เริ่มต้นความเจ็บ 2

1266 Words
หลังจากเก็บร้าน ล้างภาชนะอุปกรณ์และเตรียมวัตถุดิบในการขายข้าวแกงในวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อย ปาริมาก็มีเวลาว่างมานั่งส่งข้อความหาชวิศ ซึ่งแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ตอบกลับมา หรือหากตอบก็ส่งเพียงสติกเกอร์ตัวเดียว พร้อมกับข้อความปิดท้ายว่า... แค่นี้นะ พี่ทำงานก่อน เป็นอันรู้กัน ว่าขออย่าให้ปาริมาส่งอะไรมาอีก หรือหากส่งมาก็อย่าหวังว่าชวิศจะตอบกลับ เพราะชายหนุ่มไม่ว่างสำหรับเธออีกแล้ว และคิดว่าคนอย่างปาริมาจะหยุดส่งหรือไง หญิงสาวยังส่งข้อความต่างๆ เข้าไปมากมาย เจอนกก็ถ่ายรูปนก เจองูก็ถ่ายรูปงู ดิน ฟ้า อากาศส่งรายงานตลอด ทั้งที่อยู่ห่างกันไม่ไกลเลย จะว่าเหงาก็คงใช่ เพราะเพื่อนสมัยเรียนก็แยกย้ายกันไปทำงานหมด ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด บางคนก็เข้าเมืองหลวงหรือไม่ก็แต่งงานมีสามี จะมีก็แต่ปาริมานี่แหละที่ไม่ได้ไปไหน เกิดที่นี่ เรียนที่นี่ และทำงานที่นี่เลย “เอาน้ำลำไยเย็นชื่นใจให้ลุงกับป้าสักแก้วสิลูก” เสียงของนางชิม มารดาของชวิศดังขึ้นอยู่หน้าร้านขายกาแฟ คนที่กำลังค้นหาคำคมเอาไว้เขียนแก้วจีบผู้ชายจึงต้องวางมือลง “ได้ค่ะ ป้าไปนั่งรอข้างในก่อนไหมคะ” “ได้สิ จะได้ไปคุยกับแม่หนูสักหน่อย” สองเพื่อนรักนั่งพูดคุยถึงเรื่องราวทั่วไป ดิน ฟ้า อากาศและมาจบอยู่ที่เรื่องลูกทั้งสองของตัวเอง และแน่นอนว่านางชิมเป็นคนเริ่มก่อน “เราแอบไปหาฤกษ์หายามกันดีไหมมล ให้พระท่านดูให้” “อย่าใจร้อนเลย เหมือนเด็กๆ จะยังไม่พร้อมนะ” แม้สิ่งที่นางมลพูดมาจะถูกต้อง แต่คนใจร้อนไม่อยากรออย่างนางชิมก็ขอค้าน “แต่ฉันว่าพร้อมแล้วล่ะ” “ถามลูกชายตัวเองหรือยัง ไอ้ฝั่งฉันน่ะพร้อมเสมอ พร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมอีก แต่ฝั่งแกน่ะท่าทางจะเฉยเมยอยู่เลยนะ” “ช่างปะไร ไม่ต้องไปสนใจ จะพร้อมหรือไม่พร้อม แต่งกันไปก็รักกันไปเองนั่นแหละ” “พูดง่ายนัก โลกมันเปลี่ยน ยุคสมัยมันเปลี่ยนนะชิม เดี๋ยวนี้ชีวิตคู่มันเลิกรากันง่ายยิ่งกว่าอะไร เด็กรุ่นนี้เขาไม่มานั่งยึดติดผัวเดียวเมียเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้ลูกสาวฉันต้องมานั่งร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่า เพราะต้องมาแยกทางจากผัวตัวเอง แกก็เห็นว่าปลารักตาช้างขนาดไหน” นางชิมกระแทกลมหายใจออกมาดังเฮือก ด้วยความหนักใจกับลูกชายตัวเอง “ฉันล่ะเหนื่อยใจกับตาช้างเหลือเกิน เอาเป็นว่าฉันจะลองแย้มๆ กับตาช้างดูแล้วกันนะ” ส่วนคนถูกพาดพิงก็เพิ่งจะได้นั่งพัก เพราะมีเคสเข้ามาตลอดตั้งแต่บ่าย หลังจากล้างไม้ล้างมือเสร็จเรียบร้อย ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และสิ่งที่เห็นก็คือข้อความนับสิบข้อความจากปาริมา ลมหายใจอุ่นพ่นออกมาจากริมฝีปากหยัก เก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงเพื่อกลับบ้าน วันนี้ชายหนุ่มรู้สึกล้าจึงอยากกลับไปพักผ่อน และทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในบ้าน “กลับมาแล้วเหรอลูก เหนื่อยไหม” นางชิมเอ่ยทักทายลูกชายคนโต “นิดหน่อยครับ” “งั้นไปล้างไม้ล้างมือไป เดี๋ยวแม่ตั้งโต๊ะอาหารให้ วันนี้มีของโปรดช้างด้วยนะลูก” “ดีเลยครับ วันนี้ใช้พลังงานเยอะ จะกินข้าวให้หมดหม้อเลย” “จ้า” หมูหวานแสนอร่อยของโปรดวางอยู่ตรงหน้า ทำให้คนที่เหนื่อยมาทั้งวันเจริญอาหารไม่น้อย รวมไปถึงต้มยำทะเลน้ำข้นฝีมือมารดา ที่กินยามใดก็อร่อยแซ่บถึงใจ จากนั้นก็ตบท้ายด้วยน้ำลำไยสดเย็นชื่นใจที่ไม่หวานมาก “ชื่นใจไหมลูก” “ครับแม่ อร่อยดีไม่หวานมาก” “ถ้าหนูปลามาได้ยินคงดีใจ” คิ้วเข้มเลิกคิ้ว มองแก้วน้ำลำไยที่เหลือแต่น้ำแข็งในมือ นี่อย่าบอกนะ... “หนูปลาทำมาฝาก แม่กินแล้วก็ว่าอร่อยดี อากาศร้อนๆ แบบนี้ได้ของเย็นๆ มาดับกระหายก็ชื่นใจ หนูปลานี่น่ารักมากเลยนะ รู้จักทำอะไรมาให้ทาน รวมถึงหมูหวานนี่ก็ด้วยนะ ฝีมือหนูปลาเขาล่ะ เมื่อตอนเย็นเอามาให้ และยังมานั่งคุยเป็นเพื่อนแม่อีกตั้งนาน รอจนพ่อเรากลับมาจากร้าน” “รู้สึกว่าแม่จะอวยยศปลาเหลือเกินนะครับ” “ก็น้องน่ารัก” ชวิศส่ายหน้ากับคำพูดนี้ ดั่งต้องการแย้งมารดา ว่าปาริมาสำหรับเขาไม่ได้น่ารักเลย ดูจากข้อความที่ส่งเข้ามาสิ ทั้งที่เขาบอกไปแล้วแท้ๆ ว่าเขาทำงานไม่ต้องส่งมา แต่เธอก็ยังส่งมาอยู่นั่น ดื้อ และความดื้อของปาริมายังไม่หมดแค่นั้น เมื่อชวิศเข้ามาในห้องนอน ชายหนุ่มก็จัดการถอดเสื้อเชิ้ตทิ้งลงตะกร้า เปิดแอร์รับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ยังไม่ทันได้นั่งพัก เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมา ชื่อที่เด่นหราอยู่หน้าจอ ทำให้ชวิศหันมองไปยังหน้าต่างที่เปิดผ้าม่านไว้ และสิ่งที่เห็นคือใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กข้างบ้านที่โผล่ออกมานอกหน้าต่าง “มีอะไร” เสียงเรียบกรอกลงไปตามสาย คนถูกถามหน้ามุ่ยลงเล็กน้อย ย่นจมูกใส่คนที่ยืนเท้าเอวมองมายังตัวเอง “เปิดหน้าต่างเอาหน้ามาให้ปลาดูหน่อยซิคะ ปลาอยากเห็นหน้าพี่ช้าง” แน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงลมหายใจที่กระแทกของชวิศ แต่ปาริมากลับยังยืนยิ้มเกาะขอบหน้าต่างเพื่อรอดูหน้าคนที่ตัวเองรัก “เร็วสิพี่ช้าง ยุงกัดหน้าหมดแล้วเนี่ย” “แล้วจะโผล่มาทำไม บ้าเหรอ” ปากเอ่ยต่อว่า แต่ก็ยอมเปิดหน้าตาเอาหน้ามาให้ปาริมาดู “พอใจยัง” “มากค่ะ” “แค่นี้นะ” “เดี๋ยวสิพี่ช้าง” คนจะถูกตัดสายร้องห้ามเสียงหลง “อะไร” “พี่ช้างคะ” เสียงหวานเปลี่ยนเป็นจริงจัง จนคนฟังแปลกใจ “ว่า” "ปลาอยากขี่ช้างจัง" อ้อมแอ้มเอ่ยบอก ยืนบิดไปบิดมาเขินอายกับประโยคของตัวเอง "หา! อะ อะไรนะ" ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม แล้วทำไมหัวใจมันต้องเต้นแรงด้วยล่ะ “ปลาจะบอกว่า ปลารักพี่นะ ไอเลิฟยูเบบี้ของปลา” ไม่พูดเปล่าปาริมายังทำมือเป็นมินิฮาร์ดส่งให้ชวิศ พาให้คนถูกบอกรักหน้าร้อนขึ้นมาอย่างไรไม่ทราบ “ประสาทแล้ว ไปนอนได้แล้ว จะได้เลิกเพ้อเจ้อ” ว่าจบก็กดตัดสายปิดหน้าต่าง แต่คนคลั่งรักยังไม่ยอมแพ้ตะโกนออกมาก่อนที่หน้าต่างจะปิดลง “ฝันดีนะคะ หมอช้างของปลา” ชวิศส่ายหน้าให้กับผ้าม่านที่ตัวเองดึงมาปิดหน้าต่าง “อาการหนักขึ้นทุกวัน” ส่วนคนคลั่งรักก็ทิ้งตัวลงนอนที่เตียงอย่างมีความสุข เพียงแค่นี้แหละที่ปาริมาต้องการจากชวิศ ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียง ได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับเขา มันคือความสุขอย่างหนึ่งของเธอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD