอดีนั้น ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาทำให้เราต้องเบรกการสนทนาเอาไว้ก่อน ซึ่งก็คือบริกรที่เข้ามาบริการเรา เขาวางแก้วแชมเปญและแก้วไวน์ลงตรงหน้าซึ่งฉันไม่รู้เลยว่าเจ้ปิงส่งสัญญาณสั่งไปตอนไหน แต่แก้วของฉันโดนเจ้ปิงดื่มไปหมดแล้ว สั่งมาให้เลยก็ดีจะได้ไม่ขาดช่วง “…” มือเล็กยื่นไปจับแก้วไวน์ยกขึ้นแกว่งเบา ๆ ดวงตากลมจ้องมองของเหลวสีเข้มและเมื่อบริกรเดินออกไป เจ้ปิงก็เริ่มพูดต่อ โดยฉันนั่งฟังด้วยความตั้งใจแม้ว่าสายตาตัวเองจะโฟกัสที่ของเหลวในแก้วอยู่ก็ตาม “ต่อ...ทายาทคนที่สองจาง ลู่จื้อได้ข่าวว่าดูแลงานที่อเมริกาไม่มีกำหนดกลับมาจีน เรียกได้ว่าอาจจะไปอยู่ถาวรเลยก็ได้ อึก อึก” พูดจบประโยคก็ยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่มทีเดียวครึ่งแก้ว กินเอาตายเลยหรือเปล่าเนี่ยสภาพนี้ “งั้นก็เหลือคน…” ปากเล็กที่กำลังขยับพูดต้องหยุดชะงักเพราะจู่ ๆ เสียงในหัวก็ดังแทรกเข้ามา ถ้าทายาท คนที่ 4 3 2 ถูกพูดถึงกันครบแล้วและคนที่อยู่ที่จีนแน่นอนคือเป้าหมายสูงสุด เขาคือเป้าหมายของใครหลายคนอีกเช่นเดียวกัน… เปราะ! เสียงดีดนิ้วของพี่สาวตัวเองเป็นการเรียกสติให้กลับมา ก่อนจะต่อด้วยประโยคที่ทำให้เหมือนถูกตบหน้า “ตื่นจ้า ต่อให้เป็นแกก็ยากมาก ๆ เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้มีแค่หนึ่ง มีแค่ความสวยไม่สามารถทำให้จางเฟยหลิงสนใจได้หรอกนะ” เจ้ปิงจ้องหน้าฉันจริงจัง ช่างเป็นการตอกย้ำประโยคที่พูดออกมาได้อย่างเจ็บปวด “ดูถูกน้องตัวเองมากเลย นี่หลี่ชีหมิงเชียวนะ” ลืมไปแล้วมั้งว่าเราเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แก้วไวน์วางลงบนโต๊ะแล้วยกแขนขึ้นกอดอก หันหน้ามองออกไปยังวิวนอกอาคารยามค่ำคืนเพื่อสงบสติอารมณ์ ระดับหลี่ ชีหมิงนะทำไมเจ้ต้องพูดอะไรที่มันทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ แล้วความสวยของฉันคือ 1 ใน 5 ของศิลปินจีนที่ได้คะแนนโหวตจัดอันดับผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยที่สุดในโลกมาตั้งหลายปีติดต่อกันเชียวนะ! หงุดหงิด! “เจ้พูดความจริง แกมีชื่อเสียงเงินทองแต่ไม่มีอำนาจอะไรในมือที่จะทำให้เขาหันมาสนใจได้เลย มองความเป็นจริงแล้วคิดตาม ไม่เหมือนไอ้ลูกหมาจนตรอกที่แกพึ่งด่ามาเมื่อเช้านี้หรอกนะ ขอแค่มีเงินมาให้มันก็พร้อมแลกทุกอย่าง” ไอ้ลูกหมาจนตรอกที่ว่าไม่ต้องบอกชื่อก็รู้ว่าหมายถึงใคร “…” “มันมีเยอะก็จริงที่ดารา นักร้อง นางแบบแต่งงานกับเหล่านักธุรกิจแต่คนที่เป็นเป้าหมายแกคือตระกูลจาง เขามีทุกอย่าง มีแสงในตัวโดยไม่ต้องพึ่งพาแสงจากแกเลย เข้าใจที่พูดใช่มั้ย” ฉันเข้าใจสิ่งที่เจ้พูดทันทีโดยไม่ต้องขยายความเพิ่มเติม “…” ไม่มีการตอบกลับเป็นเสียงทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น เข้าใจสิ เข้าใจดีเลยแหละ… “แล้วเคยเจอคุณจางเฟยหลิงมั้ยหมิง เจอแบบ...ตัวต่อตัว อยู่ตรงหน้า” “ไม่เคย แต่เห็นในรูปแล้วก็ตามงาน ไม่เคยเห็นเขาถ่ายแบบตรง ๆ อีก เจอแต่พวกแอบถ่ายทำตัวลึกลับ” นอกจากน้องสาวคนเล็กของบ้านสกุลจาง ที่เหลือฉันก็ไม่เคยเจอใครตัวเป็น ๆ เลย “ลึกลับเป็นธรรมดาว่าที่ผู้นำตระกูลจางคนต่อไปเลยนะ” พูดจบก็ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ พอคิดไปคิดมาตามที่เจ้ปิงบอกหนทางของฉันมืดบอดเสียจริง ดู ๆ รอบตัวไม่น่ามีใครที่จะพาให้ตัวเองเข้าไปทำถามรู้จักพวกเขาได้เลย เฮ้อ...พอไม่มีท่านประธานแล้วชีวิตของหลี่ ชีหมิงดูไร้หนทางเหลือเกินค่ะ “ที่ไม่ค่อยอยากออกสื่อสงสัยยิ่งอายุเยอะขึ้นก็ยิ่งไม่หล่อแล้วมั้ง” ภูมิต้านทานคนหล่อของฉันมันค่อนข้างสูง มาตรฐานความหล่อเลยไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านสักเท่าไร หรืออาจจะเพราะเข้าฉากกับพระเอกแนวหน้ามามากมายล้วนแต่เป็นผู้ชายที่ดูดีทุกส่วนทั้งนั้น “ตบปากตัวเองเท่ากับอายุเดี๋ยวนี้!” จู่ ๆ เจ้ปิงก็พูดเสียงสูงใส่ฉันทำเอาสะดุ้งด้วยความตกใจและระดับเสียงที่ดังเกินไปทำให้คนรอบข้างหันมาให้ความสนใจเราอีกครั้ง “เสียงดังอีกแล้ว เบา ๆ ชู่ว!” นิ้วชี้ยกแตะปากส่งสัญญาณให้พี่สาวตัวเองสงบลง มืออีกข้างจับแว่นสายตากระชับเข้ากับดวงตาแล้วดึงหน้ากากอนามัยที่อยู่ใต้คางขึ้นปิดจมูก ปกปิดครึ่งหน้าป้องกันคนจำได้ จะบ้าตายแล้วเนี่ย! หนทางมืดบอดแล้วยังมาเจอพี่สาวที่ชอบแหกปากเสียงดังอีก! “ก็แกพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง ตัวจริงเขาน่ะ...หล่อมาก” ฉันไม่น่าคาดหวังกับสิ่งที่เจ้จะพูดเลย เว้นวรรคพักหายใจทำไมให้ลุ้นทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเจ้ปิงนิสัยยังไง “เห็นผู้ชายไม่ได้อยู่แล้วเจ้น่ะ ไม่ต้องเลย ขอแค่เป็นผู้ชายก็เท่ากับว่าหล่อหมด ไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งเดี๋ยวมา” พูดจบก็ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินออกจากจุดนั้นเพื่อไปยังห้องน้ำของโรงแรม ว่าแต่ฉันต้องเดินไปทางไหนล่ะ ไม่เคยมาที่นี่ด้วยคนที่ชวนมาคือพี่สาวตัวเอง มองซ้าย มองขวาจะถามใครก็กลัวจะจำได้อีกว่าฉันเป็นใครจะไปเรียกเจ้ปิง...ไปคนเดียวดีกว่าเดี๋ยวได้ส่งเสียงขึ้นมาอีก ร่างบางเดินไปตามทางที่เงียบสงบของโรงแรมหรู ล้วงมือหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกจากกระเป๋าเสื้อฮูดตัวใหญ่เลื่อนดูอะไรไปพลาง ๆ ในระหว่างที่กำลังเดินหาห้องน้ำ แต่แล้วในจังหวะที่กำลังเลี้ยวเข้ายังซอก ๆ หนึ่งนั้นได้มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินสวนออกมาและหูทั้งสองข้างได้ยินเข้ากับบทสนทนาที่เรียกความสนใจของฉันพอดี “ต้องเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมแค่ไหนเหรอถึงจะได้แต่งงานกับนาย ถ้าเกิดในตระกูลทั่วไปก็ไม่ต้องคิดอะไรให้มันปวดหัวหรอกแต่ระดับคุณจาง เฟยหลิงนี่สิคะ เฮ้อ...ฉันจะบ้าตาย อะไรที่ทำให้ป๊าต้องเร่งรัดให้นายมีเมียขนาดนั้นด้วย” จาง เฟยหลิงงั้นเหรอ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD