ข้อตกลง 3

1753 Words
ข้อตกลง คิดแล้วก็ได้แต่ขำตัวเอง ถือว่าเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิต “พี่ควรดีใจนะคะเนี่ยที่วันนี้ได้มานั่งทานข้าวกับคนดัง” อรรถกรซึ่งรับหน้าที่ตากล้องจำเป็นเอ่ยเย้าแหย่คนตัวเล็กทันที เมื่อพนักงานสาวเดินออกไปหลังจากได้ถ่ายรูปกับอินฟลูเอนเซอร์สาวคนสวยเรียบร้อยแล้ว “แล้วดีใจไหมล่ะคะ” พัชรีนาฎย้อนถามกลับ “ดีใจที่สุดในโลกเลยค่ะ ถือเป็นเกียรติของพี่มาก ๆ” “เวอร์มากค่ะ” เธอส่ายหน้าเบา ๆ ทว่าริมฝีปากไม่อาจกลั้นยิ้มได้ นั่งรอไม่นานอาหารที่สั่งไปก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบอย่างรวดเร็ว สายถ่ายรูปอย่างพัชรีนาฎชอบแบบนี้นะ เสิร์ฟทุกจานในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้เธอสามารถจัดแจงตำแหน่งการวางจาน และถ่ายรูปอาหารทุกจานอย่างพร้อมเพรียงได้โดยไม่ต้องเสียเวลารอนาน อรรถกรมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังหามุมกล้องอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เธอดูตั้งใจมากจริง ๆ เพื่อให้ได้ภาพอาหารที่น่ารับประทาน แต่ก็เพราะความตั้งใจของเธอนี่แหละที่ทำให้เธอเดินมาถึงจุดนี้ได้ “พี่อรรถกินได้เลยค่ะ” เธอบอกทั้ง ๆ ที่สายตายังจดจ่ออยู่กับรูปภาพในสมาร์ตโฟน “พริกดูรูปก่อน พี่รอได้” รอให้เธอแน่ใจว่าภาพที่ถ่ายไปนั้นสวย และเป็นที่น่าพอใจ “ถ้ายังไม่ดี ถ่ายอีกได้นะ” ใบหน้าพริ้มเพราส่ายดิก “พอแล้วค่ะ พริกแค่ถ่ายลงสตอรี่ไอจีเฉย ๆ” พัชรีนาฎวางโทรศัพท์ลงหลังจากอัปโหลดเสร็จ จากนั้นก็เริ่มลงมือจัดการอาหารตรงหน้าทันที ก่อนจะค้อมศีรษะเบา ๆ เป็นการขอบคุณ เมื่อเจ้าของร่างสูงตักน่องไก่ชิ้นโตมาใส่จานให้ “กินเยอะ ๆ ค่ะ จะได้โตไว ๆ” “พริกกินจุนะ พี่อรรถจะเลี้ยงไหวเหรอ” หญิงสาวแกล้งถามอย่างขี้เล่น ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีที่เขาเอาใจใส่ อรรถกรทำทีครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยหยอกเย้า “ถ้ามากไปก็อาจจะเลี้ยงไม่ไหว น่าจะต้องเอาไปปล่อยวัด” “พี่อรรถอะ” พัชรีนาฎทำปากยื่นเล็กน้อย “พริกไม่ใช่แมวนะ” ชายหนุ่มยิ้มขำพลางตักต้มยำปลานิลใส่ถ้วยเล็ก แล้วยื่นไปให้คนตรงหน้า จากนั้นก็นั่งรับประทานกันไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นก็พูดคุยกันไปในเรื่องต่าง ๆ อาจเป็นเพราะรู้จักกันดีอยู่แล้วประมาณหนึ่ง จึงทำให้ทั้งสองคนมีเรื่องมาพูดคุยกันไม่หยุด หลังจากกินกันจนอิ่มแปล้ อาหารทุกจานแทบหมดเกลี้ยง เชื่อแล้วว่าเธอกินจุจริง ๆ แต่ก็ไม่แปลกใจที่เธอไม่อ้วนเลย เพราะเขาเห็นเธอลงรูปภาพหรือสตอรี่ตอนออกกำลังกายอยู่บ่อย ๆ ประมาณว่ากินเข้าไป แล้วก็ไปเบิร์นออก นี่สินะ เคล็ดลับของลูกหมูที่แข็งแรง “น้องพริกอยากไปไหนต่อคะ พี่ไม่ค่อยรู้เลยว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง” อรรถกรถามและสารภาพไปตามตรง ด้วยเข้าไม่ค่อยใช้ชีวิตตอนกลางวันสักเท่าไร จึงไม่รู้ว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ครั้นจะชวนไปเดินห้าง เขาก็คิดว่าเธอน่าจะไปจนเบื่อแล้ว “ไปวัดไหมคะ ช่วงนี้พริกไม่ค่อยได้ไปทำบุญเลย” เธอเสนอพลางสังเกตสีหน้าของร่างสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยไปด้วย ไม่แน่ใจว่าเขาชอบเข้าวัดหรือเปล่า บวกกับอากาศร้อน ๆ เช่นนี้ เขาจะว่าอะไรไหม เพราะเพื่อนของเธอหลายคนไม่ชอบเข้าวัดกัน โดยให้เหตุผลว่ามันร้อนและไม่เห็นจะมีอะไร ทว่าสิ่งที่เธอกังวลกลับไม่เกิดขึ้น เมื่อใบหน้าคมคายหันมายิ้มพร้อมพยักหน้าตกลงอย่างง่าย ๆ “ไปวัดไหนดีคะ น้องพริกเลือกมาเลย ไปทำบุญก็ดีเหมือนกันช่วงนี้พี่รู้สึกดวงตกยังไงไม่รู้” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง รีบนำเสนอวัดดังที่คิดไว้ในใจทันที จากนั้นเขาก็เปลี่ยนทิศทางของรถไปยังวัดที่เธออยากไป ทั้งสองคนใช้เวลาไหว้พระ ถวายสังฆทาน รวมถึงปล่อยนก ให้อาหารปลาอยู่ราวชั่วโมงกว่า พัชรีนาฎยังคงลอบมองว่าที่คู่หมั้นอยู่เป็นพัก ๆ ด้วยกลัวว่าเขาจะเบื่อที่ต้องมาทำอะไรที่ขัดกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทว่าอรรถกรกลับดูชิลล์มาก ไม่ว่าเธอจะชวนทำอะไร เขาก็จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีแสดงท่าทางหงุดหงิดหรือสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาให้เห็นสักนิดเดียว จนเธออดไม่ได้ที่จะถามออกไประหว่างนั่งรถออกมาจากวัด กำลังมุ่งหน้าตรงไปอีกวัดที่อยู่ไม่ไกลจากวัดแรกสักเท่าไร “ปกติพี่อรรถพาสาวไปเดตที่ไหนเหรอคะ” เขาหันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองถนนตรงหน้าตามเดิม “ทำไมเหรอคะ” “พริกแค่สงสัย อยากรู้ว่าพี่อรรถเคยพาสาว ๆ มาเดตที่วัดแบบนี้ไหม” “เคยนะ แต่น้อยมาก ๆ” ชายหนุ่มตอบไปตามตรง ด้วยเขาเองก็ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิง การออกเดตกับใครสักคนถือเป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจนตอนนี้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัว อรรถกรเคยออกเดตมาแล้วทุกรูปแบบจนนับครั้งไม่ถ้วน มีประสบการณ์โชกโชน แต่ส่วนมากจะเน้นไปที่การกินข้าว ดูหนัง เดินห้าง ชอปปิงตามความต้องการของฝ่ายหญิง สุดท้ายก็จบที่โรงแรมไหนสักแห่ง น้อยครั้งมากที่จะชวนกันเข้าวัดทำบุญอย่างนี้ วันนี้ถือเป็นการเข้าวัดในรอบหนึ่งปีเลยก็ว่าได้ ทว่าในกรณีพัชรีนาฎ อรรถกรไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะเรียกว่าเดตได้ไหม เพราะเขาไม่ได้คิดกับเธอในเชิงนั้น ที่มาด้วยกันวันนี้ก็เพราะทำตามความต้องการของพวกผู้ใหญ่ ชายหนุ่มคิดว่าแค่พา ‘น้องสาว’ เที่ยว ไม่น่ามีอะไรเสียหาย อรรถกรใช้จังหวะนี้ชวนเธอคุยเรื่องสำคัญ “เรื่องที่เราจะต้องหมั้นกัน น้องพริกรู้แล้วใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มเกริ่นถามทั้งที่รู้ว่าเธอรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอกับเขาคงไม่ได้มาด้วยกัน “ค่ะ คุณแม่บอกพริกแล้ว” “น้องพริกคิดว่ายังไง อยากหมั้นกับพี่ไหม” พัชรีนาฎหันไปมองเสี้ยวใบหน้าคมคายที่เพิ่งหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า เธอดูไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ไม่แน่ใจเลยว่าเขาคิดอย่างไรกับการหมั้นที่กำลังจะเกิดขึ้น หญิงสาวไม่ตอบคำถามนั้น ทว่าเลือกถามเขากลับไปแทน “แล้วพี่อรรถล่ะคะอยากหมั้นกับพริกหรือเปล่า” คราวนี้เขาหันหน้ามาสบตากับเธอ อรรถกรเห็นนัยน์ตาคู่สวยไหวระริกแวบหนึ่ง หากไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ พัชรีนาฎไม่เก่งเรื่องเก็บความรู้สึกเอาเสียเลย ทำไมเขาจะมองไม่ออกว่าน้องสาวเพื่อนคนนี้คิดอย่างไรกับตน เขารู้มาตลอด เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้คิดกับเธอเกินกว่าคำว่าน้องสาว ก็นะ เห็นกันมาตั้งแต่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ใส่ชุดนักเรียนแบบเอี๊ยมสีกรมท่า ถักเปียสองข้างพร้อมผูกโบว์น่ารักน่าชัง กระทั่งตอนนี้เธอเป็นสาวเต็มตัว ทั้งยังมีใบหน้าสะสวย รูปร่างดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างมหาศาล ทว่าเขาก็ไม่เคยมองเธอต่างจากเดิม ที่สำคัญอรรถกรไม่เคยหยุดอยู่ที่ใคร และพัชนีนาฎก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะควงเล่น ๆ ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้มาตามตื้อหรือวอแวกับเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามรักษาระยะห่างกับเธอให้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เธอคิดไปไกล แต่ก็ดูเหมือนว่ายิ่งพยายามก็ยิ่งขยับเข้าใกล้อย่างไรไม่รู้ อรรถกรไม่เข้าใจจริง ๆ ผู้หญิงคนอื่นมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นพัชรีนาฎด้วยที่ต้องมาหมั้นกับเขา “ถ้าให้พี่เดา พริกก็คงไม่อยากหมั้นกับพี่ใช่ไหมคะ” ชายหนุ่มตอบแบบอ้อม ๆ แต่คิดว่าตนน่าจะเดาถูก ถึงจะรู้ว่าเธอชอบเขา ทว่าการหมั้นครั้งนี้ไม่ได้มาจากความสมัครใจของเจ้าตัว ซึ่งเขาคิดว่าคนรักอิสระอย่างเธอคงไม่ชอบการคลุมถุงชนแบบนี้ ตัวเขาเองก็เช่นกัน “ค่ะ แต่พริกขัดใจคุณพ่อไม่ได้” พัชรีนาฎยอมรับ เธอปลาบปลื้มเขาก็จริง หากก็ไม่ค่อยโอเคกับการโดนบังคับหมั้นสักเท่าไร “คุณพ่อบอกว่าถ้าพริกไม่ยอมหมั้น คุณพ่อจะไม่ให้พริกทำช่องต่อ” อรรถกรพยักหน้าเข้าใจ เขาพอจะรู้ปัญหาระหว่างเธอกับบิดาจากไตรวิทย์มาบ้าง “พี่ก็เหมือนกัน ขัดใจคุณย่าไม่ได้” “แล้ว...เราควรทำยังไงกันดีคะ” แม้เธอจะมองว่าการหมั้นกับเขาไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ และโอเคที่จะหมั้นเพื่อแลกกับการได้ทำในสิ่งที่ชอบต่อ แต่ในเมื่อเขามีท่าทีเหมือนไม่อยากหมั้น เธอก็ไม่อยากฝืนใจใคร ชายหนุ่มหันมามองหน้าเธออีกครั้งในจังหวะที่รถติดไฟแดง นิ้วชี้เคาะพวงมาลัยอย่างครุ่นคิดหาทางออก อรรถกรรู้ดีว่าต่อให้บอกตามตรงว่าไม่อยากหมั้น พวกผู้ใหญ่คงหาวิธีมาหว่านล้อมโดยเฉพาะผู้เป็นย่าของเขา ฉะนั้นทางออกที่เขาคิดได้ตอนนี้จึงมีเพียงแค่ทางเดียว นั่นคือการยอมหมั้นให้มันจบ ๆ แต่... “สามเดือนค่ะ เราจะหมั้นกันแค่สามเดือน” อรรถกรบอกกับหญิงสาว ครั้นเห็นว่าเธอทำหน้างง เขาจึงขยายความต่อ “เราหมั้นกันไปก่อน พอครบสามเดือน พี่จะบอกผู้ใหญ่ว่าน้องพริกขอถอนหมั้นเพราะไม่ได้ชอบพี่ ระหว่างที่อยู่ในสถานะคู่หมั้นก็ทำให้พวกท่านเห็นว่าเราพยายามกันแล้ว แต่ไปกันไม่ได้ พี่ว่าพวกท่านน่าจะเข้าใจเรานะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD