ร่างสูงนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในห้องนอนขนาดใหญ่ มือหนาโยนโทรศัพท์ออกไปจากตัวหลังคุยกับผู้จัดการส่วนตัวเสร็จ นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ฉลามอยากออกไปทำงาน เพียงรู้ข่าวว่าตอนนี้ลูกค้าพากันยกเลิกคิวงานของเขาจนหมดความรู้สึกกลัวก็เกาะกินภายในจิตใจขึ้นมา
เสียงถอนหายใจดังออกมาอีกครั้งเมื่อรับรู้ชะตากรรมที่ย่ำแย่ของตัวเอง งานไม่มี เงินและบัตรเครดิตก็ถูกมารดาจัดการยึดไปจนหมด แม้ชายหนุ่มจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกก็แทบจะทำไม่ได้เพราะทนสายตาเหยียดหยามและคำนินทาที่พูดซึ่งๆ หน้าจากผู้คนไม่ไหว
“อยู่ๆ ทำไมกูถึงมาซวยอะไรอย่างนี้วะ!”
ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมขยี้เส้นผมด้วยความหงุดหงิดและหัวเสียไม่ใช่น้อย เขาก้าวขาลงจากเตียงก่อนจะกระชากประตูให้เปิดออกกว้าง
ทันทีที่เดินลงบันไดมาหูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียงแสนคุ้นเคยดังออกมาจากรายการข่าวที่ผู้เป็นแม่และป้าแม่บ้านนั่งดูอยู่อย่างสนใจ
ฉลามหยุดชะงักอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นเมื่อเห็นภาพเพื่อนนายแบบอย่างศิระให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเรื่องงานปาร์ตี้ ตอนนี้ชีวิตของมันต่างกับเขาราวฟ้ากับเหว
ทั้งนักข่าว ประชาชนต่างพร้อมใจกันแสดงความรู้สึกสงสารและให้กำลังใจนายแบบหนุ่มอย่างล้นหลาม
ผิดกับเขาที่มีแต่คำด่า และข่าวเสียหาย ถึงแม้เราทั้งสองคนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกันเลยก็ตาม
‘คุณศิระมีความคิดเห็นอย่างไร เกี่ยวกับข่าวของคุณฉลามและคุณปีเตอร์บ้างคะ’
‘ข่าววของปีเตอร์ก็ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาแถลงเรื่องคดีเลยครับ ตอนนั้นพวกผมนายแบบคนอื่นๆ นั่งดื่มกันหน้าห้องและไม่รู้เลยว่าปีเตอร์เขาจะกล้าทำแบบนั้น’
ฉลามยกมือขึ้นกอดอกเพื่อรอคอยคำสัมภาษณ์ของเพื่อนนายแบบที่สนิทคนหนึ่ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชายหนุ่มจะช่วยพูดแก้ต่างให้กับเขาไม่บ้างก็น้อย
‘ส่วนเรื่องฉลาม เอ่อ...ไม่ค่อยอยากพูดถึงครับ’
ใบหน้าหล่อของนายแบบหนุ่มอย่างศิระแสดงออกถึงความอึดอัดจนฉายชัดออกมาทำเอานักข่าวต่างพากันสงสัยยิ่งกว่าเดิม
‘หากรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ผมคงกล้าที่จะเข้าไปห้ามเขาตั้งแต่แรกแล้ว’
‘แปลว่าคุณฉลามเคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเหรอคะ’
ศิระไม่ตอบคำถามทว่ากลับก้มหน้าเดินฝ่าวงล้อมนักข่าวออกมา ปล่อยให้ประชาชนกับสื่อเป็นคนตัดสินคำพูดลอยๆ เมื่อครู่
“ไอ้เหี้ยศิระ!”
ฉลามกำมือแน่นด้วยความเกรี้ยวกราด เขาแทบเลือดขึ้นหน้าเมื่อได้ยินคำพูดใส่ร้ายหวังเอาดีเข้าตัวแบบนั้น
“ปิดเถอะสมศรี ฉันเครียดจนเส้นเลือดในสมองจะแตกตายอยู่แล้ว”
คุณหญิงศจีรัตน์ยกยาดมขึ้นมาจ่อจมูกหลังได้ยินคำสัมภาษณ์แบบนั้น ดูก็รู้ว่าจงใจพูดใส่ร้ายลูกชายของเธอเพื่อหวังทำลายชื่อเสียง
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาอย่างหนักเพื่อข่มอารมณ์ที่รุนแรงของตัวเอง เขามุ่งตรงมาทรุดนั่งข้างๆ มารดาพร้อมยกมือขึ้นบีบนวดให้เจ้าตัวอย่างเอาใจ
“แม่ครับ ผมถูกใส่ร้าย ไอ้ศิระมันตอแหล”
“แล้วแกคิดว่าฉันจะโง่เชื่อไอ้นายแบบคนนั้นเหรอ” เอ่ยตอบกลับลูกชายเสียงแผ่วเบา ถึงฉลามจะดื้อรั้นและเอาแต่ใจทว่าเธอรู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่มีทางเอาอนาคตไปยุ่งเกี่ยวกับยาพวกนั้น
“แม่ไม่สงสารผมเหรอครับ ตอนนี้งานก็หายแถมคนเกลียดทั้งประเทศอีก”
คนเกลียดทั้งประเทศของจริงเพราะในตอนนี้สื่อโซเชียลของชายหนุ่มถูกถล่มด่าด้วยคอมเมนต์ข้อความไม่เว้นแต่ล่ะวัน โดยให้เหตุผลว่าครอบครัวของเขาใช้อำนาจเงินปลอมแปลงเอกสารตรวจร่างกาย รวมไปถึงติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องคดีถึงได้มาลอยหน้าลอยตาอยู่ที่บ้าน
แม่ง! ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่เสือกฉิบหาย
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง”
“แม่ไม่ต้องทำยังไงหรอกครับ แค่ยอมยกเลิกเรื่องที่อายัดเงินและบัตรเครดิตของผม”
“ถ้ามาพูดเรื่องนี้ก็ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าฉันเลย”
“โธ่แม่!”
“อยากมีเงินใช้ก็ออกไปหางานทำเอง”
“ผมเป็นข่าวแบบนี้ใครมันจะมาจ้างละครับ!”
“ทีหลังก็หัดเห็นคุณค่าของโอกาสที่ได้รับมาบ้างฉลาม ส่วนเรื่องเงินและบัตรเครติดแม่ไม่มีวันให้แกใช้ผลาญเล่นอย่างเมื่อก่อนอีกแน่!”
คุณหญิงศจีรัตน์เอ่ยเตือนลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เธอมองเมินสายตาละห้อยของลูกชายที่ทอดมองมาก่อนจะใจแข็งปฏิเสธอย่างจริงจัง เพราะรักและหวังดีเลยอยากให้เจ้าตัวได้สำนึกเสียบ้าง
“แม่ไม่รักผม!”
ฉลามนอนชักดิ้นชักงออยู่บนโซฟาอย่างเอาแต่ใจ เกือบสองอาทิตย์แล้วที่เขาเอาแต่หมกตัวอยู่ที่คฤหาสน์ อยากจะบินไปพักผ่อนคลายเครียดที่ต่างประเทศก็ยังทำไม่ได้เพราะเงินติดตัวมีไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ
“เลิกบ้าแล้วเตรียมตัวให้พร้อม ฉันไปคุยกับลุงมั่นเรื่องที่จะส่งแกไปอยู่ภูเก็ตแล้ว”
“เดี๋ยวนะครับ ลุงมั่นคือใคร”
นายแบบหนุ่มขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะดันตัวลุกนั่งข้างๆ มารดา ชื่อปริศนาของไอ้เวรที่ไหนไม่รู้โผล่มาแถมยังให้เขาไปอยู่ที่อื่นอีก
“รุ่นพี่ของพ่อแก”
“ผมไม่ไป!”
“ต้องไป! และอย่าหวังว่าพ่อแกจะมาช่วยคุ้มกะลาหัวได้นะฉลาม”
คุณหญิงศจีรัตน์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเข้มพร้อมเบือนใบหน้าไปมองสามีของตัวเองที่กำลังก้าวเท้าเดินเข้ามา ไม่ทันที่เจ้าตัวจะรีบอ้าปากช่วยพูดให้ลูกชายเธอก็เอ่ยวาจากระแทกแดกดันขึ้นมาเสียก่อน
“แม่อยากให้ผมไปอยู่ที่อื่นมากใช่ไหม ได้ครับ!”
ฉลามรีบวิ่งขึ้นห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว แม้จะพูดกับมารดาออกไปแบบนั้นทว่าสถานที่ที่เขาจะหนีไปพักใจไม่ใช่ภูเก็ตแต่เป็น รีสอร์ตของเพื่อนสนิทที่วังน้ำเขียว
“ถ้าจะไปที่อื่นอย่าหวังเลยฉลาม แกต้องไปภูเก็ตกับแม่!”
คุณหญิงศจีรัตน์รีบวิ่งมาดักหน้าลูกชายที่ถือกระเป๋าลงมา แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มดื้อด้านและหัวแข็งมากเพียงใดแต่ถึงกระนั้นคนเป็นแม่อย่างเธอต้องใช้ไม้แข็ง
“โอ๊ยที่รัก ผมปวดหัวจะเป็นลม”
สมุทรแกล้งล้มตัวไปซบภรรยาคนสวยเพื่อรั้งไม่ให้ร่างเล็กเข้าไปห้ามลูกชาย ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะส่งสายตาบอกเป็นนัยให้ฉลามรีบวิ่งหนีออกไป
“นี่ปล่อยฉันนะไอ้ผัวบ้า!”
“ปวดหัวๆ เจ็บจะตายอยู่แล้วเมียจ๋า”
“แกได้เจ็บสมใจแน่ไอ้ผัวตอแหล ที่ลูกมันเป็นแบบนี้เพราะมีพ่อให้ท้ายไม่หยุด!”
.
.
.