2.บทสนทนาที่เจ็บช้ำ พร้อมกับศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำ

1705 Words
“อ๊ะ!เจษยิ้มเจ็บ อย่าทำแบบนี้” “สายไปแล้วยิ้ม แต่กูสัญญาว่ากูจะไม่ปล่อยใน ถ้ามึงครางชื่อกู” เจษจงใจกระแทกเข้าไปสุดแรง จนร่างบางเกือบล้มลงไปข้างหน้า แต่ดีที่เขากอดเอวเธอไว้แน่น ฝ่ามือหนาฟาดลงไปบนบั้นท้ายงอนของเธอจนเกิดรอยแดง ยิ้มจะขยับหนีก็หนีไม่ได้ โดนเจษสวนลำเอ็นเข้าไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเธอปล่อยเสียงครางชื่อเขาออกมาไม่หยุด “อ๊าา~เจษ~ยิ้มเจ็บ~อื้ออ~ขอร้อง ” “ร้องสิ ร้องชื่อกูให้ดังกว่านี้” “อื้ออ~เจษ~ยิ้มไม่ไหว~อ๊าาา~” เธอพยายามดิ้นขัดขืนแต่สู้แรงเขาไม่ไหว เธอโดนเขากระแทกนานนับครึ่งชั่วโมง จนเรี่ยวแรงแทบยั้งไว้ไม่ไหว ก่อนที่เธอกับเจษจะถึงปลายทางก็ร้องครางออกมาเสียงดังพร้อมกัน เจษรีบดึงลำเอ็นออกมาชักรูดไปสองสามที ก่อนที่น้ำกามสีขาวขุ่นจะฉีดลงบนบั้นท้ายเธอ ร่างบางล้มตัวนอนลงกับเตียง เขารีบหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดคราบให้เธอ ก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆ ร่างบางยังไม่ทันหายใจเต็มปอด ก็โดนคนตัวโตกว่าจับขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเขา “ขย่มใก้กูหน่อยสิหนูยิ้ม มึงแม่งยั่วกูดีนักต้องสั่งสอนให้เข็ด” หนูยิ้มส่ายหน้าไม่ยอมขยับจนเจษุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง มองคนบนร่างที่ไม่ยอมขยับเขาจึงดึงเธอเข้ามากอด กดจมูกลงซอกคอขาว ใช้ฟันงับเบาๆออกแรงดูดจนเกิดรอยแดง หนูยิ้มพยายามดันเขาออกแต่ยิ่งดันเขายิ่งกัดเธอแรงมากขึ้น จนร่างเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความแข็งขืนเริ่มดุนดันช่วงล่างเธอขึ้นมา “ขย่มสิหนูยิ้ม เมื่อกี้มึงยังครางชื่อกูไม่หยุดเลยนะ ชอบไม่ใช่หรอแย่งแฟนเพื่อน” “ไม่!ยิ้มไม่ได้อยากแย่งแพรวนะ” “ไม่ได้อยากแย่งแต่มึงกำลังเอากับกูอยู่นะหนูยิ้ม หรือว่ากูควรจะบอกเรื่องนี้กับแพรวดีว่าเรามีอะไรกันแล้ว /อย่านะ ยิ้มจะทำก็ได้” เธอก้มหน้าตอบเบาๆ “ทำอะไร? เขาแสร้งทำเป็นถามแต่หนูยิ้มรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร “......” “ว่ายังไงหนูยิ้ม?” “ยิ้ม..จะขย่มให้ก็ได้ แต่อย่าบอกแพรวนะ ยิ้มขอร้อง” “ก็ต้องดูก่อนว่ามึงจะทำให้กูถึงใจมั้ย ถ้าไม่ถึงใจกูคงต้องพิจารณาใหม่” “อย่านะเจษ รุ้งจะทำให้เจษจนกว่าเจษจะพอใจ” “หึ~งั้นก็เริ่มขย่มสิ อยากรู้จังว่าผู้หญิงแบบมึงจะเร้าใจกูได้แค่ไหน” ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในห้องเงียบงัน หนูยิ้มสะดุ้งตื่นขึ้นมา พลันพบว่าตัวเองเปลือยกายอยู่บนเตียงกว้าง ร่างข้างๆคือเจษที่นอนหันหลังให้ หัวใจเธอร่วงลงไปกองกับพื้นทันที ความทรงจำพร่าเลือนเมื่อคืนไหลย้อนกลับมา น้ำตารื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ไม่นะ… มันต้องไม่ใช่…” เธอพึมพำเบาๆ มือสั่นระริกคว้าผ้าห่มมาคลุมร่าง ทันทีที่เจษพลิกกายลืมตา แววตาคมก็ฉายชัดถึงความโกรธเกลียด เขาลุกพรวดขึ้นนั่งมองเธอด้วยสายตาเหมือนมองสิ่งสกปรก “เมื่อคืนมึงทำอะไรลงไป รู้ตัวบ้างไหมหนูยิ้ม?” เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้น หนูยิ้มรีบส่ายหน้า “ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ เราเมากันทั้งคู่” “อุบัติเหตุเหรอ?” เจษหัวเราะหยันดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก “กูว่าที่จริงมึงตั้งใจยั่วกู ผู้หญิงแบบมึงมันก็ไม่ต่างจากพวกที่ชอบแย่งของของคนอื่นหรอก!” คำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางอก หนูยิ้มเม้มปาก แน่นน้ำตาคลอเบ้า “อย่าพูดแบบนั้น ฉันรักแพรว…ฉันไม่อยากทำร้ายเพื่อนตัวเอง” “รักเหรอ?” เจษตวาดเสียงดัง “ถ้ารักเพื่อนจริง มึงคงไม่เอาตัวเองมาให้กูเอาง่ายๆ แบบเมื่อคืนหรอก เหมือนกับผู้หญิงขาย...” หนูยิ้มหน้าชาน้ำตาไหลอาบแก้ม “ฉันไม่ได้ขายตัวนะ!” เธอร้องแย้งทั้งที่เสียงเริ่มสั่น “ฉันผิดที่เมา…ผิดที่อ่อนแอ แต่ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น” “โกหก!” เจษคำราม “ยิ้มมึงมันก็แค่ผู้หญิงร่าน อยากให้กูติดใจใช่ไหม? คิดว่ามีอะไรกันแล้วกูจะเลิกกับแพรว แล้วหันมาคบกับมึงงั้นสิ” “ไม่! ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะเจษ” “มึงอย่ามาทำเป็นใสซื่อหน่อยเลยยิ้ม กูดูออกว่าผู้หญิงอย่างมึงมันก็แค่ทำตัวเรียบร้อยต่อหน้าเพื่อน แต่ลับหลังกลับอยากจะขึ้นเตียงกับแฟนเพื่อนตัวเอง!” คำพูดแต่ละคำเสียดแทงราวกับตบหน้าเธอซ้ำๆ หนูยิ้มสั่นไปทั้งตัว “พอเถอะ…อย่าพูดอะไรแบบนั้นอีกเลย” เจษหัวเราะเย็นชา “ทำไมรับไม่ได้เหรอ? มึงควรจะชินสิ เพราะจากนี้ไปทุกครั้งที่กูเห็นหน้มึง กูจะไม่ลืมว่ามึงเป็นผู้หญิงร่านแค่ไหน” ความเจ็บที่ไม่มีทางลบออกจากใจได้ หนูยิ้มรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมทั้งน้ำตา เสียงสะอื้นหลุดออกมาไม่หยุด เธอหันกลับไปมองเจษเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจและสิ้นหวัง “ฉันขอโทษ…แต่ได้โปรดอย่าบอกแพรวเลย ฉันยอมถูกนายเกลียดไปตลอดชีวิตก็ได้” เจษจ้องเธอด้วยสายตาแข็งกระด้าง “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่มีวันเล่าให้แพรวฟังอยู่แล้ว เพราะฉันไม่อยากให้เธอต้องมารู้ว่ามีเพื่อนสกปรกอย่างเธอ!” ประโยคนั้นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่กดหัวใจหนูยิ้มให้จมดิ่ง เธอสะอึกสะอื้นออกจากห้องไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่อัดแน่นด้วยความเกลียดชัง ทั้งๆที่เขาเองก็มีส่วนผิดแต่...กลับยัดเยียดความผิดให้เธอคนเดียว เจษกำหมัดแน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองปนสับสน เขาเกลียดเธอแต่ทำไมถึงยังนึกถึงสัมผัสเมื่อคืนได้อย่างชัดเจน @ห้องหนูยิ้ม ในห้องเงียบ หนูยิ้มทิ้งตัวลงร้องไห้บนเตียงของตัวเอง เธอสาบานกับหัวใจว่าจะเก็บความลับนี้ไว่จนวันตาย ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยน้ำตาและศักดิ์ศรีเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงคือ… ทุกครั้งที่เธอกับเจษสบตากัน ความทรงจำอันเลวร้ายนี้จะย้อนกลับมาทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช้าวันจันทร์ในรั้วมหาวิทยาลัย แสงแดดอุ่นส่องลอดกิ่งไม้ลงมา แต่ในหัวใจของหนูยิ้มกลับเย็นชืด เหมือนกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพายุฝน เธอเดินช้าๆตามถนนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยนักศึกษาที่กำลังมุ่งหน้าไปเรียน สองคืนแล้วที่เธอไม่ได้นอนเต็มตา ภาพจากคืนนั้นยังวนเวียนหลอกหลอน เธอเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้ความอ่อนแอพาไปสู่สิ่งเลวร้ายที่สุด และเกลียดสายตาดูถูกของ เจษ ที่ยังติดตา แต่ไม่ว่าอย่างไร… วันนี้ก็หนีไม่พ้น 'แพรว'เพื่อนรักที่เธอสาบานว่าจะไม่มีวันหักหลัง กำลังนั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับเจษและเพื่อนๆอีกสองสามคน รอยยิ้มสดใสของแพรวโบกมือเรียกทันทีที่เห็นหนูยิ้ม “ยิ้ม! มานี่สิ นั่งด้วยกัน” เสียงเพื่อนสาวเต็มไปด้วยความเป็นมิตร แต่หัวใจของหนูยิ้มกลับบีบรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก เธอฝืนยกยิ้มเดินเข้าไปนั่งข้างแพรว แต่สายตาคมกริบของเจษกลับจับจ้องมาอย่างเย็นชา ราวกับกำลังมองสิ่งที่เขารังเกียจที่สุด “ไปทำอะไรมา หน้าตาโทรมเชียว” แพรวเอ่ยถามด้วยความห่วงใย หนูยิ้มยังไม่ทันตอบ เสียงทุ้มของเจษก็ดังขึ้นก่อน ราบเรียบแต่เต็มไปด้วยการดูแคลน “ก็คงมัวแต่เที่ยวกลางคืนล่ะสิ ถึงได้มีสภาพแบบนี้ ดูก็รู้ผู้หญิงประเภทนี้ไม่รู้จักคำว่าพอดีหรอก” ทั้งโต๊ะเงียบไปชั่วขณะ แพรวขมวดคิ้วหันไปดุแฟนหนุ่มทันที “เจษ! พูดอะไรแบบนั้นกับยิ้ม เขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะ” เจษหัวเราะหยัน สายตาไม่ละไปจากหนูยิ้ม “ไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่เห็นว่ามันจะต่างตรงไหนเลย” หนูยิ้มเม้มปากแน่น เธอรู้ว่าเขากำลังจงใจย้ำเตือนถึงเรื่องคืนนั้น แต่ต่อหน้าคนอื่นมันกลับกลายเป็นเพียงคำพูดแดกดันเหมือนที่เขาเคยทำมาตลอด “ฉันไม่ได้เที่ยวกลางคืนนะ” เธอพยายามตอบเสียงสั่นๆ “ก็แค่…อ่านหนังสือดึกไปหน่อย” เจษเลิกคิ้ว แค่นหัวเราะเย้ยหยัน “อ้อเหรอ? หรือว่าไปอ่านหนังสืออยู่บนเตียงผู้ชายคนไหนล่ะ?” คำพูดนั้นฟาดเข้ากลางใจเหมือนฟ้าผ่า หนูยิ้มชะงัก หัวใจเต้นแรงจนแทบหยุดหายใจ “เจษ!” แพรวตวาดเสียงดัง “พูดให้มันคิดบ้างสิ! นี่มันเพื่อนฉันนะ” เจษยกไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่แววตาที่หันมามองหนูยิ้มเต็มไปด้วยความสะใจปนเกลียดชัง แล้วแบบนี้จะให้เธอกล้าแย่งแฟนเพื่อนได้ยังไง ทั้งๆที่แพรวดีกับเธอแบบนี้ดีจนเธอเจ็บไปหมด “ก็แค่พูดตามที่เห็นนั่นแหละแพรว บางคนหน้าตาดูใส ๆ แต่ใครจะรู้ว่าลับหลังจะเป็นยังไง ผู้ชายคนไหนก็ไม่เว้นหรอก ถ้ามีโอกาส” หนูยิ้มกัดฟันแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้าคนอื่น เธอรู้ว่าเจษกำลังหมายถึงอะไร แต่ก็ทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ รับคำด่าประจานโดยไม่อาจโต้เถียงเขากลับ “พอแล้วเจษ!” 'วิท'เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยแทรก “มึงพูดแรงไปนะไอ้เจษ หนูยิ้มเขาเสียหายหมด” เจษหัวเราะเบาๆ เอามือพาดพนักเก้าอี้อย่างไม่ทุกข์ร้อน “ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนแก้ตัวนี่ว่ามั้ยหนูยิ้ม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD