ถ้าติดใจ ?
“ไม่เจอคนที่ใช่หรือยังไม่พอกันแน่คะ”
“ก็อาจจะด้วย” อรรถกรพยักหน้าขำ ๆ ไม่ได้โกรธกับคำถามเหมือนเหน็บแนมของหญิงสาว เป็นเพราะเธอกับเขาค่อนข้างสนิทกัน เล่นกันแรงกว่านี้ก็เคยในบางที ชายหนุ่มถามเธอกลับบ้าง “แล้วน้องพริกล่ะคะ”
“พริกทำไมคะ”
“เรียนจบมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมถึงยังไม่มีแฟนสักที”
“โห พี่อรรถก็ถามมาได้นะคะ พริกจะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน วัน ๆ ทำแต่งานเนี่ย” เธอพูดจริง ๆ นะ พอเรียนจบและเริ่มทำงานจริงจัง เธอแทบไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่นเลย หนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมง เธอก็ทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เวลานอน เพราะบางทีคอนเทนต์ที่เธอคิดวน ๆ อยู่ในหัวก็ตามมาหลอกหลอนถึงในฝัน หรือบางครั้งเธอก็ได้ไอเดียจากในฝันนี่แหละ
ปัจจุบันเธอมีทีมงานคิดคอนเทนต์ช่วยนะ แต่เธอไม่สามารถห้ามตัวเองได้หยุดคิดได้จริง ๆ เหมือนมันเป็นชีวิตและจิตใจของเธอไปแล้ว
และจริงอยู่ที่พัชรีนาฎแอบชอบอรรถกร หากเธอก็ไม่เพ้อเจ้อถึงขนาดครองตัวเป็นโสดเพื่อรอเขา ด้วยอายุที่ห่างและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ต่างกัน หญิงสาวจึงคิดว่าระหว่างเธอกับเขาคงเป็นไปไม่ได้ และไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“แล้วไม่มีใครเข้ามาจีบเหรอคะ”
“ก็มีนะคะ” แน่นอนว่ามีเยอะเลยละ แต่ก็อย่างที่บอกว่าเธอไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนั้นเลย
“แล้ว ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่ากำลังรอฟังคำตอบ
หญิงสาวยักไหล่เบา ๆ “พริกไม่ได้ปิดกั้นใครนะ เวลามีใครเข้ามาพริกก็เปิดใจลองคุย แต่คุยแป๊บ ๆ ก็หายกัน แล้วพริกก็ไม่ได้ตาม”
“เปิดใจแต่ไม่เปิดแจ้งเตือนหรือเปล่า” อรรถกรกระเซ้ายิ้ม ๆ เขาแน่ใจว่าสาเหตุที่ผู้ชายพวกนั้นหายไปก็เพราะคนตัวเล็กนี่แหละ
“จะบ้าเหรอคะ พริกเปิดตลอด เห็นทุกการแจ้งเตือนนั่นแหละ แต่บางทีพริกก็มีสิ่งที่ต้องทำก่อนไง เลยอาจจะตอบช้าไปบ้าง”
“ที่ว่าตอบช้าไปบ้างนี่ดองไว้นานแค่ไหนคะ”
“สอง” เธอตอบพร้อมชูสองนิ้วประกอบ
“สองชั่วโมง ?”
“สองวัน”
แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน อรรถกรขยับเข้าไปวางมือบนศีรษะของคนที่สูงเท่าไหล่ตัวเองแบบพอดิบพอดี ก่อนจะยีเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยวเมื่อเธอขำจนตาหยี หลังจากตอบรับมุกที่เขาชงให้แบบหวานเจี๊ยบ ทว่ามุกที่ว่าก็มีเค้ามาจากเรื่องจริงนั่นแหละ
สองวันตอบแชตที เป็นเขาก็ไม่ทนจีบต่อหรอกนะ ถ้าดูออกว่าผู้หญิงไม่เล่นด้วยก็จบ หาเป้าหมายอื่นดีกว่า
พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ อรรถกรก็ปล่อยให้หญิงสาวได้มีเวลาส่วนตัวและจัดการข้าวของต่าง ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ส่วนตัวเขาแยกตัวเดินลงมาข้างล่าง ตรงไปยังห้องครัวเปิดตู้เย็นดูว่ามีวัตถุดิบอะไรให้พอทำกินได้บ้าง
เห็นหน้าหล่อ ๆ อย่างนี้เขาทำอาหารกินเองเป็นนะ แถมทำอร่อยด้วยไม่อยากจะโม้ ซึ่งวันนี้เขาจะทำให้พัชรีนาฎรับประทาน ถือเป็นการฉลองเล็ก ๆ ต้อนรับเข้าสู่บ้านใหม่ แม้จะต้องอยู่แค่สามเดือนก็ตาม เอาเป็นว่าถือเป็นการขอบคุณที่เธอยอมเสียเวลาลงมาเล่นเกมนี้กับเขาแล้วกัน
และเมื่อเห็นว่ามีวัตถุดิบเพียงพอ แต่ยังไม่ถึงเวลาโชว์ฝีมือ หากก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ จะไปงีบเอาแรงก็ไม่รู้สึกง่วง จึงเลือกฆ่าเวลาด้วยการไปออกกำลังกายที่ห้องฟิตเนสซึ่งอยู่ติดกับสวนหย่อมและสระว่ายน้ำกลางแจ้ง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้กว้างถึงร้อยแปดสิบองศา
[เป็นไง อยู่ได้ไหม]
“อยู่ได้สิ ทำไมจะอยู่ไม่ได้” พัชรีนาฎตอบพี่ชายที่โทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงตามประสาพี่น้องที่คุยกันอยู่ตลอด แม้จะไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ และไม่ค่อยพูดจากันดี ๆ แต่หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยจากใจจริงที่อีกฝ่ายมีให้เสมอมา จริง ๆ เธอกับพี่สนิทกันมากนะ หลายครั้งที่มีปัญหา เขาก็คอยช่วยทุกครั้ง แม้จะช่วยไปบ่นไปก็เถอะ “บ้านพี่อรรถกว้างมากเลยอะ น่าถ่าย Vlog แบบรายการเปิดบ้านดาราไรงี้ พี่ต้นเคยมาที่นี่ปะ”
[เคย แล้วนั่นนอนแยกห้องกันใช่ปะ] ไตรวิทย์เข้าประเด็นที่ตั้งใจต่อสายหาน้องสาวเลยทันที
“ใช่ดิ” ร่างเล็กซึ่งนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงตอบ และปากไว ๆ ก็มิวายแซวคนเป็นพี่กลับไป “แน้ หวงน้องอะดิ”
[กลัวไอ้อรรถจะโดนรวบหัวรวบหางมากกว่า] คนปากแข็งซึ่งรู้ความลับที่ไม่ลับของน้องหยอกกลับ คนอย่างไตรวิทย์ไม่มีทางยอมรับง่าย ๆ หรอกว่าหวงน้องสาว
“คุณพี่คะ นี่น้องเอง น้องออกจะเรียบร้อย พูดน้อย อ่อนหวาน จะไปทำกิริยาแบบนั้นได้อย่างไรคะ” พัชรีนาฎจีบปากจีบคอพูด ซึ่งทุกอย่างที่พูดมานั้นตรงกันข้ามกับความจริงทั้งหมด
[อย่าให้รู้แล้วกันว่าแอบย่องเข้าไปปล้ำมันกลางดึก]
คนตัวเล็กหัวเราะเสียงดัง แล้วเอ่ยเย้าแหย่กับพี่ชายไปเรื่อย “สักทีก็น่าจะดีนะ อยากรู้เหมือนกันว่าจะเด็ดแค่ไหนกันเชียว สาว ๆ คนอื่นถึงได้ชอบกันนัก”
[เก่ง]
“จริงปะ” หญิงสาวตาโตด้วยความตื่นเต้น เพราะคิดว่าไตรวิทย์ชมอรรถกรเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่า กำลังจะถามว่ารู้ได้อย่างไร คนเป็นพี่ก็เอ่ยประโยคที่ทำให้เธอระเบิดหัวเราะเสียงดังกว่าเดิมขึ้นมาเสียก่อน
[หมายถึงเราน่ะ ปากเก่ง]
และใช่ เธอปากเก่งจริง ส่วนใจน่ะเหรอ หึ...อย่างกาก !
“พี่ต้นอะ” พัชรีนาฎยู่ปากพลางส่งเสียงกระเง้ากระหงอดใส่พี่ชาย
[แค่นี้นะ เดี๋ยวจะออกไปข้างนอกแล้ว นัดลูกค้าไว้] เมื่อได้รู้ความเป็นอยู่ของน้องแล้ว ไตรวิทย์จึงขอวางสาย หากก็ไม่ลืมย้ำส่งท้าย [อย่าลืมระวังตัวด้วยละ จะออกห้องก็แต่งตัวให้มันดี ๆ ไอ้พวกกางเกงขาสั้น เสื้อสายเดี่ยวห้ามใส่เลยเด็ดขาด เข้าใจไหม]
“เข้าใจค่า”
แม้ไตรวิทย์จะรู้ว่าอรรถกรเอ็นดูพัชรีนาฎเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่อย่างไรเพื่อนของเขาก็เป็นผู้ชาย อีกทั้งคนเป็นน้องก็โตเป็นสาวสระพรั่งเต็มตัว ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในที่ลับตากันสองต่อสอง จึงคิดว่าควรระวังตัวไว้สักหน่อยก็ดี
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ร่างบางจำต้องลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ยังรู้สึกขี้เกียจและเหน็ดเหนื่อยจากการจัดการข้าวของ หญิงสาวเดินลากเท้าไปเปิดประตูอย่างไม่เร่งรีบ
“ว่าไงคะพี่อรรถ”
“จัดของเสร็จยังคะ” เขาถามพร้อมมองสำรวจภายในห้อง
“ยังเลยค่ะ พริกเหนื่อยก็เลยพักก่อน” จริง ๆ ถ้าพี่ชายไม่โทรเข้ามาเสียก่อน เธอคงจะเผลอหลับไปซะด้วยซ้ำ
“มีไรให้พี่ช่วยไหม”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพริกค่อย ๆ จัดไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เสร็จเอง”
อือ ยอมรับก็ได้ว่าขี้เกียจ ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นขยันจับนู้นจับนี่ก็เพราะว่ามีคุณย่าเกสรอยู่ด้วย ต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีนิดหนึ่ง ไม่อย่างนั้นของทุกชิ้นที่เธอขนมาคงได้นอนอยู่ในกล่องจนถึงวันที่ต้องย้ายออกโน่นแหละ
“แล้วหิวข้าวหรือยังคะ พี่ทำกับข้าวเพิ่งเสร็จ เลยขึ้นมาถามว่าพริกจะกินเลยไหม”
“พี่อรรถทำกับข้าวเหรอคะ” พัชรีนาฎถามด้วยความรู้สึกอึ้งนิด ๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาทำกับข้าวเป็น เพียงแต่เธอไม่คิดว่าเขาจะทำให้เธอรับประทาน
“ใช่ค่ะ โชว์ฝีมือต้อนรับคู่หมั้นซะหน่อย” เขาตอบด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างคนขี้เล่น
หญิงสาวย่นจมูกใส่ทั้งที่ใจสั่นไหวนิด ๆ กับความแพรวพราวของเขา อดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่กลับไป “กินได้แน่นะคะ”
“ก็ต้องลองชิมดูก่อน แต่ระวังจะติดใจนะ”
อืม ก็อยากชิมอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายถึงกับข้าวนะ ...พัชรีนาฎคิดในใจขำ ๆ จะว่าไปเธอก็แอบน่ากลัวอยู่เหมือนกันนะเนี่ย หรือควรจะระวังตัวเองไม่ให้เผลอย่องเข้าไปปล้ำเขากลางดึกอย่างที่พี่ต้นบอกดีนะ
“แล้วถ้าพริกติดใจขึ้นมาทำไงคะ”