ถ้าติดใจ ?

1723 Words
บทที่ 3 ถ้าติดใจ ? คุณย่าเกสรถึงขั้นเดินทางมาควบคุมด้วยตัวเองในวันที่ ‘ว่าที่หลานสะใภ้’ ขนของย้ายมาอยู่ที่เพนต์เฮาส์ของหลานชายหัวแก้วหัวแหวน จะว่าไม่ไว้ใจหนุ่มสาวก็ส่วนหนึ่ง หากที่มากกว่านั้นคือนางอยากมาดูให้มั่นใจว่าพัชรีนาฎจะได้อยู่อย่างสุขสบายที่สุดในที่แห่งนี้ ก็นะ อุตส่าห์ไปขอลูกสาวเขามา ต้องดูแลให้ดี “ตาอรรถ ย่าว่าครัวนี่มันเล็กไป ขยายเพิ่มอีกสักนิดดีไหม น้องพริกจะได้ถ่ายคลิปตอนทำอาหารสะดวก ๆ” หญิงมากวัยตัวผอมหันมาเอ่ยกับหลานชายที่ยืนอยู่ไม่ไกล พร้อมชี้ไม้เท้าในมือไปยังห้องครัวที่ว่าเล็ก “เล็กตรงไหนครับ ผมว่าพอดีแล้ว” ห้องครัวบ้านเขาใหญ่กว่าครัวที่คอนโดของพัชรีนาฎถึงสองเท่า ทั้งยังมีไอซ์แลนด์ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหารด้วย ตู้เก็บของก็จุของได้เยอะ ถ้าจะให้ใหญ่กว่านี้คงเป็นครัวที่ภัตตาคารดัง ๆ แล้วละ “แต่ย่าว่ามันใหญ่กว่านี้ได้อีก เผื่อน้องมีแขกรับเชิญมาถ่ายด้วยไงอรรถ ทำเผื่อรองรับแขกด้วย” ผู้สูงวัยยังไม่ยอม ด้วยอยากให้ว่าที่หลานสะใภ้ประทับใจที่สุด อรรถกรถึงกับถอนหายใจเบา ๆ อย่างอ่อนใจ มุมปากหยักผลิยิ้มบาง ๆ อย่างเอ็นดูผู้สูงวัย ย่าของเขาน่ารักนะ คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองตลอด เพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากขัดใจท่าน “ไว้ถามน้องก่อนดีกว่าครับ” ตอบไปแบบนั้นเพราะรู้ว่าอย่างไรพัชรีนาฎคงไม่ขยายแน่ ใบหน้าคมคายหันไปมองร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนท่าทางทะมัดทะแมงที่กำลังเดินออกมาจากห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเธอจะใช้เป็นสตูดิโอถ่ายงานต่าง ๆ “นั่นไง น้องออกมามาพอดี คุณย่าถามสิครับ” “น้องพริกลูก” หญิงสูงวัยไม่รีรอ กวักมือเรียกว่าที่หลานสะใภ้ให้เดินมาหาทันที ฝ่ายนั้นก็ตอบรับเสียงหวาน พร้อมกับรีบสับเท้ามาหาทันทีทันใด “ขาคุณย่า” ก็แบบนี้ไง คุณย่าเขาถึงชอบเธอนัก อรรถกรทั้งหมั่นไส้ทั้งเอ็นดูเธอไปในเวลาเดียวกัน “น้องพริกว่าครัวมันเล็กไปไหมลูก ถ้าเล็กไปย่าจะหาคนมาขยายให้ น้องพริกจะได้มีพื้นที่กว้าง ๆ ไว้ถ่ายคลิป” “หือ ไม่เล็กไปเลยค่ะคุณย่า ใหญ่กว่าครัวที่คอนโดพริกอีก” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เธอหันไปมองร่างสูงที่ยืนเอามือไขว้หลังด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ แวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาคุยกับผู้สูงวัยต่อ “แล้วเตาอบล่ะลูก เอาใหญ่กว่านี้ไหม ย่าจะสั่งเปลี่ยนให้” “พอดีแล้วค่ะคุณย่า อันนี้ก็หกสิบลิตรแล้ว อีกอย่างพริกน่าจะไม่ค่อยได้อบอะไร” หญิงสาวทำช่องเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะต้องออกไปถ่ายนอกสถานที่ หากก็มีบ้างที่ต้องถ่ายในห้องตามสถานการณ์ว่าลูกค้าจะว่าจ้างแบบไหน แต่ประเด็นคือเธอไม่ได้จะอยู่ที่นี่ถาวรเสียหน่อย พอครบสามเดือนตามที่ตกลงกันไว้ เธอก็จะย้ายออกจากที่นี่ทันที ถึงเวลานั้นบ้านของเธอก็คงเสร็จพอดี “ไฟล่ะลูก สว่างพอไหม” ว่าจบผู้สูงวัยก็หันไปวานพนักงานขนของที่กำลังจะเดินผ่านสวิตซ์ไฟให้ช่วยเปิดไฟให้หน่อย ก่อนจะหันกลับมาถามว่าที่หลานสะใภ้อย่างเอาใจ “อยากติดตรงไหนเพิ่มไหม บอกมาได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ” พัชรีนาฎตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามเดิม “แค่นี้ก็สว่างมาก ๆ แล้วค่ะ อีกอย่างพริกมีชุดไฟสตูดิโอ ถ้าอยากได้แสงเพิ่มพริกใช้อันนั้นได้” “อ้าวเหรอ ย่าก็ลืม” “ขอบคุณคุณย่านะคะที่เป็นห่วงพริก” เธอบอกพร้อมเอนศีรษะลงไปถูไหล่ผู้สูงวัยเล็กน้อยอย่างออดอ้อน ท่าทางนั้นทำให้คุณย่าเกสรยิ้มพลางยกมือข้างที่ไม่ได้ถือไม้เท้าขึ้นมาลูบหัวหญิงสาวด้วยความเอ็นดู “ขาดเหลืออะไรบอกย่านะ หรือบอกพี่อรรถก็ได้” “ได้เลยค่ะ ถ้าขาดอะไรพริกจะรีบบอกเลย” ว่าจบเธอก็ฉีกยิ้มกว้างประจบ แล้วหันไปมองเจ้าของห้องตัวจริง ก็เห็นว่าเขากำลังกอดอกมองเธอกับย่าด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ตามเดิม “แล้วขนของขึ้นมาหมดหรือยังล่ะน่ะ” เรื่องห้องครัวจบไป หญิงสูงวัยจึงหันไปสนใจส่วนอื่นบ้าง “รอบสุดท้ายแล้วครับ” หลานชายเป็นคนตอบ ก่อนจะก้าวเข้าไปหาคนเป็นย่าซึ่งตั้งแต่มาถึง ท่านยังไม่นั่งพักเลย “ย่ามานั่งพักก่อนเถอะครับ ยืนนาน ๆ เดี๋ยวจะปวดเข่าเอา” “ใช่ค่ะ ๆ พริกว่าคุณย่านั่งพักก่อนดีกว่า” พัชรีนาฎเองก็เห็นด้วย เธอช่วยอรรถกรประคองหญิงสูงวัยที่เดินเหินไม่ค่อยสะดวกไปนั่งบนโซฟาหนังรูปตัวยูขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่กลางห้องโถงอันโอ่อ่า เพดานเป็นแบบดับเบิ้ลวอลลุม ห้อยแชนเดอเรียสไลต์โมเดิร์นเพิ่มความหรูหรา “ดูแลน้องดี ๆ นะตาอรรถ เรื่องผู้หญิงก็เลิกให้ขาด ถ้าย่ารู้ว่ายังไม่เลิกละก็ เห็นดีกันแน่” คุณย่าเกสรกำชับหลานชายเสียงหนัก ไอ้เจ้านี่นิสัยเจ้าชู้ได้พ่อ แต่ดีที่ผู้เป็นพ่อพอได้รักใครก็รักเดียวใจเดียว หลังจากพาแม่เจ้าอรรถมาแนะนำว่ากำลังคบหากันอยู่ เรื่องผู้หญิงอื่นก็ไม่เคยมีมาให้ได้ยินเหมือนตอนที่ยังโสด นางจึงหวังว่าอรรถกรจะเอาบิดาเป็นแบบอย่าง “ครับผม” พัชรีนาฎลอบมองเจ้าของเสียงตอบรับ เขามองผู้เป็นย่าด้วยรอยยิ้มปกติ ซึ่งเธอเดาไม่ออกเลยว่าเขาจะทำตามที่ท่านบอก หรือแค่ตอบรับไปอย่างนั้น ยอมรับเลยว่าอรรถกรเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอ่านง่าย แต่แท้จริงแล้วไม่มีใครอ่านใจเขาออกเลยสักคน ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งมักประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เป็นนิจ เธอไม่รู้เลยว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่ หญิงมากวัยอยู่ดูหนุ่มสาวช่วยกันจัดของจนตะวันคล้อยบ่าย ของยังจัดไม่เสร็จ แต่นางจำต้องขอตัวกลับก่อน เพราะไม่อยากอยู่มืดจนเกินไป อีกทั้งยังเบื่อการจราจรในเมืองหลวง กว่าจะถึงบ้านก็น่าจะต้องใช้เวลานานพอสมควร ต่อให้ร่ำรวยแค่ไหนก็ยังต้องใช้ถนนร่วมกับคนจำนวนมากอยู่ดี “จะให้พริกนอนห้องไหนคะ” หลังจากไปส่งคุณย่าขึ้นรถเสร็จ เมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้านพัชรีนาฎก็เอ่ยถามร่างสูงที่เดินตามหลังมาทันที “ห้องข้างบนก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องยกของลงมา” อรรถกรตอบแล้วเดินนำขึ้นไปยังชั้นสอง ก่อนหน้านี้เขาให้พนักงานขนย้ายขนของของเธอมาไว้ในห้องเขาก่อน คนเป็นย่าจะได้ไม่สงสัย ถึงขั้นให้มาอยู่ด้วยกันขนาดนี้ ท่านคงไม่อยากให้มานอนแยกห้องหรอกมั้ง “บนนี้มีกี่ห้องคะ” “สามค่ะ ส่วนข้างล่างมีสอง” เขาเดินไปเปิดห้องห้องหนึ่งซึ่งใหญ่รองลงมาจากห้องของเขาที่ประตูอยู่ข้างกัน “อยู่คนเดียว ทำไมมีห้องตั้งเยอะแยะคะ” “ก็ทำเผื่อไว้เฉย ๆ ค่ะ เผื่อคุณย่ามานอนด้วย เผื่อน้อง ๆ มาเที่ยวแถวนี้แล้วขับรถกลับบ้านไม่ไหว จะได้มีที่นอนไงคะ” อรรถกรตอบไปเรื่อย ที่จริงเขาเผื่อให้แค่คุณย่าคนเดียวเท่านั้น ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องไม่เคยมีใครได้ย่างกรายเข้ามาในนี้หรอก ทุกคนต่างมีที่พักเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น “แล้วก็เผื่อจะมีครอบครัวในอนาคตด้วยไงคะ” “หือ พี่อรรถคิดเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ” ร่างบางที่เพิ่งแตะมือทดสอบความนุ่มของเตียงหันมาถามด้วยความแปลกใจ ที่ได้ยินคำว่าครอบครัวจากปากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ ทั้งอายุก็ใกล้เข้าเลขสี่เต็มที หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเริ่มแก่ พัชรีนาฎไม่ได้โลกแคบที่จะจำกัดอายุในการสร้างครอบครัวหรอกนะ เพียงแต่เธอเห็นว่าอรรถกรยังดูสนุกกับการใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครเป็นตัวเป็นตน ทั้งที่อายุขนาดเขาก็น่าจะต้องคิดเรื่องนี้จริงจังแล้ว หากเขาก็เลือกที่จะอยู่เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ เอ่อ...อันที่จริงก็มีช่วงที่เขามีแฟนแหละ แต่คบไม่นานก็ได้ยินข่าวว่าเลิกรากันไป ไม่เห็นว่าจะไปกันรอดเลยสักคน “เรื่องไหนคะ” “ก็เรื่องมีครอบครัวไงคะ พริกคิดว่าพี่อรรถจะอยู่เป็นโสดไปตลอดซะอีก” “อะไรทำให้น้องพริกคิดอย่างนั้นคะ” เขาถามกลับยิ้ม ๆ หากก็รอฟังคำตอบด้วยความตั้งใจ “พริกไม่เห็นพี่อรรถจะมีใครสักที พี่ต้น พี่เจ พี่พล จนแต่งงานมีลูกกันไปหมดแล้ว” หญิงสาวหมายถึงไตรวิทย์ วริศ และนวพล ที่มีครอบครัวเป็นของตัวเองตั้งนานแล้ว หนำซ้ำวริศยังแต่งงานไปแล้วตั้งสี่ครั้ง ไม่ใช่ว่าพี่เจเจ้าชู้นะ เพียงแต่ว่าชีวิตแต่งงานสามครั้งแรกไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไร พัชรีนาฎได้แต่อวยพรให้การแต่งงานครั้งล่าสุดของพี่เจจะเป็นครั้งสุดท้าย[1] ใบหน้าคมคายยังคงระบายยิ้มกว้าง เอนสะโพกพิงเคาน์เตอร์อเนกประสงค์ภายในห้องแล้วตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ “พี่อาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่มั้งคะ” “ไม่เจอคนที่ใช่หรือยังไม่พอกันแน่คะ” [1] ติดตามได้ในเรื่อง ‘เจ้าสาวคนสุดท้าย’ นะคะ เป็นนิยายแนวฟีลกู๊ด อ่านสบาย ๆ ค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD