ฉลามนั่งๆ นอนๆ มาขออยู่อาศัยที่รีสอร์ตของเพื่อนสนิทไกลถึงวังน้ำเขียว หลังมารดาของเขาอายัดบัตรเครดิตและเงินในบัญชีทั้งหมด
“มึงจะกลับแล้วเหรอ”
“เออ ตำรวจเรียกไปคุยเรื่องคดี”
“ดีแล้ว รีบไสหัวไปจากรีสอร์ตของกูเลย”
“ปากเหี้ยครับไอ้มังกร กูมาขออยู่ไม่กี่วันเอง”
“ครับไม่กี่วัน ล่อไปสี่เดือนไอ้เวร”
มังกรอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากไล่คนตรงหน้าหลังทนเห็นความหน้าด้านของมันไม่ไหว อีกใจหนึ่งก็อยากจะให้เจ้าตัวกลับไปเคลียร์เรื่องตัวเองให้เรียบร้อยไม่ใช่มาหลบอยู่แบบนี้
“มึงก็รู้ว่าถ้ากูกลับไป แม่ต้องส่งตัวกูไปภูเก็ตแน่นอน”
“มึงก็ไปสิวะ คุณน้าศจีเขาจะได้เลิกตามตอแย”
“ทำไมกูต้องไป”
“จะไปไม่ไปก็เรื่องของมึง แต่ตอนนี้ช่วยไสหัวออกไปจากรีสอร์ตของกูครับ”
“รีบไล่จังวะ หรือกลัวกูจะแอบย่องเบาไปปล้ำน้องเอย”
ฉลามแกล้งพูดกวนประสาทเพื่อนสนิทเจ้าของรีสอร์ต ก่อนจะเห็นดวงตาคู่คมฉายชัดความโกรธเคืองทำให้รู้ว่าเขาเข้าไปแตะคนที่ไม่ควรแตะต้องของมันเข้าจนได้
ลืมไปว่าไอ้ห่านี่มันหวงเมียฉิบหาย!
“มึงตายคาตีนกูแน่!”
มังกรกำหมัดแน่นพร้อมวิ่งไล่เตะนายแบบหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อมันกล้ามาพูดจาหมาๆ แบบนี้ออกมา ยิ่งนึกถึงเรื่องในอดีตที่ครั้งหนึ่งเจ้าตัวก็เคยสนใจคนเป็นภรรยาของเขาอย่าง ‘เจ้าเอย’ ความหึงหวงก็ปรากฏขึ้นมาไม่หยุด
“กูล้อเล่นไอ้มังกร”
ฉลามรีบวิ่งหน้าตั้งไปขึ้นรถของตัวเองก่อนจะสตาร์ทรถและขับหนีออกไปจากรีสอร์ตอย่างไว เขาหอบหายใจเหนื่อยในขณะเดียวกันก็หัวเราะออกมาอย่างนึกขำขัน
ดูเหมือนความสุขและสบายใจจะอยู่ได้ไม่นานเมื่อชายหนุ่มต้องมายื่นเอกสารกับทางตำรวจ และรับฟังผลของคดีความ
ฉลามไม่มีความผิดเพราะร่างกายไม่มีสารจากยาเสพติดปรากฏอยู่ ส่วนตัวยาที่พบในเสื้อแจ็คเก็ตยังไม่มีรอยนิ้วมือของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีคนอยู่เบื้องหลังหวังใส่ร้าย
เสียงนักข่าวที่มารอฟังข่าวรายล้อมอยู่มากมายด้านหน้าสถานี คราแรกเขานึกว่าจะไม่มีใครสนใจคดีของตัวเองแล้วเสียอีกเพราะเวลาผ่านมาหลายเดือนแต่ทว่ามันกลับไม่ใช่เลย
ร่างสูงดูดีของชายหนุ่มรีบก้มหน้าเดินเบียดเสียดผู้คนหลายร้อยชีวิตไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ เสียงนักข่าวทุกสำนักต่างพากันเอ่ยถามโดยยื่นไมค์จ่อเข้ามา พร้อมกับๆ ประชาชนที่ให้ความสนใจกับข่าวที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้
“จริงหรือเปล่าคะเรื่องที่ว่าคุณฉลามมีประวัติเสพยาเสพติด แต่ทางครอบครัวใช้เงินช่วยปกปิดเอาไว้”
“ช่วยตอบคำถามเรื่องที่คุณฉลามเคยเสพยาเสพติดและชักชวนเพื่อนในวงการร่วมเสพมานานแล้วด้วยครับ”
“พูดอะไรระวังปากหน่อย!”
เสียงกัมปนาทตวาดออกมาดังลั่นส่งผลให้ทุกคนในบริเวณต่างพากันหยุดชะงักและปิดปากเงียบ ดวงตาเฉียบคมที่อยู่ภายใต้แว่นตาดำแบรนด์ดังของฉลามจ้องเขม็งนักข่าวปากพล่อยอย่างเอาเรื่อง
หากไม่ติดว่ามีกล้องนับร้อยจับภาพอยู่เขากระโดดถีบปากมันไปแล้ว!
“รีบไปขึ้นรถเถอะครับคุณฉลาม”
ทนายเมธรีบฉุดกระชากร่างของเขาให้เดินไปขึ้นรถในขณะเดียวกันก็ช่วยกันผู้คนให้ถอยออกห่าง ใช้เวลาไม่น้อยกว่าชายหนุ่มจะหลุดพ้นจากวงล้อม เขานั่งกำหมัดข่มอารมณ์เดือดดาลอยู่ภายในก่อนจะลอบมองออกนอกหน้าต่าง
ภายในมือยังคงถือเอกสารผลตรวจสารเสพติดที่เพิ่งจะใช้ยื่นเป็นหลักฐานให้กับตำรวจ เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสิ่งสกปรกพวกนี้และไม่เคยคิดที่จะพาตัวเองเข้าไปแตะต้อง
“ทางตำรวจบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หลักฐานผลตรวจยืนยันแล้วว่าคุณฉลามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
“ไม่น่าเป็นห่วงอย่างนั้นเหรอ แล้วเมื่อกี้ได้แหกตาดูนักข่าวเหี้ยๆ พวกนั้นไหม”
“มันก็แค่ข่าวครับไม่นานก็เงียบหาย คนไทยลืมง่ายจะตาย”
“เงียบปากไปเลย ยิ่งพูดยิ่งอารมณ์เสีย”
ฉลามเอ่ยตอบกลับทนายคนสนิทของบิดาที่มีหน้าที่เข้ามาช่วยจัดการเรื่องคดีความให้กับเขา ใบหน้าหล่อคมคายข่มความเดือดดาลเอาไว้จนขมับนูนขึ้นมา ยิ่งเห็นข่าวด้านลบของตัวเองในโลกโซเชียลมากแค่ไหนชายหนุ่มก็แทบระงับอารมณ์และสติของตัวเองไม่ได้แค่นั้น
ไม่นานรถที่ขับมาด้วยความเร็วก็ถึงคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหลังแอบหนีไปอยู่ที่อื่นมานานนับหลายเดือน
เขาเดินคอตกเข้ามาด้านในสิ่งแรกที่เห็นคือมารดานั่งจิบชาดูรายการโทรทัศน์ ก่อนจะเห็นผู้เป็นบิดานั่งกุมขมับด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“มาแล้วเหรอไอ้ตัวดี”
คุณหญิงศจีรัตน์ไม่ทันจะได้อ้าปากพูดและชำระความกับลูกชาย เสียงเข้มของสามีก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“พ่อครับ”
“หรือตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันใจดีกับแกมากเกินไปใช่ไหม”
ฉลามรู้สึกขนลุกซู่ด้วยความหวาดหวั่นเมื่อได้เห็นท่าทางดุดันและเอาเรื่องจากบิดาเป็นครั้งแรก ไม่มีอีกแล้วแววตาที่เคยอ่อนโยน
“หนูขอโทษ”
“รู้ไหมว่าพ่อกับแม่ต้องปวดหัวมากแค่ไหนตอนแกหนีไปอยู่ที่อื่น!”
สมุทรตวาดลั่นใส่ลูกชายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะยกมือห้ามภรรยาหลังเห็นเธอดันตัวลุกขึ้นหมายจะเดินไปหาลูกชาย
“ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน!”
“พ่อครับ”
“บอกให้ออกไป!”
ฉลามสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อคนเป็นพ่อไล่ตะเพิดเขาอีกครั้ง ร่างสูงรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเอง พร้อมแอบได้ยินเสียงตามหลังดังออกมา
“ผมจะสั่งสอนไอ้ลูกตัวดีเอง คงต้องใช้ไม้แข็งกันหน่อยแล้ว”
คุณหญิงศจีรัตน์มองสามีที่มีใบหน้าเกรี้ยวกราดอย่างนึกไม่ถึง ก่อนจะเห็นเจ้าตัวกระแทกเท้าเดินขึ้นไปจัดการลูกชายด้านบน
“มันค่อนข้างจะรุนแรง หวังว่าคุณจะไม่ว่ากัน”
สมุทรเปิดประห้องนอนเข้าไป เขากอดอกจ้องมองลูกชายที่นั่งตาละห้อยบนเตียง ร่างสูงที่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มพร้อมตวัดมือยกสูงจนคนตรงหน้าหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว
ฉลามขมวดคิ้วของตัวเองก่อนจะลืมขึ้นมองหลังไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไร เขาเลื่อนสายตาดูก็เห็นบิดาอ้าแขนกอดไม่ใช่จะตบตีอย่างที่เข้าใจ
“โธ่พ่อ หนูตกใจหมดเลย”
“ลูกรักของพ่อ ซูบลงไปเยอะนะ คงจะลำบากมากใช่ไหม”
“พ่อไม่ได้โกรธหนูเหรอ”
“พ่อแอคติ้งไปอย่างนั้นแหละ ขืนไม่ทำแบบนี้แม่เราได้เอาลูกตายแน่นอน”
สมุทรยกยิ้มอ่อนโยนให้ลูกชายเพียงคนเดียว เขาทราบดีว่าภรรยาโกรธมากแค่ไหน และรู้เป็นอย่างยิ่งว่าวันนี้เจ้าตัวจะต้องทำโทษลูกชายขั้นสุดแน่นอน เลยชิ่งแย่งซีนระเบิดอารมณ์เพื่อกลบเกลื่อนเสียก่อน
“พ่อได้ยินเสียงคนเดิน น่าจะเป็นแม่เราลูกแกล้งร้องออกมาดังๆ นะ”
ฉลามหัวเราะคิกคักขณะแกล้งร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ เป็นจังหวะเดียวที่บิดายกมือขึ้นตีลงบนผนังห้อง ทว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อดวงตาคู่คมเห็นร่างเล็กของมารดาเปิดพรวดเข้ามา
คุณหญิงศจีรัตน์ยืนมองสองพ่อลูกที่กำลังสร้างเรื่องโกหก เธอยืนเงียบไม่แม้จะเอ่ยคำด่าอย่างทุกครั้ง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะหลั่งรินน้ำตาออกมาจนเนื้อตัวสั่นเทา
“ที่รัก คุณร้องไห้ทำไม”
สมุทรเจ็บลึกลงไปในหัวใจหลังเห็นคนเป็นเมียร้องไห้ไม่หยุด ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมานานก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนทำเอาเขาร้อนรนทำตัวไม่ถูก
“ฉันผิดเอง ความผิดทั้งหมดอยู่ที่ฉันเอง”
ร่างเล็กพูดทั้งน้ำตาเธอทรุดนั่งกอดเข่าอย่างอ่อนแรง ทำเอาผู้ชายอกสามศอกมีสีหน้าเศร้าสลดและน้ำตาเอ่อคลอ
“ที่ลูกเป็นแบบนี้เพราะฉันเอง ฉันมันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง ไม่เอาไหน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะที่รัก”
“ขอโทษที่เลี้ยงเขาให้ดีไม่ได้ ฉันไม่สมควรถูกเรียกว่าแม่ด้วยซ้ำ”
ฉลามสะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิด เขารีบวิ่งไปตระกองกอดมารดา แววตาที่แสนเจ็บปวดทอดมองมาทำเอาชายหนุ่มหวนให้นึกถึงวีรกรรมของตัวเองในอดีต
ทั้งๆ ที่มารดาเอ่ยปากห้ามทว่าเขากลับไม่สนใจ และมองเมินความหวังดีไปอย่างไม่น่าให้อภัย
“แม่ก็แค่เป็นห่วงอนาคตของลูก ฮือ”
“ผมผิดเองครับ แม่อย่าร้องไห้เลยนะ”
เมื่อก่อนโดนคนตรงหน้าด่าทอฉลามยังไม่เจ็บเท่ากับเห็นผู้หญิงที่รักมากที่สุดร้องไห้แบบนี้ เขาพร่ำพูดขอโทษเป็นร้อยๆ ครั้งก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกผิดไปได้
“ขอโทษนะที่รักที่หลอกคุณ ผมก็แค่สงสารลูก”
“ฮึก ลุงมั่นบอกว่าจะช่วยฉลามได้ถ้าลูกยอมไปอยู่ที่ภูเก็ต แม่ผิดเองที่มาบังคับจิตใจลูกแบบนี้”
“ผมยอมแล้วครับแม่”
ฉลามจำนนเอ่ยออกมาอย่างยอมแพ้ เขาไม่อยากเห็นมารดาร้องไห้สะอื้นแบบนี้อีก
“จริงเหรอลูก”
“ครับแม่ ผมยอมไปภูเก็ตแล้ว”
คุณหญิงศจีรัตน์รีบสวมกอดลูกชาย น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มตอนนี้แห้งหอดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ริมฝีปากกระตุกยิ้มหลังเห็นไอ้เจ้าลูกชายตัวดียอมแพ้
คิดจะมาหลอกคนอย่างเธอ
ช้าไปสามก้าวไอ้สองพ่อลูก!
สมุทรยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาในขณะที่นั่งมองลูกชายกอดภรรยาของตัวเองแนบแน่นต้องอ้าปากค้างหลังเห็นแววตาคู่สวยตวัดมองเขาอย่างเอาเรื่อง
ฉิบหาย!
"ฉลามเก็บเสื้อผ้าก่อนนะลูก แม่ขอออกไปคุยธุระกับพ่อแป๊บหนึ่ง"
คุณหญิงศจีรัตน์ดันตัวลุกขึ้นก่อนจะคว้ามือสามีสุดที่รักเดินออกไปจากห้อง ใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มหวานแปรเปลี่ยนเป็นร้ายกาจและเคียดแค้นคนที่กล้ามาหลอกเธอ
ไม่โดนสักทีไม่ดีขึ้นเลยไอ้ผัวคนนี้!
"กล้าดียังไงมาตอแหลใส่ฉัน!"
"โอ๊ย! ผัวเจ็บไปหมดแล้วเมียจ๋า"
"แกตายคามือฉันแน่ไอ้ผัวเฮงซวย"
.
.
.