ปริมาคนขี้ขลาด1

1004 Words
วันนี้ไม่รู้รถจักรยานยนต์คู่ใจคันเก่งเป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็สตาร์ทไม่ติดซะงั้น เวรกรรมจึงมาตกที่ปาริมาต้องเดินมายังตลาด ยังดีที่บ้านกับตลาดอยู่ไม่ไกล เดินจากบ้านออกมาปากซอย และจากปากซอยมาตลาดก็แค่ร้อยเมตรเท่านั้น ปาริมาหอบหิ้วของสดทั้งเนื้อ ทั้งผัก รวมทั้งรายการอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เต็มสองไม้สองมือตามรายการที่มารดาจดให้ แม้ระยะทางจะไม่ได้ไกลมาก แต่ก็เรียกเหงื่อให้หญิงสาวได้ไม่น้อย แต่เหมือนสวรรค์เป็นใจ ส่งเทพบุตรสุดหล่อที่สุดในดวงใจลงมาช่วย ปาริมาส่งยิ้มหวานให้ชวิศแต่ไกล รีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนซื้อหมูปิ้งลุงจวบ “ทำไมวันนี้เดินล่ะ” อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ เมื่อเห็นปาริมาเดินหอบหิ้วข้าวของมาเต็มสองไม้สองมือ ทั้งที่ปกติจะต้องมีรถคู่ใจ “ก็เจ้าแก่น่ะสิ ไม่รู้เป็นอะไร พยศใส่ซะงั้น ปลาเลยต้องเดินมา” “มานี่มา เดี๋ยวพี่ช่วยถือ” นั่นไง...เทพบุตรของปลาจริงๆ น่ารักแบบนี้จะให้ปลาไม่รักได้ยังไง รีบยื่นถุงข้าวของที่ซื้อมาส่งให้ชวิศครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด แขนที่เคยเกร็งจนเส้นเลือดขึ้นตอนนี้รู้สึกสบายและหายปวด “ขอบคุณนะคะพี่ช้างคนหล่อของปลา หน้าตาดียังไม่พอ ใจยังดีอีกต่างหาก รักตายเลยค่ะแบบนี้” “ปลา” เสียงทุ้มกดต่ำเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อหญิงสาวเอ่ยแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชน “จะมาจีบกันโชว์หวาน ที่ร้านลุงแบบนี้ไม่ได้นะ ลุงเขินตายเลย” ลุงจวบที่ได้ยินแว่วๆ และพอจะรู้ว่าปาริมารู้สึกยังไงกับชวิศ ก็พูดก็แซวด้วยความเอ็นดูปาริมา ที่เห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะก็ว่าได้ อีกอย่างตนกับพ่อของปาริมาก็เป็นเพื่อนกัน “ก็ปลารักของปลานี่คะ ใช่ไหมพี่ช้าง” ยิ้มแฉ่งโชว์ฟันเรียงสวยให้ ชวิศอยากจะยื่นมือไปเขกหน้าผากนูนๆ นั้นสักที ที่ชอบพูดอะไรแบบนี้ออกมาต่อหน้าคนอื่น พาลให้ตัวเองอึดอัดอย่างไรไม่รู้ “พูดมากไม่เมื่อยปากบ้างหรือไง เงียบบ้างก็ได้ ให้คนอื่นได้พูดบ้าง” “หมอช้างก็ไปว่าหนูปลา พูดมาเถอะลุงไม่ว่าอะไรหรอก” เมื่อลุงจวบถือหาง คนถูกดุก็ยิ่งยิ้มกว้าง “ค่ะลุงจวบ เห็นไหมคะลุงจวบใจดี ไม่เบื่อที่จะฟังปลาพูดสักหน่อย” ชวิศได้แต่ส่ายหน้า คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับปาริมาให้เปลืองน้ำลาย เพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่ชนะ พูดไปปาริมาก็ดักทางไว้หมด ทางที่ดีควรเงียบดีกว่า “อะนี่ได้แล้ว หมูปิ้งของหมอช้าง” ชวิศยื่นมือไปรับถุงหมูปิ้งมา ส่วนปาริมาที่กำเงินในมือไว้ตั้งแรก ก็รีบวางเงินลงในถาดตามเดิม “ปลาไม่ต้องจ่ายเดี๋ยวพี่จ่ายเอง” “ไม่ต้องค่ะ วันนี้ปลาเลี้ยง เป็นค่าช่วยถือของ ไปกลับบ้านกันเดี๋ยวแม่รอนาน” ว่าแล้วก็ผละตัวเดินนำชวิศออกมาจากร้านหมูปิ้ง ชายหนุ่มจึงจำใจต้องเดินตามหลัง “ต่อไปไม่ต้องจ่ายอะไรให้พี่แล้วนะปลา “เล็กน้อยเอง สำหรับคนที่ปลารักและเป็นว่าที่สามี ปลาจ่ายให้ได้อยู่แล้วน่า ขนหน้าแข่งปลาไม่ร่วงหรอก” “แต่พี่ยังไม่อยากแต่งงานมีครอบครัวปลาก็รู้” เสียงทุ้มเปลี่ยนเป็นจริงจัง หันมองหน้าปาริมา ที่ยังยิ้มให้ตัวเองเหมือนเดิม “ปลาก็ไม่ได้บอกให้พี่ช้างรับปลาเป็นเมีย หรือแต่งงานกันวันนี้พรุ่งนี้สักหน่อย” “แต่ปลาก็ไม่ควรพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นมันดูไม่ดี คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยจะมองยังไง” “ที่พูดมาคือพี่ช้างห่วงปลา กลัวปลาจะเสียหายใช่ไหมคะ” หากบอกว่าคิดเข้าข้างตัวเอง ปาริมาคงต้องยอมรับอย่างไม่อายว่าใช่ “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ต่อไปอย่าพูดแบบนี้อีก” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าไปในทิศทางเดียวกันคือ...จริงจัง “ค่ะ ปลาขอโทษ” ขืนยังดื้อด้านไม่คิดจะฟัง คงได้ถูกชวิศดุให้แน่ “แล้วก็มีอีกเรื่องที่พี่อยากให้ปลาทำตามที่พี่บอก ต่อไปนี้ไม่ต้องเอากาแฟ ข้าว หรืออะไรก็แล้วแต่ ไปให้พี่ที่โรงพยาบาลอีกแล้วนะ พี่ไม่อยากถูกคนอื่นแซว” “แซวเรื่องที่ปลาเอาของกินไปให้พี่น่ะเหรอคะ” “ใช่! คนอื่นจะมองไม่ดี” “เพราะว่าพี่ช้างเป็นหมอเหรอคะ พี่กลัวคนอื่นจะมองพี่ไม่ดีเหรอ หรือว่าพี่อายที่มีผู้หญิงเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงเอาของไปให้” ยอมรับว่าน้อยใจ หากสิ่งที่ตัวเองเอ่ยออกไปคือความรู้สึกของชวิศที่เกิดขึ้นกับเธอ คนถูกถามเมินหน้ามองไปอีกทาง เผลอพ่นลมหายใจออกมา “พี่ไม่ได้อาย...” “แต่พี่ก็ไม่ได้อยากให้ปลาไปหา ไปวุ่นวาย” เจ็บชะมัดที่ต้องเอ่ยแบบนี้ออกมา “ใช่! และอีกอย่างที่ปลาต้องรู้ก็คือ พี่รักปลาเหมือนน้องสาว ให้มากกว่านี้ไม่ได้” “แต่ปลารักพี่มากกว่าพี่ชาย ไม่รู้แหละยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกัน” “ปลา...” ปาริมาไม่ฟัง เดินนำชวิศไปก่อน ความจริงข้อนี้ทำให้ปาริมาเสียใจและเจ็บปวด แต่เธอก็ยังไม่กล้าพอที่จะยอมแพ้ จึงเลือกที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัวฝืนยื้อทุกอย่างไว้ แม้คำว่าแพ้มันจะรออยู่ตรงเส้นชัยแล้วก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD