แผนซ้อนแผน

1538 Words
บทที่ 2 แผนซ้อนแผน “คุณแม่ว่ายังไงนะคะ จะให้พริกย้ายไปอยู่กับพี่อรรถ ?” พัชรีนาฎซึ่งอยู่ในชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีขาวยาวคลุมเข่าเอ่ยถามผู้เป็นมารดาเสียงดังด้วยความตกใจสุดขีด หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นและส่งแขกส่วนหนึ่งเสร็จ จู่ ๆ ท่านก็เดินเข้ามาคุยเรื่องจะส่งคนมาช่วยเธอขนของเพื่อย้ายไปอยู่ที่เพนต์เฮาส์ของอรรถกร หญิงสาวโวยวายขึ้นมาทันทีเพราะเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง “ใช่ลูก ไปอยู่กับพี่เขา จะได้ดูแลพี่เขาได้ง่าย ๆ ไง” พัณณ์อำไพพูดกับลูกสาวอย่างใจเย็น “แม่ แต่พริกกับพี่อรรถแค่หมั้นกัน ยังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย ไม่ต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันก็ได้มั้งคะ” ใบหน้าสวยซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดียับยุ่ง คิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจความคิดของผู้ใหญ่ เธอกับอรรถกรยังไม่ได้แต่งงานกันเสียหน่อย จะให้ไปอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ที่สำคัญคนอย่างเธอจะไปดูแลใครได้ แค่ดูแลตัวเองยังจะไม่รอดเลย “ก็ฝ่ายนั้นเขาขอมา บอกว่าอยากให้พริกกับพี่เขาได้เรียนรู้กันมากขึ้น” “แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ยอมง่าย ๆ น่ะเหรอคะ” “แม่ก็ว่าไม่มีอะไรเสียหายนี่นา ยังไงพริกกับพี่เขาก็หมั้นกันแล้ว จะไปมาหาสู่หรืออยู่ด้วยกันก็ไม่ผิดอะไร ใคร ๆ ก็รู้ว่าเราสองคนเป็นคู่หมั้นกัน” พัชรีนาฎรู้ว่าผู้เป็นแม่ไม่ได้หัวโบราณ แต่ก็ไม่คิดว่าท่านจะฟรีสไตล์ขนาดนี้ ผู้เป็นพ่อก็อีกคน แม้ว่าจะไม่ใช่พ่อลูกกันแท้ ๆ แต่ท่านก็แสดงออกว่าห่วงและหวงเธอนักหนา แล้วเหตุใดกรณีนี้ท่านถึงได้ยอมง่าย ๆ อย่างนี้ล่ะ เหลือจะเชื่อเลยจริง ๆ “ไปมาหาสู่กันพริกพอเข้าใจนะคะแม่ แต่จะให้ไปย้ายไปอยู่กับเขา พริกว่ามันมากเกินไป” “ไม่เกินไปหรอกลูก คุณพ่อก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ อีกเดี๋ยวพริกก็ต้องแต่งงานกับพี่เขา แม่ว่าทดลองอยู่ด้วยกันก่อนก็ดีนะ จะได้รู้ว่าเข้ากันได้หรือไม่ได้” เรื่องนี้ทดลองอยู่ก่อนแต่งเธอไม่เถียงหรอก เพราะเป็นสิ่งที่คู่รักควรทำก่อนจะแต่งงานกัน แต่ประเด็นคือเธอกับอรรถกรไม่ได้จะแต่งงานกันจริง ๆ เสียหน่อย ฉะนั้นการทดลองใช้ชีวิตด้วยกันจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็น “แล้วพี่อรรถว่ายังไงคะ” เมื่อโต้แย้งไม่ได้ พัชรีนาฎจึงถามถึงผู้ร่วมชะตากรรม เธอคิดว่าเขาต้องไม่โอเคแน่ ๆ หรืออาจจะยังไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ทว่าคำตอบที่ได้ฟังจากผู้เป็นมารดาก็ทำเอาเธอต้องขมวดคิ้วอีกรอบ “ไม่ว่ายังไงนะ ตอนที่คุณย่าเข้ามาขอพี่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร” “แปลว่าพี่อรรถก็รู้อยู่แล้วเหรอคะ” “ต้องรู้อยู่แล้วสิ ตอนที่คุณพ่อกับคุณย่าพูดกัน พี่เขาก็อยู่ตรงนั้นด้วย” แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกเธอ ? หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วเลือกตอบมารดาแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไปก่อน “งั้นเดี๋ยวพริกขอคุยกับพี่อรรถก่อนนะคะ ย้ายไม่ย้ายเดี๋ยวพริกให้คำตอบอีกที” เมื่อผู้เป็นมารดาเดินออกจากห้องไป พัชรีนาฎจึงเปลี่ยนจากชุดเดรสเข้ารูปที่เธอทำน้ำอัดลมหกใส่มาอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสบาย ๆ ก่อนจะออกจากห้อง เดินลงไปตามหาคู่หมั้นหมาด ๆ ของตน ซึ่งเขาน่าจะกำลังนั่งดื่มกับแก๊งเพื่อนของเขา งานหมั้นระหว่างพัชรีนาฎกับอรรถกรจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านของฝ่ายหญิง แขกที่มาร่วมงานก็มีเพียงญาติกับเพื่อนพ้องที่สนิทกัน แต่เอ่อ...ดูจากจำนวนโต๊ะอาหารที่เตรียมไว้เลี้ยงแขกซึ่งเต็มสนามหญ้าหน้าบ้านราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าลูกสาวมีคนจองแล้ว ก็ไม่น่าจะเรียกว่างานเล็ก ๆ ได้ ไม่แปลกหรอก ตระกูลเขากับตระกูลเธอมีญาติน้อยเสียที่ไหนกันละ เอาเถอะ อย่างไรพิธีหมั้นก็ผ่านไปแล้ว “อ้าวน้องพริก มาตามคู่หมั้นเหรอครับ” วริศซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของอรรถกรเห็นเธอก่อนใครเอ่ยทักขึ้น ก่อนทุกคนในโต๊ะจะหันมามองตาม ๆ กัน รวมถึงคู่หมั้นของเธอด้วยเช่นกัน “กินข้าวหรือยังคะ หิวไหม มานั่งกินก่อน” อรรถกรถามพร้อมสละที่นั่งตัวเองให้ ส่วนเขาก็สะกิดให้เพื่อนอีกคนเลื่อนไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป จากนั้นเขาก็นั่งลงแทนที่ของเพื่อน ก่อนจะตบเก้าอี้เบา ๆ แล้วพยักหน้าเรียกให้เธอไปนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มไม่ได้ทำเพราะเธอเป็นคู่หมั้น หากเขาเป็นแบบนี้ของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ชอบเทกแคร์และอ่อนโยนโดยเฉพาะกับผู้หญิง ...ตามนิสัยคนเจ้าชู้ที่ชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว ทว่ากับพัชรีนาฎเขาไม่ได้หว่านเสน่ห์ แต่เทกแคร์เพราะเห็นเธอเป็นน้องสาว...อรรถกรคิดอย่างนั้น “หายไปไหนตั้งนาน ไม่มาส่งแขก” ทันทีที่เธอหย่อนก้นนั่งลงข้างคู่หมั้น พี่ชายซึ่งนั่งอยู่อีกข้างก็บ่นขึ้นมา “บนห้อง พริกขึ้นไปเปลี่ยนชุดมา” พัชรีนาฎตอบพร้อมจิ้มปลาสามรสที่อรรถกรตักมาให้เข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ย ๆ ไม่ได้ใส่ใจกับการบ่นของคนเป็นพี่มากนัก เพราะก่อนที่จะขึ้นไปเปลี่ยนชุด เธอก็ยืนส่งจนเมื่อยแข้งเมื่อยขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร “เอาต้มยำไหมคะ” อรรถกรถาม หญิงสาวก็พยักหน้าตอบรับทันทีทั้งที่ปากยังเคี้ยวเนื้อปลาอยู่ ตั้งใจจะลงมาคุยกับเขาเรื่องย้ายที่อยู่ แต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้เธอหิวมาก ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรนอกจากน้ำ ขอกินก่อน “ไม่เอาเห็ดนะคะ พริกไม่กินเห็ด” ใบหน้าหล่อเหลาที่วันนี้ดูหล่อเป็นพิเศษระบายยิ้มเอ็นดู “พี่จำได้ค่ะ” “กูดูทรงละ อนาคตน่าจะได้เข้าแก๊งกลัวเมียอีกคน” นวพลเพื่อนสนิทอีกคนของอรรถกรแซวขึ้น เมื่อเห็นการเอาอกเอาใจคู่หมั้นสาวของเพื่อน “ระดับผมแล้ว ไม่มีทางครับ” คนโดนแซวที่เพิ่งตักต้มยำเสร็จหันไปทางเพื่อน แล้วยักคิ้วส่งให้อย่างมั่นใจว่าตนไม่มีทางกลัวเมียแน่นอน “ก็อย่าให้ผมรู้แล้วกัน ถ้าผมรู้ ผมแซวตายเลยน้า” นวพลยังคงพูดไปเรื่อยเพื่อความสนุกสนาน ด้วยรู้ดีว่าจริง ๆ แล้วอรรถกรกับพัชรีนาฎไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ที่ต้องหมั้นกันก็เพราะไม่มีใครขัดใจผู้ใหญ่ได้ “กูว่าตอนนี้ก็แซวได้เลย มึงก็รู้ว่าไอ้อรรถไม่เคยขัดใจน้องพริก” วริศซึ่งรู้เรื่องทุกอย่างเหมือนกันว่าขึ้นมาอีกคน เขาก็รู้จักพัชรีนาฎพร้อม ๆ อรรถกร จึงรู้ดีว่าบรรดาเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ไม่มีใครตามใจหญิงสาวเท่ากับอรรถกรแล้วจริง ๆ “ตามใจจนมันเอาแต่ใจอยู่ทุกวันนี้ไง” พอเป็นไตรวิทย์ที่พูดขึ้นมาบ้าง พัชรีนาฎที่นั่งกินและฟังบทสนทนาบนโต๊ะอาหารด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ก็หันขวับไปมองค้อนใส่คนเป็นพี่ทันที ก่อนจะเถียง “พริกเอาแต่ใจตรงไหน” “ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง” “พริกฟังตลอด” “ฟังแต่ไม่เคยทำตาม” “ก็จะให้ทำตามได้ยังไง ดูแต่ละอย่างสิ ขัดใจสุด ๆ” “นี่แหละที่เรียกว่าเอาแต่ใจ” “แต่ว่า...” พัชรีนาฎอ้าปากอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เพราะคิดคำพูดไม่ออก “พอ ไม่ต้องมาเถียงเลย” ไตรวิทย์ยกมือห้ามเมื่อคนเป็นน้องเถียงสู้ไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามที่จะสรรหาคำเถียงต่อ ไม่สิ ต้องเรียกว่าแถถึงจะถูก หญิงสาวหน้าบึ้งทันทีเมื่อเถียงไม่ชนะ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองคนที่นั่งอยู่อีกข้างเมื่อได้ยินเสียงขำ ถึงเขาจะขำเบา ๆ แต่เธอก็ได้ยิน “พี่อรรถขำอะไร” “ขำน้องพริกนั่นแหละค่ะ” อรรถกรว่ายิ้ม ๆ ศึกปะทะฝีปากระหว่างสองพี่น้องเมื่อครู่นี้เขาได้ยินชัดทุกคำตั้งแต่เริ่ม แต่ไม่คิดห้าม ก็บอกแล้วไงว่าเขาชอบที่พี่น้องคู่นี้แสดงความรักต่อกัน เห็นเถียงกันคอเป็นเอ็นอย่างนี้ แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่ถึงสามนาทีก็กลับมาดีกัน “พริกทำไม” “น่ารักดีค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD