4.คนที่เงียบ แต่กลับใส่ใจในทุกเรื่องเล็กน้อย💓

1764 Words
> “ผมไม่เคยคิดกับคุณเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงาน” มันคือคำที่ฝังใจเธอจนทุกวันนี้ และคือจุดเริ่มต้นของความเกลียด…ที่แปรเปลี่ยนเป็นไฟแค้น ล็อบบี้ของรีสอร์ตเช้านั้น อากาศเย็นแต่บรรยากาศตึงเครียดทันทีที่พราวมุกก้าวเข้ามาในวงสนทนาของชุนกับเป่าเป้ย เป่าเป้ยยืนอยู่ข้างเหยียนชุน แว้บแรกที่สบตาพราวมุกหัวใจของเธอบีบแน่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอ…คือคนในรูปถ่ายกับพี่ชายเธอ คนที่หายไปจากชีวิตคินหลังจากที่เขายอมทุกอย่าง… > “ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะมา!” ชุนตอบเรียบๆจริงจังกับคำตอบเธอก่อนหน้านี้ >“มาที่นี่เพราะอะไร? ”ชุนขมวดคิ้วเข้ม พราวมุกหัวเราะเบาๆ > “ก็แค่มาประชุมกับลูกค้า แล้วบังเอิญได้ข่าวว่าคุณอยู่ที่นี่ เลยแวะมาทักทายกับเด็กใหม่ของคุณด้วยใช่ไหมคะ?” (เธอหันมายิ้มให้เป่าเป้ย แต่บอกไว้ก่อนเลยว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตร) “ชื่ออะไรนะ?” เธอแสร้งถามชื่อเป่าเป้ย เป่าเป้ยยิ้มรับ แต่แววตายังจับจ้องพราวมุกไม่วางตา > “เป้ยหลินค่ะ เด็กฝึกงานแล้วก็ผู้ช่วยพิเศษของคุณเหยียนชุนค่ะ” สายตาทั้งสองปะทะกันชั่ววินาทีหนึ่ง ไม่ใช่ในฐานะคนแปลกหน้า แต่ในฐานะผู้หญิงสองคนที่กำลังซ่อนอะไรบางอย่าง > “ตลกดีนะคะ” พราวมุกยิ้มแล้วหันกลับไปหาชุน เหมือนกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับชุนเป็นนัยๆ >“เด็กใหม่ของคุณหน้าคล้ายใครบางคนมากเลยนะคะชุน” ชุนนิ่งไม่ตอบแต่เป่าเป้ยจับได้ว่ามือของชุนกำหมัดเล็กน้อย >“ผมต้องขอตัวก่อนนะ พอดีต้องคุยงานกับเป้ยหลินต่อ” >“ได้ค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะคะ” เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันมายิ้มให้เป่าเป้ย แล้วเดินจากไป 🌧️ หลังจากนั้นริมระเบียงห้องประชุม ชุนเดินเข้ามาหาเป่าเป้ย ที่กำลังยืนมองออกไปยังวิวข้างนอกเหมือนกำลังใจลอยครุ่นคิดอะไรอยู่ > “เธอรู้จักพราวมุกมาก่อนรึเปล่า?” เหยียนชุนถามทันทีเมื่ออยู่กันตามลำพังกับเธอ เหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงจึงทำให้เขามีโอกาสที่จะคุยกับเป่าเป้ยในสิ่งที่เขาอยากรู้ก่อนประชุม เป่าเป้ยชะงักไปเสี้ยววินาทีก่อนยิ้มจางๆให้เหยียนชุน > “ไม่ค่ะ แค่เคยเห็นจากข่าววงในบ้าง แต่ดูเหมือนเธอจะสนิทกับคุณมากกว่านะคะ” เขาไม่ตอบ แต่จ้องเธออยู่นานราวกับกำลังอ่านเธอจากแววตา > “อย่าไว้ใจเธอมากเกินไป เธอเก่งในการพูดในสิ่งที่คนอยากได้ยิน” >“ค่ะ คุณเป็นห่วงหนูหรอคะ?” >“เพ้อเจ้อ!” คำเตือนที่ฟังดูแปลกๆ เพราะมันเหมือนพูดถึงตัวเธอเองด้วย ซึ่งเป่าเป้ยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร แถมคำว่าเพ้อเจ้อกับท่าทีเย็นชาของเขามันช่างน่าหมั่นไส้นัก >“หนูจะคิดซะว่าท่านประธานเป็นห่วงก็แล้วกันนะคะ” >“ตั้งแต่ฉันโตมายังไม่เคยเจอใครหลงตัวเองเหมือนเธอเลยนะเป้ยหลิน” เป่าเป้ยยิ้มให้ชุนจากตาโตๆจนตาหยี >“ยิ้มอะไรของเธอ คิดว่าฉันชมรึไง🤨” >“เปล่าค่ะ แค่ดีใจที่ท่านประธานพูดกับหนูยาว ปกติแทบจะไม่อยากพูดด้วย เหมือนกับว่าถ้าพูดแล้วดอกพิกุลจะร่วงยังไงยังงั้นแหละ😅” >“เป้ยหลิน!😑” และในตอนนั้นเอง ที่เธอได้ยินเสียงข้อความเข้าทางมือถือของตัวเองเป็นเบอร์แปลกๆ > 📩 “เธอคิดจริงๆ เหรอว่าพี่ชายของเธอ ‘บริสุทธิ์’ เสมอ?” >“ใคร?แล้วเขาหมายถึงอะไรนะ หรือนี่คือสิ่งที่เหยียนชุนกำลังเตือนฉันอยู่หรอ” เป่าเป้ยปิดโทรศัพท์แล้วเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะเริ่มประชุม ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติหลังจากที่ประชุมเสร็จเธอก็ยืนรอชุนหน้าห้องประชุม >“ท่านประธานมีนัดทานข้าวที่ไหนหรือเปล่าคะ สะดวกไปทานกับเป้ยหลินไหม” > “ไม่มีนัดแต่ก็ไม่สะดวก ฉันไม่ชอบกินข้าวกับคนแปลกหน้า” >“แปลกหน้าอะไรกันคะ หนูเป็นผู้ช่วยของคุณนะ” (มัวแต่หยิ่งแบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้เข้าใกล้ ไม่หวั่นไหวบ้างเลยหรือไงอีตาบ้า) >“แล้วไง แปลกหน้าอยู่ดี” >“ค่ะ แปลกหน้า ไม่ทำความรู้จักกันถึงจะอยู่ด้วยกันเป็นปีก็แปลกหน้าอยู่ดี” >“เป้ยหลิน !😠” >“อย่าโมโหสิคะเดี๋ยวแก่เร็วค่ะ😅” >“คุณเป็นแค่เด็กมาฝึกงานทำไมพูดมากจัง อยู่เงียบๆไม่เป็นบ้างหรือไง?” เป่าเป้ยได้แต่กรี๊ดในใจ แต่ใบหน้าภายนอกกลับยิ้มหวานให้กับเหยียนชุน จนเขาชะงักไปกับรอยยิ้มของเธอ เป็นรอยยิ้มที่เหยียนชุนคุ้นเคยมาก แต่ก็นั่นแหละเขาเลือกที่จะไม่ถามแล้วก็เงียบเหมือนที่ผ่านมา >“ค่ะ ถ้าคิดถึงหนู อุ๊ย!ถ้ามีอะไรก็โทรหาหนูได้ตลอดนะคะท่านประธาน” >“......” >“เหยียนชุนนะเหยียนชุน ชิ!หล่อตายแหละ เย็นชาเป็นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือไปได้ คอยดูนะฉันจะเอาให้นายละลายเลย” เป่าเป้ยเดินไปทานข้าวคนเดียวแล้วกลับมาพร้อมแก้วกาแฟ >“คุณเหยียนชุนคะ หนูซื้อกาแฟเย็นมาฝากเจ้านี้อร่อยมากเลยนะคะ ลองทานดู” >“ขอบใจแต่ฉันไม่ชอบกาแฟเย็นเอาออกไปเถอะ” >“เอากลับไปได้ไงคะหนูตั้งใจซื้อมาให้คุณแล้ว งั้นหนูวางไว้ที่โต๊ะนะคะ ถ้าคุณไม่ดื่มก็ทิ้งมันได้เลย” เป่าเป้ยรีบวางไว้บนโต๊ะแล้วรีบออกจากห้องของเหยียนชุนไป ไม่รอให้เขาพูด >“ปวดหัวชิบหาย เด็กอะไรดื้อจัง!” ------------- 🛌🏻ในห้องพักเป่าเป้ย [ไฟล์เสียงบันทึกไว้ในโทรศัพท์ที่พังแหล่ไม่พังแหล่ ครั้งนี้มันเปิดได้] ชื่อไฟล์: “ถึงน้องสาวของพี่” วันบันทึก: หนึ่งเดือนก่อนเสียชีวิต > “เป่าเป้ย ถ้าเธอได้ยินสิ่งนี้แสดงว่าพี่คงไม่ได้อยู่กับเธอแล้วอย่าเพิ่งร้องไห้นะ พี่ไม่ได้อยากให้เธอเสียใจ…แต่อยากให้เธอเข้าใจ ผู้หญิงคนนั้น พราวมุกใช่, พี่เคยรักเธอจริงๆแต่พี่รู้ตัวช้าไป ว่าคนที่เธอเฝ้ารอมาตลอดไม่ใช่พี่” เสียงของเขาสั่นนิดหน่อย ก่อนจะถอนหายใจเป่าเป้ยนั่งฟังอย่างตั้งใจ > “มันไม่ใช่ความผิดของพราวมุก…และก็ไม่ใช่ของเหยียนชุนด้วย เป่าเป้ย…เธอต้องสัญญานะว่าอย่าหาทางล้างแค้นแทนพี่ อย่าใช้ชีวิตเพื่อลบใครออกจากใจ…แต่ใช้มันเพื่อจำว่าเธอมีหัวใจ” เสียงในคลิปเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนเขากำลังกลั้นน้ำตา > “ถ้าวันหนึ่งเป่าเป้ยได้พบกับชุน…อย่าเกลียดเขาเพราะพี่เลยนะ คนแบบนั้นหนะรักใครยาก แต่ถ้าเขารักแล้ว เขาจะปกป้องหมดใจ ถ้าเขารักเธอ…ก็ขอให้เธอรักเขาแทนพี่ด้วย” ติ๊ด… (จบคลิป) น้ำตาเป่าเป้ยไหลทุกครั้งที่มานั่งฟังคลิปเสียงของคิน >“พี่คิน เป่าเป้ยไม่เข้าใจคนที่พี่รักคือใครกันแน่ ฮึก~ฮือๆ~ทำไมพี่ทำแบบนี้” คืนนั้นหลังจากการเผชิญหน้ากับพราวมุก เป่าเป้ยนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนโซฟาตัวเดิม แต่คราวนี้…ไม่ใช่เพราะมันไม่สบายแต่คิดไม่ตก > “เธอคิดจริงๆ เหรอ ว่าพี่ชายของเธอ ‘บริสุทธิ์’ เสมอ?” 📩ข้อความจากเบอร์แปลกเมื่อเช้า แม้เธอจะลบทิ้งไปแล้ว…แต่มันยังติดอยู่ในหัวไม่ไปไหน คำพูดแบบนั้น…มันหมายถึงอะไร? > “พี่ชายฉัน…เขาไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม?” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของตัวเองที่เปิดคลิปเสียงของพี่ชายไว้ตั้งแต่วันที่เขาเสีย คลิปที่เธอยังไม่กล้าฟัง มือเล็กสั่นนิดหน่อยตอนจะกด แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง > “ยังไม่นอนอีกหรอ?” เสียงเรียบๆของเหยียนชุนดังขึ้น เขาเพิ่งกลับมาจากการคุยงานเพิ่มเติมกับลูกค้ากลุ่มหนึ่ง > “นอนไม่หลับค่ะ…” เธอรีบกดปิดหน้าจอมือถือแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมถึงหน้าอก >“คืนนี้อากาศเย็นกว่าทุกวันเลยนะคะ😊” เธอยิ้มให้ชุน เขาแค่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาแล้ววางของบางอย่างไว้ข้างโซฟา > “เอานี่ไป” >“อะไรหรอคะ?” >“ผ้าห่มไฟฟ้าสำรองของรีสอร์ต” เป่าเป้ยชะงักเล็กน้อย เพราะ…เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับใส่ใจเสมอในทุกเรื่องเล็กน้อย เหมือนพี่เขาบอกไว้เลย > “คุณเหยียนชุน…” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆอย่างกล้าๆกลัวๆ >“มีอะไร?” ชุนขมวดคิ้วเข้มมองหน้าเป่าเป้ยด้วยความสงสัย >“ถ้ามีใครสักคนเคยโกหกคุณ…แล้ววันหนึ่งเขาจะพูดความจริง คุณจะยังอยากฟังไหมคะ?” เขานิ่งไปสักพัก ดวงตาคมกริบหันมาสบกับตาเธอเข้าอย่างจัง จนเป่าเป้ยเกร็งไปทั้งตัวแต่ก็ยังฝืนยิ้มให้เขา > “ถ้าคนๆ นั้นสำคัญกับผม…ผมอยากฟังเสมอ” คำตอบนั้นทำให้หัวใจของเป่าเป้ยสั่นไหว เหมือนบางอย่างในตัวเธอกำลังเริ่มแตกออกทีละนิด >“คุณถามผมทำไม?” >“เปล่าค่ะ แค่อยากทำความรู้จักคุณไว้เฉยๆ” >“งั้นก็นอนได้แล้ว หวังว่าคงจะไม่ถามอะไรอีกนะ” พูดดักไว้แบบนี้ใครจะกล้าถามกันหละ ไม่รู้จะปิดกั้นตัวเองอะไรนักหนา เป่าเป้ยชักสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที >“กำลังด่าผมในใจ?” >“เปล่า!ใครจะกล้าด่าท่านประธานเหยียนชุนคะ หนูเป็นแค่เด็กฝึกงานตัวเล็กๆเอง” >“เด็กฝึกงานที่พูดมาก ชอบเถียง แถมดื้อไม่ว่า” เสียงราบเรียบบ่นพึมพำเบาๆแต่เหมือนใบมีดปักลงใจเธอ 🌞เช้าวันถัดมา เป่าเป้ยเดินแยกออกมาคนเดียวหลังอาหารเช้า ในมือถือโทรศัพท์แน่น หัวใจเต้นแรงกับความกลัวที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด เธอค่อยๆ กดเล่นคลิปเสียงที่พี่ชายเธอเคยฝากไว้… > “อย่าใช้ชีวิตเพื่อลบใครออกจากใจ…” “แต่ใช้มันเพื่อจำว่าเธอมีหัวใจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD