ทางด้านปืนขณะนั่งจูนวิทยุที่พกมาด้วยเพื่อหาคลื่นฟังเพลง กระทั่งเจอคลื่นหนึ่งที่มีดีเจจัดรายการจึงหยุดฟัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเห็นปันนอนคุดคู้อยู่บนเสื่อด้านข้าง ส่วนลออนั่งกอดเข่าฟุบหลับอยู่ไม่ไกล ปืนจึงบ่นพูดพึมพำ
“อีหยัง! ก้มหน้าบ่พอวิหลับกันเบิ่ดจ้อย” (อะไร! ก้มหน้าไม่ถึงวิหลับกันหมดแล้ว)
ก่อนจะเตรียมดันตัวลุกขึ้นเพื่ออุ้มน้องสาวของตนไปนอนอยู่ที่เถียงนา ทว่าได้ยินเสียงรถขับมุ่งมายังตนเสียก่อน ปืนจึงหันไปมองเห็นนะกับวัณณ์ฎาขับรถนั่งซ้อนท้ายกันมา พอทั้งสองลงจากรถแล้วเดินยังกองไฟ ปืนจึงเอ่ยแซววัณณ์ฎาด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ
“จังได๋น้อหมู่” (ยังไงนะเพื่อนกู)
“จังได๋อะไรของมึง” วัณณ์ฎาเอ่ยตอบปืนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปยังลออที่นั่งกอดเข่าฟุบหลับอยู่ พอนะปูเสื่อเรียบร้อยตนก็ลงนั่งโดยที่ดวงตานั้นไม่ละจากอีกคน
“ร้อยวันพันปีกูไม่เห็นมึงมา แล้วทำไมวันนี้ถึงมาวะเพื่อน”
“มาเฉย ๆ อยู่ที่บ้านไม่มีอะไรทำ”
“ปากแข็งจังวะ อยากมาหาใครก็พูดมาเถอะ”
“เสือก!” พูดจบวัณณ์ฎาก็มองยังลอออีกครั้ง ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่เธอปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้ ส่วนปืนก็เลือกไม่สนใจนั่งดื่มเหล้าต่อ ก่อนจะได้ยินนะเอ่ยถาม
“อ้ายปืนบ่โทรไปขอเพลงแหน่เบาะ” (พี่ปืนไม่โทรไปขอเพลงหน่อยเหรอ)
“โทรจังได๋กูบ่มีตังค์โทรศัพท์” (โทรยังไงกูไม่มีเงินในโทรศัพท์)
“เอ้า! คือจนแท้ บ่มีฮอดเงินในโทรศัพท์” (อ้าว! ทำไมจนจัง ไม่มียันเงินในโทรศัพท์) ไม่ได้จะตั้งใจดูถูกทว่าเห็นรุ่นพี่ทำงานทุกวัน จึงคิดว่าคงเติมเงินในโทรศัพท์บ้าง พอปืนได้ยินเช่นนั้นก็ขึ้นเลย
“แล้วมึงมีบ่?” (แล้วมึงมีไหม?)
“บ่” (ไม่)
“ว้าย! จนกว่ากูอีก ตังค์ในโทรศัพท์กะบ่มี เหล้ายังเสือกแดกฟรีอีก สภาพ” (ว้าย! จนกว่ากูอีก ตังค์ในโทรศัพท์ก็ไม่มี เหล้ายังเสือกแดกฟรีอีก สภาพ)
“เจ็บคัก” (เจ็บมาก)
“เจ็บกะอย่าปากดี เดี๋ยวมึงสิไปบ่ได้แดกเหล้าฟรีอีก” (เจ็บก็อย่าปากดี เดี๋ยวมึงจะไม่ได้กินเหล้าฟรีอีก)
“ขอโทษครับอ้ายปืนสุดหล่อ” นะพูดพร้อมกับขยับเข้าไปกอดแขนปืนด้วยท่าทีออเซาะ เพราะกลัวไม่ได้กินฟรีที่อีกคนเป็นคนเลี้ยง ส่วนปืนก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปก่อนจะมองไปยังน้องสาวตัวเองที่นอนหมดสภาพอีกครั้ง จากนั้นก็เบี่ยงสายตาไปยังเพื่อนสนิท ที่เอาแต่นั่งมองรุ่นน้องในหมู่บ้านไม่ละไปไหน
ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหันไปเอ่ยบอกนะ
“บักนะช่วยกูพาปันกลับเฮือนแหน่” (ไอ้นะช่วยกูพาปันกลับบ้านหน่อย)
“ได้ครับหัวหน้า” เมื่อตอบปืน นะก็ยืนขึ้นเตรียมจะเข้าช่วยปืนพยุงปัน ทว่าดวงตาเหลือบเห็นลออนั่งหลับอยู่จึงเอ่ยถาม
“แล้วเอื้อยลออล่ะอ้ายปืน” (แล้วพี่ลออล่ะพี่ปืน)
“มึงบ่ต้องยุ่งดอก เดี๋ยวคนของเพิ่นจัดการเอง” (มึงไม่ได้ยุ่งหรอก เดี๋ยวคนของเขาจัดการเอง)
ปืนพูดพร้อมกับมองหน้าวัณณ์ฎาที่ยังคงเอาแต่นั่งมองหน้าลออ จากนั้นก็เลือกไม่สนใจอุ้มน้องสาวตัวเอง แล้วพาเดินไปนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนที่นะจะขับรถมุ่งตรงไปยังบ้านของปืน ทำให้พื้นที่บริเวณนี้เหลือเพียงวัณณ์ฎากับลออเท่านั้น
ทางด้านลออเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ท่อดัง เธอจึงยกศีรษะขึ้นมอง ทำให้สบตากับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่มองเธออยู่ ตาคู่สวยจึงกระพริบช้า ๆ เพื่อให้ภาพความจริงปรากฎ เพราะคิดว่าสิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้เป็นเพียงฝัน แต่ถึงแม้จะทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนก็ยังคงเด่นชัดไม่เลือนรางจางหายไป ปากเล็กจึงพูดพึมพำ
“เมาจนหลอนเห็นหน้าพี่ปืนเป็นตาลุงได้ไง”
ลออพึมพำด้วยท่าทีงัวเงียก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเสื่อ วัณณ์ฎาเห็นเช่นนั้นจึงถอนหายใจแรง ๆ แล้วดันตัวลุกขึ้นเดินไปสะกิดแขนลออพร้อมกับเอ่ยเรียก
“ลุกขึ้น จะไปส่งที่บ้าน”
“อื้อ หนูลุกไม่ไหวพี่ปืนอุ้มหน่อยได้ไหม” คนเมาที่ไม่ได้สติพูดไปเรื่อยพร้อมกับเลื่อนแขนไปด้านหน้าเพื่อให้อีกคนอุ้มเธอ แต่พอวัณณ์ฎาได้ยินชื่อที่หลุดออกจากปากเธอก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า ถอนหายใจแรง ๆ ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเข้มดุ
“ถ้าไม่ลุกขึ้นก็นอนอยู่กลางทุ่งนาคนเดียวนี่แหละ”
“ทำไมพี่ปืนใจร้ายจัง ถ้าเป็นอีกคนจะไม่แปลกใจเลย”
“ก็ไม่ใช่ไอ้ปืนไง”
“แล้วใคร ผีเหรอ?” เมื่อเหนื่อยที่จะพูดกับเธอ วัณณ์ฎาจึงเลือกที่จะเงียบ แล้วนั่งมองคนเมาที่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเขาแววตาหวานหยาดเยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ผีอะไรทำไมหล่อจัง” พร้อมกับเลื่อนมือมาเพื่อจับใบหน้า ทว่าโดนเขากุมมือไว้ก่อน แต่เธอก็ยังไม่หยุดดื้อ เลื่อนมือข้างที่ยังเป็นอิสระไปหาเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“ถ้าผีจะหล่อขนาดนี้ อีลออยอมเป็นเมียผีเลย”
“เลิกเพ้อเจ้อแล้วลุกขึ้น จะพาไปส่งบ้าน”
“ก็บอกลุกไม่ไหว” ลออพูดพร้อมกับดึงวัณณ์ฎาให้ขยับเข้าไปใกล้เธอ ด้วยอีกคนไม่ทันตั้งหลักจึงไม่ได้ยื้อแรงเอาไว้ ทำให้ใบหน้าขยับลงไปใกล้เธอ ที่นอนมองเขาตาหวานฉ่ำ เมื่อได้สติวัณณ์ฎาก็เตรียมดันตัวลุกขึ้น ทว่าไม่ทันกับความมือไวของลออ ที่เลื่อนมาคล้องคอเขาเอาไว้แน่น แล้วขยับขาอ้าออกเพื่อให้เขานอนแทรกกลางหว่างขาเธอ
จากนั้นก็ดึงคนตัวสูงลงไปใกล้จนใบหน้าห่างกันเพียงคืบเดียว แต่ส่วนอื่นชิดกันแนบแน่น รับรู้เช่นนั้นร่างกายวัณณ์ฎาก็ร้อนวูบวาบ แต่ก็ไม่พยายามหักห้ามความรู้สึกต้องการเอาไว้
ก่อนจะถูกลออผลักให้นอนราบกับเสื่อแล้วเธอพลิกตัวขึ้นมานั่งคร่อมเขาแทน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงมานอนฟุบหน้ายังซอกคอ ทำเอาวัณณ์ฎารับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนรดยังซอกคอ จึงสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยบอกคนเมาที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ
“ลุกขึ้น!”
“อือ”
“ลุก!” ริมฝีปากพูดขณะมือหนาจับไหล่เล็กดันขึ้น เพื่อให้เธอลุกออกจากตัวทว่า...
“อย่าวุ่นวายได้ไหม คนจะนอน”
ลออยังคงดื้อรั้นไม่ยอมลุกออกจากตัวของวัณณ์ฎา แถมยังขยับใบหน้าซุกไซ้ซอกคออีกคน การกระทำไร้สติของเธอทำเอาคนที่สติครบถ้วนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งลมหายในอุ่นร้อนกระทบยังผิวกายเป็นระยะ ๆ ก็สุดจะทน ท่อนเอ็นแข็งขืนปวดหนึบจนอยากปลดปล่อยให้โล่ง
ทว่าก็ต้องอดกลั้นเอาไว้...
ขณะวัณณ์ฎานอนขบกรามแน่นเพื่อหักอารมณ์ภายในกายไม่ให้พลุ่งพล่าน ในขณะร่างเล็กที่ได้กลิ่นกายหอมฟุ้งจากอีกคน ก็เริ่มไม่อยู่สุข ริมฝีปากจูบยังซอกคอเขาซ้ำ ๆ ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นซุกไซ้
“หยุดไซ้คอ ถ้าไม่หยุดจะปล่อยให้นอนที่นี่คนเดียว”
“หยุดไม่ได้ ผีอะไรตัวโคตรหอมเลย” คนเมายังคงไม่มีสติ ทั้งหอม ทั้งจูบซอกคออีกคน ขณะมือเล็กสอดเข้าไปในเสื้อยืดแล้วลูบไล้กล้ามหน้าท้อง ก่อนจะดันตัวขึ้นแล้วจับเสื้อยืดขึ้นเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องกำยำ
ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ว้าว~ ขาวจัง”
จากนั้นก็ขยับใบหน้าลงจูบแผงอกกำยำของอีกคน ทำเอาวัณณ์ฎาขนลุกชูชันนอนขมกรามแน่น จากที่คิดจะห้ามเธอในคราแรกก็เปลี่ยนเป็นนอนนิ่ง ๆ ให้เธอทำตามใจตัวเองแทน ไม่นานคนดื้อรั้นที่เมาสติล่องลอยก็ลากริมฝีปากขึ้นจนถึงหัวนม จากนั้นก็ดูดเบา ๆ
ทำเอาวัณณ์ฎาเสียวกระสันจึงเลื่อนมือไปจับศีรษะของลออแล้วครางเสียงกระเส่า
“ซี้ด อ่า~” ในเวลาที่ร่างสูงนอนให้คนเมาดูดเลียหัวนมอย่างเพลิดเพลินจนท่อนลำแข็งขืน สติสตังหลุดลอยไปไกลจู่ ๆ เธอก็หยุดชะงักแล้วเอ่ยถามคล้ายละเมอ
“พกข้าวหลามมาเผากินด้วยเหรอ?”
“ข้าวหลามอะไร?”
“ก็ที่ชนก้นอยู่นี่ไง ไม่ใช่ข้าวหลามเหรอ”
“...” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป กระทั่งรับรู้ถึงมือเล็กกำลังจะสอดเข้าไปในกางเกง จึงรีบจับมือลออไว้แล้วเอ่ยถามด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว
“ทำอะไร?”
“อยากกินข้าวหลาม ขอกินหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้”
“หวงเหรอ” พูดจบลออก็สะบัดมือที่โดนจับกุม ก่อนจะเลื่อนมือไปจับกางเกงขายาวอีกคนแล้วเตรียมดึงลง ทว่าโดนวัณณ์ฎาจับพร้อมกับเอ่ยห้าม
“ลอออย่าดึง” แต่คนเมาก็ยังคงดื้อรั้นกระทั่งร่างสูงพลาดท่าเสียที เมื่อมือจับยังขอบกางเกงอีกครั้งก็ไม่รอช้า จัดการดึงกางเกงอีกคนพร้อมกับ กางเกงในสีขาวสะอาดลงจนสำเร็จ ทำให้ท่อนเอ็นลำใหญ่ที่แข็งขืนผงาดออก ก่อนที่มือเล็กจะเลื่อนไปจับ ทำเอาร่างสูงครางกระเส่า
“อ่า~” ท่อนเอ็นลำใหญ่กระตุกสู้มือนุ่มนิ่มไม่หยุด ขณะตาคมมองร่างเล็กที่พูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ไม่แปลกที่หวง บ้องข้าวหลามใหญ่ขนาดนี้ ขอกินหน่อยนะ” สิ้นเสียงออดอ้อนอีกทั้งดวงตาหวานที่มอง ทำเอาวัณณ์ฎาสุดจะทนจึงเอ่ยถามลออด้วยใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม
“อยากกินเหรอ?”
“ใช่”
“งั้นก็ตามสบาย”
พูดจบมือหนาก็เลื่อนไปวางยังศีรษะเล็ก ดวงตามองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะกดศีรษะเล็กลงจนส่วนหัวสัมผัสโดนปากอิ่มอวบ คนเมาไร้สติจึงอ้าปากรับ
“อ่า” จากนั้นก็เลียท่อนเอ็นลำใหญ่พร้อมกับดูดกินอย่างเอร็ดอร่อย คล้ายกับว่ามันคือของหวานชิ้นโปรด ส่วนร่างสูงนอนให้เธอปรนเปรอด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ยิ่งปากนุ่มนิ่มดูดท่อนเอ็นเขาแรง ๆ ลิ้นชื้นละเลงอย่างเร่าร้อนก็ทำเอาเสียวกระสัน ดวงตามองใบหน้าจิ้มลิ้มไม่ละไปไหน ก่อนจะยกยิ้มด้วยความชอบใจ เมื่อเห็นเธอมีความสุขกับการกินข้าวหลาม
“อื้อ อร่อย”
“ซี้ด~ อร่อยก็อมลึก ๆ แล้วดูดแรง ๆ”
ปากเล็กทั้งอมและดูดสิ่งที่อยู่ด้านหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะยัดมันเข้าไปในปากเกือบหมดลำคอ แล้วผงกหัวขึ้นลงถี่ ๆ ทำเอาร่างสูงเกร็งไปทั้งตัว เมื่อความเสียวไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ วัณณ์ฎาจึงขบกรามแน่นแล้วกดศีรษะของลออลงอีก ทำเอาร่างเล็กหายใจไม่สะดวก จะขยับหน้าออกก็ไม่ได้จึงดูดสิ่งนั้นแรง ๆ
เมื่อปากนุ่มนิ่มเสียดสีกับเอ็นระรัว ก็ทำเอาวัณณ์ฎาสุดจะทนกดศีรษะลออค้างไว้ แล้วกระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปในปากของเธอ พร้อมกับครางเสียงกระเส่า
“อ่า~” ขณะดวงตามองลออที่กำลังดูดท่อนเอ็นของเขาด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจ ไม่นานลออก็ขยับหน้าขึ้นแล้วใช้เสื้อของเธอเช็ดคราบน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะมุมปาก ก่อนจะเอ่ยบอกวัณณ์ฎาด้วยน้ำเสียงยาน ๆ ขณะดวงตาสองคู่แทบลืมไม่ขึ้น
“อร่อยจัง ขอกินอีกได้ไหม”
พูดจบลออก็โน้มใบหน้าลงไปหาวัณณ์ฎา ก่อนจะฟุบหลับบนตัวเขาอย่างหมดสภาพ วัณณ์ฎาเห็นเช่นนั้นก็หลุดยิ้มด้วยความเอ็นดูลออไม่น้อย ขณะในหัวคิดไม่ตกว่าพรุ่งนี้ตื่นมาเธอจะจำเรื่องทั้งหมดที่ทำในคืนนี้ได้ไหม
ในขณะที่วัณณ์ฎาตกอยู่ในภวังค์ความคิด พอได้ยินเสียงรถกำลังวิ่งตรงมาที่นี่จึงรีบจับลออนอนลงยังเสื่อ แล้วจัดการดึงกางเกงขึ้นสวมใส่ให้เรียบร้อย พอเห็นปืนกับนะขับรถมาถึงพอดี ตนจึงหันไปมองคนที่นอนหลับหมดสภาพอยู่บนเสื่อ จากนั้นก็ดันตัวลุกขึ้นแล้วแบกลออขึ้นหลัง ก่อนจะพาเธอเดินกลับบ้าน
ทางด้านปืนเมื่อเห็นวัณณ์ฎาแบกลออขึ้นบ่าเดินมายังตน จึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
“มึงจะพาลออไปไหน?”
“กลับบ้าน”
“เดินไปเหรอ”
“ใช่” แทบไม่อยากเชื่อหูว่าเพื่อนคิดจะทำแบบนี้จริง ๆ เนื่องจากระยะทางมันไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย จึงเสนอตัวออกไปด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น
“เดี๋ยวกูไปส่งน้องลออเอง”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปส่งเอง” ในเมื่ออีกคนยืนยันที่จะไปส่ง ตัวเขาก็ไม่คิดจะขัด ปืนจึงเอ่ยแซววัณณ์ฎาออกไป
“ให้ถึงบ้านน้องลออนะมึง” พูดจบปืนก็หันไปทางนะที่ยืนฟังเงียบ ๆ
“ไปบักนะ ไปจ้วดต่อเฮา” (ไปไอ้นะ ไปดื่มกันต่อเรา)
“จัดไปครับหัวหน้า” จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังกองไฟเพื่อดื่มเหล้าที่เหลือต่อ ส่วนวัณณ์ฎาก็พาลออเดินกลับบ้าน...
หลังจากวัณณ์ฎาพาลออเดินผ่านไร่นาของชาวบ้าน ท่ามกลางแสงสว่างของพระจันทร์จนขาลาก ไม่นานก็ถึงบ้านของเขา ทำเอาหมดเรี่ยวแรง จากนั้นก็พาลออขึ้นไปบนบ้านเดินตรงไปยังห้องนอน ก่อนจะวางเธอลงยังเตียงของตัวเอง
แล้วถอนหายใจอย่างหมดสภาพ...
“เฮ้อ~”
ขณะตาคมกริบมองคนที่หลับพริ้มไม่ละไปไหน ก่อนจะระบายยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มือหนาเลื่อนมือไปลูบใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างหลงใหล ความรู้สึกเต็มไปด้วยความรักใคร่และเอ็นดู ทั้งที่พยายามหักห้ามความรู้สึกไม่ให้ชอบเธอ เพราะรู้ว่าเธอเข้าหาเขาด้วยผลประโยชน์
แต่ก็ไม่อาจทำได้จริง ๆ ...
“ฟู่ว~” วัณณ์ฎาพ่นลมหายใจกับความรู้สึกของตัวเองที่ไม่รักดี ใจง่ายจนแพ้เธอราบคาบ เพียงแค่เธอมาทำน่ารักใส่ ก่อนจะโน้มลงไปแอบหอมแก้มนุ่มนิ่ม จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบหมอนแล้วขยับไปนอนที่พื้นข้างล่างเตียง เนื่องจากร่างกายเหนื่อยล้าจนไม่สามารถไปส่งลออที่บ้านได้ อีกอย่างก็ไม่รู้จะบอกพ่อของเธอว่ายังไง จึงเลือกให้เธอนอนที่บ้านของเขาในคืนนี้แทน...
อีกฝั่งหนึ่งขณะนั่งดื่มเหล้าในมุ้งบนเถียงนา เนื่องจากเริ่มเมาได้ที่ หากเหล้าหมดจะได้ล้มตัวนอนเลย ปืนกับนะนั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยมีผ้าห่มผืนหนาที่หอบมาด้วยคลุมศีรษะและลำตัว เนื่องจากอากาศในตอนนี้ค่อนข้างหนาว
กระทั่งเหล้าหมดทั้งสองก็ทิ้งตัวนอนลงบนเสื่อ จากนั้นนะก็หันไปเอ่ยถามปืนที่กำลังจะเคลิ้มหลับ
“อ้ายปืนฟังวิทยุบ่นิ” (พี่ปืนฟังวิทยุไหม)
“บ่” (ไม่)
“จังซั่นข่อยเปิดรายการฟังเด้อ” (ถ้ายังไงฉันเปิดรายการฟังนะ)
“เออ” สิ้นเสียงอนุญาต นะก็หยิบวิทยุมาจูนไปยังคลื่นรายการผีที่มีคนโทรมาเล่าเรื่องสยองขวัญให้ฟัง จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับลงเมื่อได้ยินเสียงกล่อม ซึ่งต่างจากอีกคนที่ตาเบิกกว้างทั้งยังใสแจ๋วเมื่อได้ยินเรื่องเล่าสยองขวัญ
ก่อนจะหันไปมองรุ่นน้องพร้อมกับด่ามันในใจ...
บักห่านี่จักแม่มันเปิดหยังฟัง… (ไอ้ห่านี่ไม่รู้มันเปิดห่าอะไรฟัง)
จากนั้นก็หันหน้ากลับมาที่เดิม แล้วกลอกสายตามองไปรอบข้างเถียงนาด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว เมื่อสมองจินตนาการในสิ่งที่ได้ยิน เวลาผ่านไปนานหลายนาทีกระทั่งปืนทนไม่ไหว จึงหันไปมองนะที่นอนกรนเสียงดังอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเลื่อนมือไปหยิบวิทยุมาปิด
ทว่า...
“อ้ายปืนปิดเฮ็ดหยัง ข่อยกะลังสิเคลิ้มหลับเลย” (พี่ปืนปิดทำไม ฉันกำลังจะเคลิ้มหลับเลย)
“แล้วมึงเปิดหยังฟัง” (แล้วมึงเปิดอะไรฟัง)
“รายการผีเด้ะ เป็นหยังอ้ายย่านติ” (รายการผีไง ทำไมพี่กลัวเหรอ)
“…” คนตัวสูงใบหน้าหล่อเหลาผิวคล้ำแดด ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบกลับไปทันควัน รุ่นน้องจึงพูดขึ้น
“ผู้ช่วยสัปเหร่ออีหยังวะคือย่านผี” (ผู้ช่วยสัปเหร่ออะไรวะกลัวผี)
“ย่านพ่อมึงติ กูบ่ได้ย่าน แต่กูรำคาญหู” (กลัวพ่อมึงเหรอ กูไม่ได้กลัว แต่กูรำคาญหู)
“จังซั่นเดี๋ยวข่อยเปิดค่อย ๆ เด้อ” (ถ้างั้นเดี๋ยวฉันเปิดเบา ๆ นะ)
“แล้วแต่มึง”
เมื่อเรื่องเล่าชวนหลอนกลับมาอีกครั้ง ปืนก็กลับมาหัวใจเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะเช่นเดิม สมองเริ่มคิดจินตนาการตามสิ่งที่ได้ยิน
กระทั่งไม่อาจทน ปืนจึงดันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะคว้าโทรศัพท์และหูฟังมาเปิดเพลงจนสุดเสียง เพื่อกลบรายการวิทยุที่รุ่นน้องเปิด จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง กว่าจะหลับก็เล่นเอาเกือบเช้า...