ตอนที่ 5
รถเอสยูวีสีดำสนิทยกสูง ภาคินัยเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพ อัญชลิดาก้าวขึ้นรถมาก่อนที่พ่อเลี้ยงหนุ่มจะวนมานั่งในตำแหน่งคนขับ ผมยาวนุ่มสลวยของเธอเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกถึงความอ่อนหวานหลังจากที่ภาคินัยแอบสัมผัสในช่วงที่เขาเอื้อมมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเมื่อสักครู่ บรรยากาศภายในรถเงียบสงัดจนเสียงทุ้มนุ่มต้องเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบนั้น
“ผมเสียใจด้วยจริง ๆ เรื่องพี่ชายคุณ”
“ขอบคุณค่ะ แล้วอาการน้องสาวของคุณภาคินัยเป็นอย่างไรบ้างคะ” หญิงสาวถามเขาด้วยความห่วงใย
“อาการยังโคม่าอยู่เลยครับ สมองบวม หมอบอกต้องดูอาการวันต่อวัน” เขาหันมาตอบ
“คุณมีอะไรให้ผมช่วย ก็บอกมาได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” ภาคินัยกล่าวต่อ ก่อนจะหันมามองใบหน้าสวยปนเศร้าของเธอ
“ขอบคุณมากนะคะ คุณใจดีกับฉันและคุณป้ามากเลยค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง
“คุณมีพี่น้องกี่คนครับ” เขาชวนคุยต่อ เพื่อสร้างความรู้จักกับเธอ
“สองคนค่ะ พี่พีร์พี่เป็นพี่ชายคนเดียวของฉันค่ะ”
“คุณเรียกผมว่าภีมก็ได้นะครับ เรียกภาคินัยจะยาวไปนิด” เขาหันมายิ้มกว้างให้เธอ ภายใต้แว่นตาสีดำ จมูกโด่งเป็นสันช่างรับกับใบหน้าและแว่นตาของเขา เธอแอบชื่นชมลึก ๆ ในใจ!
“ค่ะ งั้นคุณภีมเรียกฉันว่า อัญก็ได้ค่ะ” เธอบอกอย่างเป็นกันเอง
“โอเคครับคุณอัญ” ภาคินัยตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“คุณรู้จักกับพี่ชายของอัญมาก่อนเหรอเปล่าคะ?” อัญชลิดาตัดสินใจถามด้วยความสงสัย เมื่อรู้สึกว่าเขาเป็นกันเองกับเธอ
“ก็พอจะเคยได้ยินน้องสาวเล่าให้ฟังบ้างนะครับ แต่ก็ไม่เคยเจอตัวจริงสักที” ภาคินัยตอบหญิงสาวอย่างพิจารณา แล้วความเงียบงันในรถก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ทำไมคุณอัญถึงเงียบไปล่ะครับ” เขาถามขึ้น อัญชลิดานึกไปถึงตอนที่เธอบังเอิญได้ยินพี่ชายคุยโทรศัพท์กับเนตรดาว วันนั้นทั้งคู่ทะเลาะกันทางโทรศัพท์ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่เหมือนได้ยินว่าเนตรดาวมีสามีอยู่แล้ว แต่อัญชลิดาก็ไม่กล้าถามภาคินัยตรง ๆ
“อ๋อ.. พอดีอัญกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ค่ะ”
“คุณเรียนจบแล้วเหรอครับ” เขาชวนคุยเพื่อสร้างความสนิทสนมต่อ
“ค่ะ อัญเพิ่งเรียนจบ แล้วก็กำลังหางานทำอยู่ด้วย” เธอตอบอย่างไม่อาย
“งั้นก็ดีเลย คุณสนใจไปทำงานในไร่มั้ยครับ”
“งานอะไรถ้ามีตอนนี้ อัญก็ทำหมดละค่ะไม่เกี่ยง ขอให้มีคนจ้าง” คุณลุงของเธอที่ป่วยติดเตียงก็ยังต้องการใช้เงินอีกมาก ยิ่งพี่ชายของเธอจากไปกะทันหันแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้รายได้หดหาย ลำพังคุณป้าที่เป็นแค่แม่บ้านของโรงแรมเงินเดือนก็ช่างน้อยเต็มที
“คุณอัญอยากไปทำงานที่ไร่องุ่นมั้ยครับ” ภาคินัยตัดสินใจเอ่ยปากชวน
“คุณภีมจะฝากงานให้อัญเหรอคะ”
“เปล่าหรอกครับ คือว่าเป็นไร่องุ่นของผมเอง” เขาบอกกับเธอตรง ๆ
“ว้าว!..คุณภีมมีไร่องุ่นด้วยเหรอคะ” เธอบอกเขาด้วยความชื่นชม
“ครับ...อยู่ที่สะเมิง”
“พอดีมีตำแหน่งผู้จัดการไร่กำลังว่างอยู่พอดี” เขาเอ่ยต่อจากนั้นเมื่อเห็นเธอเงียบไป
“อัญต้องบอกคุณป้าก่อนค่ะ” ใบหน้าที่สวยหวานและดวงตากลมโตของเธอ แสดงถึงความใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เขาจะใจอ่อนกับเธอไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“ผมไม่ได้เร่งรัดอะไรนะครับ ผมให้คุณตัดสินใจก่อนก็ได้”
ภาคินัยรีบตอบเพราะไม่ต้องการให้อัญชลิดาล่วงรู้หรือระแคะระคายถึงความแค้นที่ซ่อนอยู่ภายในใจของเขา
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” อัญชลิดาบอกก่อนจะหันมายิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ภาคินัยใช้เสน่ห์อันตราย ล่อลวงเธออย่างจัดหนักจัดเต็ม หญิงสาวที่แอบปลื้มในความหล่อเหลาของพ่อเลี้ยงหนุ่มก็แทบไม่อยากปฏิเสธข้อเสนอ
“ไม่เป็นไรครับ” ภาคินัยตอบ ทั้งสองคนเงียบไปอีกครั้ง อัญชลิดามองออกไปนอกหน้าต่างรถ เธอเห็นภาพทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภาคินัยจ้องมองถนนข้างหน้าด้วยสายตาที่แน่วแน่
“ใกล้ถึงวัดแล้วค่ะ” อัญชลิดาหันมาบอกพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“เลี้ยวเข้าซอยข้างหน้านี้ไป วัดจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ” เธอบอกเขาเสร็จสรรพ
“ครับ” ภาคินัยตอบสั้น ๆ ก่อนจะขับรถเข้าไปภายในวัดที่เงียบสงบ มีเสียงสวดมนต์ดังใกล ๆ เมื่อรถจอดสนิท เขาก็ลงมาเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะยื่นมือเพื่อให้เธอเอาไว้เป็นที่ยึด หญิงสาวลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมจับมือของเขา