"แล้วทำไมช่วงนี้พี่ถึงไม่มาหานิ้งเลย เอาแต่คลุกตัวอยู่กับอีเฉิ่มแฟนของพี่ ฮือ~นิ้งน้อยใจนะคะ"
"ความสัมพันธ์ของเธอกับฉันมันอยู่แค่บนเตียง แล้วฉันเคยบอกว่ายังไง..ห้ามล้ำเส้น! เธอกล้าดียังไงมายุ่งกับแฟนของฉัน บ้าไปแล้วหรือไงฮะ"
"นิ้งจะไม่ทำอีกแล้วค่ะพี่ดราฟ ฮื้อออ~"
"ตั้งแต่วันนี้ระหว่างเธอกับฉันเราจบกัน ถ้าเธอยังตอแยวุ่นวายไม่เลิกอย่าหาว่าฉันไม่เตือน ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายที่แสนดีอะไร หึ"
"พี่ดราฟ! อย่าทิ้งนิ้งเลยนะคะ"
"ผู้หญิงอย่างเธอฉันหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป อย่าคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสจนทำให้ฉันหลงใหล ถ้ายังอยากเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้ก็อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก"
เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ย่อมมีการสนับสนุนจากผู้ปกครองของนักศึกษา แน่นอนว่าครอบครัวของดราฟเรียกได้ว่าเป็นผู้หนุนเกื้อกูลในอันดับต้นที่บริจาคเงินให้อย่างมาก เขาถึงมีอำนาจทุกอย่างเทียบเท่ากับผู้บริหารสถาบัน ใครก็ต่างเกรงใจ
หลายวันผ่านไป
เพราะเธอมีค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียน เมลินมึงคิดหาวิธีเพื่อจะไม่ได้ขอเงินแม่บ่อย จึงเลือกส่งโปรไฟล์หางาน part time ช่วงเย็นจน กระทั่งได้สอบสัมภาษณ์และผ่านเป็นพนักงาน ร้านเบเกอรี่ ทุกอย่างไปได้ด้วยดี ตัวเล็กทำงานที่ได้รับมอบหมายตามปกติ แถมยังคุ้นเคยสนิทสนมกับหัวหน้างานชื่อว่า พี่องุ่น
"เลิกงานแล้วพี่กลับยังไงคะ" เมลินถามเสียงใส
"เดี๋ยวแฟนพี่มารอรับอยู่หน้าห้าง"
"ว่าแล้วเชียวคนสวยอย่างพี่องุ่นต้องมีแฟน"
"เขาอายุน้อยกว่าพี่นะ เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3"
"อุ้ยยย มีแฟนเด็กด้วย ฮ่าๆ"
เมลินเข้ากับผู้คนได้ดีเพราะมีเพื่อนสนิทอย่างนานะคอยพาไปพบปะผู้คนจึงมีความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย สักพักหัวหน้างานอย่างองุ่นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอวดภาพโปรไฟล์คู่รักซึ่งเป็นแฟนตัวเอง
ทันทีที่ได้เห็นเมลินตกใจจนแน่นิ่ง รูปคู่แสนหวานผู้ชายที่อายุน้อยกว่าซึ่งเป็นแฟนหนุ่มคือ ทิม เพื่อนสนิทของแฟนตัวเอง
หลังจากพี่องุ่นกลับไป ภายในใจตัวเล็กร้อนรนอย่างมากสบถพึมพำ 'พี่ทิมมีแฟนอยู่แล้ว ทำไมต้องจีบนานะด้วยเนี่ย?!นี่มันอะไรกัน'
วันศุกร์
คาบเรียนตอนเช้า เมลินตัดสินใจถามถึงเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนว่ายังคบกับรุ่นพี่ทิมอยู่ไหม..นานะตอบกลับว่าคบปกติ ไปดูหนังกินข้าว ไปนอนเล่นที่คอนโด ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดความจริงที่รับรู้ อาจารย์ก็เข้ามาสอนเสียก่อน
ตอนบ่ายจะพูดคุยแต่นานะก็มีถ่ายงานเพราะมีสินค้าจ้าง จึงปลีกตัวออกไป สุดท้ายก็ไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ เมลินแกล้งหลอกถามดราฟเรื่องเพื่อนสนิทอย่างทิม แต่เขาก็ตอบกลับอย่างไม่มีพิรุธใด จึงจำเป็นต้องเก็บความอึดอัดนี้เอาไว้ภายในใจเพียงลำพัง
วันต่อมา
เมลิน ตัดสินใจพูดคุยกับผู้เป็นแม่แต่แสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเป็นแค่เรื่องสมมติเพราะอยากฟังความคิดเห็น
"ให้เป็นเรื่องของสองคนนั้นเถอะ เพราะถ้าเราไปยุ่งเกี่ยวคนที่จะกลายเป็นตัวปัญหาคือเรา" แม่ตอบ
"แต่แบบนี้คนที่รู้ก็ต้องอึดอัด แถมรู้สึกผิด"
"อย่าลืมนะว่าคนเราร้อยพ่อพันแม่ บางคนก็ไม่ชอบให้ตักเตือนหรือตำหนิ เราคอยเฝ้ามองห่างๆ ดูสถานการณ์ก่อนจะดีกว่า บางคนเตือนแทบตายสุดท้ายก็ไม่เชื่อฟัง เพราะคำว่ารักมันทำให้คนตาบอดได้นะ"
"ค่ะแม่"
ตัวเล็กได้แต่ถอนหายใจ สงสารเพื่อนสนิท อีกทั้งยังสงสารแฟนตัวจริงของเพื่อนดราฟอีก แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเป็นคนเฉลยความลับ..ทุกอย่างมันอาจจะแย่ลงกว่าเดิม
เวลาห้าโมง
ร้านเบเกอรี่
วันนี้พนักงานลา เมลินจึงได้ทำหน้าที่แจกใบปลิวลดราคาขนมเค้ก อีกอย่างเธอไม่ได้บอกกล่าวเรื่องทำงานพิเศษให้กับแฟนหนุ่มรับทราบ เพราะกลัวเขาเป็นห่วง
ขณะกำลังทำหน้าที่ ตาเหลือบเห็นดราฟ ยืนมองนาฬิกาตรงลานน้ำพุ สักพักก็มีสาวนักศึกษาผมสีน้ำตาลประบ่าเดินเข้ามาควงแขน 'พี่ดราฟ!' เมลินตะโกนเรียกแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน จึงรีบวิ่งตามไปติดๆ
เพล้ง!
ความไม่เราวัดระวังทำให้สะดุดก้อนหินจนล้มคะมำ แว่นตาที่สวมใส่หลุดกระเด็นกระดอน
เมื่อเหงยหน้ามองไปทางตรงเห็นเพียงเลือนลาง คล้ายกับแฟนหนุ่มโน้มตัวจูบกับสาวสวยที่ควงมา
หมับ
ทันทีที่ควานหาแว่นจนเจอจึงรีบสวมใส่เพื่อให้มองทุกอย่างชัดเจน ปรากฏว่าทั้งสองคนเดินหายปะปนฝูงชนเข้าไปในห้างสรรพสินค้าใหญ่ เมลินตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย ตอนนี้..ตัวเล็กลากร่างที่ฟกช้ำเพราะล้มกับพื้นมานั่งร้องไห้ ก่อนลางานแล้วตัดสินใจไปนั่งรอชายหนุ่มที่คอนโด
คอนโดมิเนียม สวรรค์ชั้น7
สี่ชั่วโมงผ่านไป รถหรูแล่นมาจอดใต้ตึก ชายตัวสูงก้าวขายาวเดินตรงเข้ามา เมลินพุ่งตัวไปหาหลังจากร้องไห้รออย่างเหน็ดเหนื่อย
"มาได้ยังไงเนี่ย?" ดราฟถามอย่างตกใจ
"หนูมารอพี่ตั้งนานแล้วค่ะ โทรหาก็ไม่รับ"
"สงสัยพี่ปิดระบบสั่นกับเสียงเอาไว้อีกแล้ว"
"ตอนเย็นพี่ดราฟไปไหนมาหรือคะ"
"ไม่ได้ไปไหน พี่อยู่ทำงานกลุ่มที่มหาวิทยาลัย"
"เหรอคะ ฮึกกก"
ซึ่งครั้งนี้จับได้อย่างชัดเจน..ว่าเขากำลังโกหก