เวลาต่อมา_
"ถ้ามีตรงไหนสงสัยโทรมาถามผมโดยตรงได้เลยนะครับ แต่ยังไงก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณณิชาล่วงหน้าก่อน" ทนายอาวุโสบอก เมื่อทราบว่าเจ้านายกับหญิงสาวตรงหน้ากำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ แม้จะไม่มีท่าทีหวานชื่นแสดงออกถึงความดีใจอะไรเลย แล้วในที่สำนักงานก็ไม่มีใครทราบเรื่องงานแต่งนี้มาก่อน
"ขอบคุณมากๆ นะคะ" เสียงหวานบอก เธอได้คำแนะนำมากมายจากผู้ใหญ่ตรงหน้า แล้วยังรู้มาอีกว่าไตรภูมิสามารถแนะนำเธอได้ดีกว่าทนายคนนี้อีก..แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ
"ไม่เป็นไรเลยครับ ยังไงคงได้เจอหน้ากันบ่อยมากขึ้นแล้วล่ะครับ"
"งั้นณิฝากด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรเลยครับ งั้นผมต้องขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ"
"ค่ะ" ร่างอรชรจะลุกขึ้นมาส่งผู้ใหญ่ตามมารยาท แต่เลขาหน้าห้องทำงานเข้ามารับเสียก่อน ทิ้งให้เธอต้องนั่งอยู่กับไตรภูมิแบบไม่อยากจะมองหน้าสักเท่าไหร่
"รออีกชั่วโมงนึง พี่มีคุยงานต่อถ้าเสร็จแล้วค่อยไปกินข้าวที่บ้านกัน" ร่างสูงดีดตัวลุกไปยังโต๊ะประจำตำแหน่ง
"ณิขับรถมาเองค่ะ นัดคุณแม่ไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมคุณพ่อ"
"เธอขัดคำสั่งพี่ได้ด้วยงั้นเหรอ?" เสี้ยวหน้าหล่อเอียงมอง ถึงจะก้มลงสนใจข้อมูลต่างๆ ที่เลขานำมาวางไว้
"ลืมไปเลยค่ะ ณิตัดสินใจอะไรเองไม่ได้อยู่แล้ว" ร่างอรชรส่งเสียงประชดประชัน เอนตัวพิงพนักเบาะโซฟาหยิบเอาเอกสารที่บริษัทเธอกำลังจะโดนฟ้องล้มละลายมาอ่าน
"รู้แล้วก็เจียมตัวหน่อย หนีไปไหนไม่รอดก็อย่ามีปัญหา"
"ขอบคุณพี่ไตรนะคะที่ชี้ทางออกให้ณิ คงจะต้องเกาะพี่ไตรไปอีกนานเลย..อดทนรำคาญหน่อยนะคะ" ระหว่างนั้นก็ยังไม่มีใครมองหน้ากัน เพราะรู้ดีถ้อยคำของแต่ละฝ่ายต่างประชดเหน็บแนม
แต่จู่จู่เธอร้อนวูบวาบคั่นเนื้อคั่นตัวไปซะหมด โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อยปวดหน่วง เลยให้ศรีษะเล็กค่อยๆ พิงขอบพนักโซฟาแทน เผื่อว่ามันจะช่วยให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้นมาบ้างสักนิดก็ยังดี
"หลังจากงานแต่งก็ย้ายของไปอยู่บ้านพี่ด้วยล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าพี่เลี้ยงเมียตัวเองไม่ได้"
"ณิมีงานทำค่ะ ไม่ชอบขอเงินใครใช้ แล้วที่สำคัญ..ณิจะไม่ปล่อยให้เรามีพันธะต่อกันเด็ดขาด เผื่อวันไหนพี่ไตรอยากจะหย่าขึ้นมาจะได้จบกันง่ายๆ " เสียงใสบอก
ทำไมเธอถึงรู้สึกปวดศรีษะกับท้องน้อยอย่างหนัก จนมันทำให้นึกถึงการกระทำหื่นกระหายของไตรภูมิ ที่่ไม่ได้เห็นใจเธอบ้างเลย คงจะนึกว่าเธอเป็นสิ่งของที่จะทำยังไงใส่ก็ได้งั้นเหรอ
"พี่ก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว คุมให้ดีล่ะกันเผื่อเธออยากจะไปแต่งงานกับใครใหม่ ก็อย่าเพิ่งเลือกเหยื่อไว้ล่ะแล้วยิ่งถ้าเป็นไอตรีล่ะก็..คงต้องรอพี่ตายก่อน"
"ณิจะรอแล้วกันนะคะ" สองมือบางรีบยกกุมท้องน้อย เธอกำลังรับรู้ว่ามีบางอย่างไหลออกจากร่องกลางกายสาว จนอาการปวดเริ่มรบกวนสายตา ทำให้มองพร่าเบลอไปหมด
"ยังไงก็รอเก้อ"
ตุ๊บ~ แฟ้มเอกสารหล่นจากมือบางลงพื้นเสียงดัง
"พี่ไตร..." เสียงใสเอ่ยเรียกเบา แต่ว่าภาพที่เห็นมันดับมืดสนิทจน..
"เป็นอะไรไป?" ร่างสูงรีบลุกมาสำรวจคนตัวเล็ก ที่จู่จู่ก็มีอาการไม่สู้ดีขึ้นมาอย่างกระทันหัน จะว่าเสแสร้งก็ไม่ได้ ใบหน้าสวยซีดเผือดผิดกับเวลาที่อวดดีเมื่อกี้เลย
"ณิปวดท้องยังไงก็ไม่รู้"
"ตรงช่วงไหน"
"...." นิ้วชี้เรียวเล้กทำได้จิ้มบอกในช่วงระหว่างท้องน้อยกับมดลูก
"ลุกไหวหรือเปล่า"
"ณิว่าณิควรนอน..." แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ร่างสูงก็ช้อนอุ้มขึ้นมาเสียก่อน
"ก่อนจะตายก็ควรบอกกล่าวกันหน่อย" ไตรภูมิตำหนิใส่ รีบอุ้มเอาคนอ่อนแอมาไว้ในรถยนต์ โดยมีเลขาสาวคอยช่วยอยู่
"จัดการงานที่เหลือต่อให้หน่อย" ร่างสูงเลยก้าวขาขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับรถเอง เสียบกุญแจเหยียบคันเร่งรวดเร็ว
"ได้ค่ะคุณไตรภูมิ"
โรงพยาบาลชื่อดัง_
"ตัวคนไข้เองค่อนข้างอ่อนแอพอสมควรนะคะ แล้วไหนจะช่วงล่างของเธออีก ควรจะต้องพักเรื่องบนเตียงไปก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะมีอาการหนักกว่านี้อีกก็ได้ค่ะ" แพทย์หญิงเอ่ยบอก เมื่ออยู่ในห้องพักผู้ป่วยแล้วณิชาก็นอนหลับสนิท
หากไม่ติดว่าไตรภูมินำข้อมูลมากล่าวอ้างว่าเป็นสามี คงจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนร้าย ลักลอบทำร้ายร่างกายคนบนเตียงแล้ว เพราะร่องรอยสวาทยังมีทั่วเรือนร่างอยู่เลย
"ครับ" ร่างสูงตอบกลับสั้นๆ ปล่อยให้ผู้ตรวจรักษาเดินออกไปนอกห้อง ถึงจะก้าวขายาวมามองคนบนเตียง
เขาไม่ได้คิดอะไรเธอเลยสักนิด ที่ทำไปวันนี้ก็แค่อารมณ์โกรธและโมโหเท่านั้น ที่อยากจะสั่งสอนผู้หญิงนิสัยเสียอย่างณิชาเอง
"ตื่นมาก็หัดว่าง่ายๆ หน่อย" ระหว่างนั้นร่างสูงเลยนั่งทิ้งกายบนเก้าอี้ข้างเตียงแทน หยิบเอาโทรศัพท์มือถือของณิชามาไล่เปิดดู พบภาพหน้าจอของเธอและน้องสาวซึ่งสนิทกันมากๆ
แต่มันก็มีคำถามตามมาว่า เขาควรจะบอกเรื่องนี้ให้ครอบครัวเธอรู้หรือไม่ แล้วต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้คืออะไรก็พอรู้ดีมากๆ
"พี่ไตร..." เสียงใสเอ่ยแผ่วเบา ลืมตามองเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นคนใจร้ายนั่งอยู่ แล้วบรรยากาศก็เป็นสถานที่ในโรงพยาบาลมีชื่อบอกไว้
"ทำไมไม่นอนต่อ?" หมอเพิ่งจะแจ้งไปเองว่ามีฤทธิ์ของยานอนหลับผสมอยู่ ร่างกายณิชาอ่อนแอมากควรจะพักผ่อนให้นานที่สุด แต่เธอตื่นมาตอนนี้ได้ยังไง
"ณิลืมไปว่านัดกับแม่ไว้ ต้องโทรบอกก่อน"
"นี่เธอจะลุกมาเพราะเรื่องแค่นี้เองหรอกเหรอ เดี๋ยวพี่โทรไปให้เองก็ได้ไหม?" ว่าจบมือหนาเลยหยิบโทรศัพท์ราคาของตัวเองขึ้นมา เหลือเชื่อกับความคิดของณิชาจริงๆ ไม่ได้ห่วงสุขภาพบ้างเลย
"อย่าบอกแม่นะคะว่าณินอนโรงพยาบาล กลัวคุณพ่อจะคิดมากอีก" มือบางเลื่อนมือกำข้อมือหนาขอร้อง
"เดี๋ยวบอกว่าไปนอนที่ทำงานพี่แล้วกัน ไอตรีจะได้ไม่เสือกมายุ่งเรื่องนี้อีก" สายตาคู่คมเหลือบมองมือบางยังกำข้อมือหนาอีกข้างไม่ปล่อย เหมือนกับว่าเด็กน้อยกลัวบางอย่าง ต้องจับผู้ใหญ่ให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว
"ว่าแต่หมอบอกณิเป็นอะไร?"
"ร่างกายอ่อนแอ" เสียงเข้มตอบราบเรียบ แล้วดีดตัวลุกขึ้นทำให้มือบางข้างนั้นมันหล่นลงบนเตียง
"แค่นั้นเองเหรอ..." เปลือกตาบางเลยเลื่อนปิด เมื่อหมดความกังวลแล้ว ไหนๆ ไตรภูมิก็บอกให้ทางบ้านเธอสบายใจ จนร่างอรชรกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกรอบ ไม่ลืมจะดึงเอาผ้าห่มคลุมร่างกายรับความอบอุ่น
ร่างสูงเมื่อคุยสายสนทนาเสร็จ เลยเลือกจะเดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วเลื่อนประตูออกระเบียบปิด ไม่ให้ลมเย็นๆ ยามค่ำคืนพัดเข้ามารบกวน
"....." เขาไม่มีแม้แต่คำใดจะเอ่ยพูดออกมา ตอนที่เห็นณิชานอนหลับสนิท เพิ่งเจอใบหน้าสวยเวลาหลับแบบสบายใจไร้ความเครียดกังวล จนเรียวปากบางเผลอหลุดอมยิ้มจางๆ
...............