สารถีบังคับรถม้าได้สักระยะ พวกนางเองก็งีบหลับไปทั้งหมด เพราะหนทางไปสุสานหลวงยาวไกลกว่าจะถึงสุสานหลวงก็ยามเย็น แต่ทว่าพวกนางทั้งคันรถต้องตื่นขึ้น เป็นเพราะลูกธนูพุ่งตรงมาอย่างไร้ทิศทาง ยกเว้นหยางจิ้นที่หลับอยู่เช่นเดิม
“ว้าย!!!...”
เสียงร้องของมายาดังขึ้น ขณะที่ลูกธนูพุ่งมาปักรถม้าทะลุเข้ารถม้าเฉียดหน้าของนาง และพวกนางรอบทิศ
“จิ้นเอ๋อร์ตื่น” หมี่ซู่จินเอ่ยเรียกหยางจิ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก และใช้มือเขย่าเขาให้ตื่น เขาจึงตื่นขึ้นมาโดยทันที
“เหนียงชิน เกิดอะไรขึ้น” หยางจิ้นเอ่ยถาม ขณะที่ลูกธนูพุ่งมาตรงหน้าของเขา ซู่จินพลักหยางจิ้นให้ออกห่าง ธนูพุ่งมาใส่ขอบหน้าต่างของรถม้าทันที
“ทำเช่นไรดีเพคะ” หลินหลังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ขณะที่สารถีโดนลูกธนูยิงและตายในทันที อีกทั้งม้ายังตื่นและวิ่งตรงไปอย่างไร้ทิศทาง ทำให้ทุกคนในรถม้าต่างหวาดกลัว เช่นเดียวกับซู่จิน ที่เห็นว่ารถม้าวิ่งมุ่งตรงไปทางหน้าผา
“ทุกคนโดดออกจากรถม้า” หมี่ซู่จินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ซู่จินผลักหยางจิ้นออกจากรถม้าเป็นคนแรก ทำให้เขากระแทกลงบนหญ้าโดยไม่บาดเจ็บมากนัก ตามด้วยซู่จินและนางกำนัลสาวของนางทั้งสองคนที่กระโดดลงจากรถม้าด้วยเช่นกัน ม้าก็วิ่งเตลิดตกเหวสูงชันไป ส่วนซู่จินโอบกอดบุตรชายของนางที่ร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นตกใจ
“ไม่ต้องกลัวจิ้นเอ๋อร์ ข้าอยู่กับเจ้าตรงนี้” ซู่จินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม และดูตามตัวของหยางจิ้นตามร่างกายของเขามีรอยช้ำเพียงไม่กี่จุด
“เจ้าเจ็บตรงไหนบ้าง” ซู่จินเอ่ยถามบุตรของนางด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นอะไร เหนียงชินเป็นอะไรหรือเปล่า” หยางจิ้นเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแค่เจ้าปลอดภัยข้าก็ดีใจแล้ว มายา หลินหลังพวกเจ้าไหวไหม” ซู่จินเอ่ยถามนางกำนัลทั้งสอง
“หม่อมฉันไหวเพคะ” พวกนางเอ่ยบอกพร้อมกัน
“เช่นนั้นเดินเท้ากันเถอะ ข้ายังมีถุงเงินติดตัวอยู่บ้าง เราออกจากที่นี่ ก่อนที่พวกมันจะไล่ตามมาทัน” ซู่จินเอ่ยบอกเช่นนี้
“เพคะ” มายาเอ่ยบอกและประคองหยางจิ้นลุกขึ้น ส่วนหลินหลังประคองซู่จินลุกขึ้นเช่นกันเพื่อเดินทางต่อ
ทันใดนั้นทหารแคว้นเซี่ยล้อมหน้าล้อมหลังรอบทิศทาง นางจำนายกองผู้นั้นได้ดีที่นางเจอนอกประตูเมือง อีกทั้งทหารเหล่านั้นมีอาวุธครบมือ ทำให้นาง หยางจิ้น และคนของนางต่างตื่นกลัว เพราะนางไม่มีอาวุธใดป้องกันตัวแม้แต่อย่างเดียว
“ชิงชางข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมเจ้าต้องนำทหารมาเพื่อสังหารข้า ทั้งที่ข้าต้องไปตายในสุสานหลวงอยู่แล้ว” ซู่จินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ตัวเองไม่ตื่นกลัวกับทวนตรงหน้า อีกทั้งนางนำตัวหยางจิ้นไว้ด้านหลัง หยางจิ้นเองก็หวาดกลัวจนตัวสั่น
“เป็นคำสั่งของหวางโฮ่วให้ฟูเหรินตายอย่างทุกข์ทรมาน พวกเจ้าจับพวกนางโยนหน้าผา” ชิงชางเอ่ยบอกเหล่าทหารใต้อาณัติของตนเอง เหล่าทหารกรูกันเข้ามาหานาง แต่ห่างกันเพียงสองก้าวเท่านั้น