“อ้วก!”
เสียงอาเจียนกลับปลุกคนกำลังนอนหลับสบายให้ตื่นงัวเงีย ข้างกายเขาว่างเปล่าไม่มีจิลลานอนกอดเหมือนทุกเช้า โจ้ขมวดคิ้วผูกเป็นปม ตวัดขาสองข้างก้าวลงจากเตียง คว้าเอาผ้าขนหนูใกล้ตัวมาปกปิดช่วงท่อนล่าง
เมื่อคืนเขากับเธอต่างจัดหนักจัดเต็มร้อนแรง บางส่วนยังมีคราบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วสองสามชิ้นทิ้งเกลี่ยดกลาด
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”
คนที่อ้วกของเก่าตอนเย็นเสร็จล้างหน้าล้างตาพร้อมแปรงฟัน หันกลับมาส่ายหน้าแทนคำตอบ โจ้เขยิบใกล้ชิดหาเด็กเลี้ยงของตนเอง เขายกมือแตะอังหน้าผากมนจนจิลลาใจสั่น
“หน้าตาแบบนี้ พี่ว่าจะเราไปหาหมอ ลาเรียนหนึ่งวันแล้วกัน เดี๋ยวพี่ลาให้”
“จิลไม่ไปนะคะ จิลเป็นโรคกระเพาะค่ะ เมื่อคืนพี่โจ้รังแกจิลจนกินข้าวมื้อดึกแทน จิลมียาติดตัวมาด้วย พี่โจ้เลิกเป็นห่วงจิลเถอะค่ะ”
“แต่พี่ว่า...”
คนตัวโตยังลังเล ท่าทางอาการใบหน้าหวานขาวซีดคล้ายคนจะเป็นคนลมได้ทุกเมื่อ ฝืนยิ้มบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ขาแทบทรงยืนตัวไม่ไหวต้องให้ชายหนุ่มประคองโอบกอดหลวม ๆ
จังหวะฝ่ามืออุ่นร้อนเลื่อนไล้หยุดหน้าท้องแบนราบกำลังนูนขึ้นเล็กน้อย โจ้แอบเอะใจ ช่วงนี้รู้สึกนางบำเรออวบอิ่ม เริ่มมีน้ำมีนวลมากกว่าเก่า แต่ก็เป็นผลดี เพราะเขาชอบบีบเคล้นคลึงเต็มไม้เต็มมือ
“เหมือนจะเริ่มอวบขึ้นนิดนึงนะ ช่วงนี้กินเยอะไปหรือเปล่า”
จิลลาเม้มปากเป็นเส้นตรง กลัวความลับที่จะถูกแฉออกมา เขาจะรู้ไหมนะว่าหญิงสาวไม่ได้อวบอ้วน ทว่าร่างกายฮอร์โมนกำลังเปลี่ยนแปลง เพราะเธอท้องกับเขา
อย่างที่รู้ ๆ กัน โจ้ไม่ชอบเด็ก หากชายหนุ่มรู้ความจริงว่าเด็กเลี้ยงของตนท้อง ทั้งที่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ชะตาชีวิตเธอสองคนแม่ลูกจะเป็นอย่างไร
ใจจริงจิลลาอยากบอกเรื่องนี้กับเขาใจจะขาด ลองเทียบเคียงถามดูตอนที่เราสองคนนอนกอด ใช้ลมหายใจร่วมกันขณะเพิ่งเสร็จบทกิจกรรมรักอันแสนเร่าร้อนจบลง
‘พี่โจ้ จิลมีอะไรอยากจะถาม’
ร่างกำยำเอียงใบหน้าก้มต่ำมองหญิงสาวในอ้อมแขน น้ำเสียงจริงจัง ไม่ใช่หยอกล้อเมื่อแต่ก่อน
‘ถามว่าอะไร?’
หากคำถามนั้นเขาตอบได้ก็จะตอบ ทว่าตอบไม่ได้ โจ้ก็ซื่อสัตย์ตัวเองบอกตามตรงถ้าคำถามนั้นยากเกิน
‘คือ...พี่โจ้ชอบเด็ก ชอบเลี้ยงเด็กไหมคะ’
‘เด็ก? อ้อ พี่ก็ชอบเด็กอยู่แล้วสิ ไม่งั้นพี่จะกลายเป็นคนเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ทำไม’
โจ้เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายคนละอย่าง จิลลาถอนหายใจ คำว่าเด็กคือเด็กตัวเล็ก ๆ น่ารัก ไม่ใช่เด็กนักศึกษาวัยเอ๊าะ ๆ นิยามว่าเด็กเสี่ยเลี้ยงสายเปย์จ่ายค่าเทอมแลกกับร่างกายอย่างนั้นเหมือนที่เธอเป็นตอนนี้
‘ไม่ใช่ค่ะ จิลหมายถึงมีเด็กตัวน้อย ๆ พี่เคยคิดอยากมีลูกเป็นของตัวเองไหม ถ้าสมมติอนาคตพี่โจ้แต่งงานกับคู่หมั้นของพี่ สร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว’
‘ใครบอกว่าพี่จะแต่งงาน? แม่พี่น่ะเหรอ ฝันไปเถอะ พี่กับคู่หมั้นของแม่ที่หาให้ยังไม่ได้เจอสักครั้ง แล้วจะแต่งงานอยู่ด้วยกันได้ยังไง พี่ไม่คิดจะแต่งงานมันเสียเวลา’
แค่ได้กลิ่นแป้งเด็กหอม เสียงร้องหวีดโวยวายของเด็กดังลั่น เขาก็ชวนปวดหัว ยังดีที่อดีตคู่ควงไม่มีใครท้องจับเขาเลยสักคนหรือแม้แต่นางบำเรอผูกปิ่นโต ไม่อย่างนั้นความบรรลัยบังเกิด
‘ถามแบบนี้อย่าบอกนะว่าจิลคิดอยากมีเด็กให้พี่?’
‘จิลไม่กล้าทำเหมือนคู่ควงคนอื่นหรอกค่ะ พี่สวมใส่ถุงยางด้วยตัวเองแบบนั้น ขนาดจิลอยากลองใส่ พี่ก็ไม่ยอมให้ใส่’
‘รอให้จิลสวมใส่มัน พี่คงใจร้อนก่อน แล้วถามพี่ทำไม’
‘ก็ถามเฉย ๆ ค่ะ ในเมื่อคุณจรัสทิวาอยากมีหลานจนต้องขยันหาคู่หมั้นคนใหม่มาให้ลูกชายตัวเอง ยังไงอนาคตพี่โจ้ต้องแต่งงาน ผลิตทายาทสืบสกุลอยู่ดี’
‘ถ้าพี่เจอคนที่ใช่และพร้อมจะหยุดอยู่กับเขาคนนั้น พี่อาจตกลงปลงใจแต่งงานกับเธอก็ได้ แต่อนาคตไม่แน่นอน พี่ไม่ชอบเด็ก เสียงดังร้องโวยวาย รำคาญ’
‘จิลเข้าใจแล้วค่ะ’
คนที่ใช่สำหรับโจ้คงไม่มีผู้หญิงชื่อจิลลารวมเข้าไปอยู่ข้างในนั้น อารมณ์ฮอร์โมนคนท้องอ่อนแปรปรวน กักเก็บเสียงสะอึกสะอื้นไหลออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หลับไปพร้อมทั้งมีน้ำใสจากหางตา
‘เธอก็รู้ดีนี่จิลลา คนอย่างพี่ไม่มีทางปล่อยท้องกับคู่ควงหรือนางบำเรอรายปีหรือรายเดือนคนไหน ถ้าจับได้ว่าท้อง...ทำแท้งสถานที่เดียว’
“ประมาณนั้นค่ะ”
จิลลาย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนพลางอดสูตัวเอง กัดริมฝีปากด้านล่างรุนแรงจนห้อเลือด ถึงกระนั้นบาดแผลเล็กภายนอกไม่เจ็บกับบาดแผลลึกในใจ
“เธอเป็นอะไรกัน หรือว่าไม่ชอบทักว่าอวบขึ้น”
โจ้ยกมือเกาหัวแกรก ๆ กับอาการสะบัดหน้าหันเชิดหนีออกจากห้องน้ำ มาเฟียหนุ่มไหวไหล่เบา ๆ ทำทีไม่สนใจ จิลลาอาจง้อเขาตามประสาคนมีอายุน้อยกว่า
“หรือต้องง้อด้วยกระเป๋าชาเนลรุ่นใหม่ล่าสุดหรือซื้อรถให้ขับไปเอง แต่ข้อหลังไม่ดีกว่า จิลขับรถไม่เป็น”
อาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงยี่สิบนาที มาเฟียหนุ่มเช็คตารางงานด่วนจากเลขาคนสนิทส่งเข้าเครื่องแล็ปท็อป เย็นวันนี้มีไฟล์บินเจรจาลูกค้าชาวต่างชาติยังต่างประเทศเรื่องผลิตสินค้าตัวใหม่ กว่าจะกลับอีกอาทิตย์หน้า
“กาแฟกับขนมปังปิ้งได้แล้วค่ะ”
เขามองคนรับบทหน้าที่แม่บ้านส่วนตัว ชุดนิสิตสาวกลัวพะอืดพะอมเล่นงานอีกรีบหยิบเอาลูกอมรสมะนาวไว้แก้หายแพ้ท้อง
เช้าวันนี้จิลลากลับอยากอ้วกกับกลิ่นกาแฟดำของเขาซะงั้น สายตาคู่คมชำเลืองมองเด็กของเขายืน แถมตัวเองไม่มีอาหารมื้อเช้า เพราะมันแปลก จึงตั้งคำถาม
“ของตัวเองล่ะ?”
“จิลยังไม่หิวค่ะ กินแค่น้ำส้มและผลไม้รองท้องไปก่อน จิลต้องรีบเรียนแต่เช้า อาทิตย์หน้าก็สอบไฟนอลแล้วค่ะ”
จิลลายืนกุมมือตัวเอง วันนี้เธอรีบ ช่วงเช้าอาจารย์นัดสอนและภาคบ่ายก็สอบเก็บคะแนนสำคัญ เธอไม่อยากพลาด
“พี่ชอบนะกับการเป็นเด็กตั้งใจเรียน แต่ต้องมีอะไรรองท้องก่อน เมื่อคืนพี่เอาจิลจนไม่มีเรี่ยวแรง มีอาหารตกลงถึงท้องเลยนี่ กินสักคำก่อนไปจะเป็นไรไป”
“ไม่เอาค่ะ จิลไม่ค่อยหิว”
“ทำไมจะต้องดื้อด้วยเนี่ย!”
ร่างเพรียวบางชุดนักศึกษาสาวปีสี่ร้องอุทานดังลั่น ตาโตด้วยความตกใจจู่ ๆ เขาลุกจากที่นั่งมาช้อนอุ้มตัวเธอในท่าเจ้าสาว เอาก้นนุ่มนั่งตักแกร่งของเขา
“พี่โจ้” จิลลาห้ามปราบคนเอาแต่ใจไม่ทัน ทำสีหน้าไม่ค่อยดี พะอืดพะอมเมื่อได้กลิ่นกาแฟโชยปลายจมูกบานนิด ๆ
“กินขนมปังปิ้งชิ้นหนึ่งให้พี่ดู พี่ถึงจะปล่อยจิลออกไปเรียน”
ขอบตาแดง ๆ ยังมีให้เห็น จิลลาบ่นอุบอิบเขาในใจ ‘คนใจร้าย เธอแพ้ท้องอยู่นะยังบังคับต้องกินอีก’
จิลลาทำทีหยิบขนมปังปิ้งอันเล็กชิ้นหนึ่งที่ไม่ทาแยมอะไรลองกัดกินขอบนิดเดียว ดมกลิ่นหอมดูปรากกฎว่าไม่แพ้จึงเลือกกินต่อหน้าเขา
“ชิ้นเล็กชิ้นเดียวจะอิ่มพอเหรอ” โจ้กำลังว่าหยิบขนมปังปิ้งหลายชิ้นป้อนให้เอง เธอรีบเบรกเขาทันที
“พะ พอแล้ว จิลอิ่มจริง ๆ ค่ะพี่โจ้”
นัยน์ตาสีใสมองมาทางอีกฝ่ายเชิงขอร้อง โจ้เลิกแกล้งเด็กเลี้ยงของตัวเอง หน้าแดงหมด ชายหนุ่มดื่มกาแฟดำพร้อมกินขนมปังปิ้งตัวเองหนึ่งชิ้นเชิงว่าอิ่ม ก่อนจะเดินจากคอนโดมิเนียม เขาเอ่ยเรื่องสำคัญออกมา
“ช่วงนี้พี่ไม่อยู่หลายวันต้องไปทำงานหลายประเทศ น่าจะได้กลับไทยช่วงอาทิตย์หน้า จิลอยากได้อะไรเป็นของฝาก เช่นกระเป๋า เครื่องสำอางหรือลิปสติก หรือตุ๊กตาลาบูบู้ตัวโปรด”
“จิลไม่เอาค่ะ แค่นี้พี่โจ้ซื้อมา จิลแทบเอาออกมาใช้ไม่หมด”
สิ่งเดียวที่จิลลาต้องการจากโจ้มากสุดซึ่งก็คือความอิสระ สัญญาการผูกขาดเป็นเด็กเลี้ยงเขาสี่ปีเหนี่ยวรั้งหัวใจเธอไว้กับเขา
“พอพี่กลับมา จิลก็น่าจะอยู่ช่วงสอบ เรียนจบพอดี พี่จะคุยเรื่องสัญญาครบสี่ปีของเรา”
“ค่ะ”
นึกอยู่แล้วว่าต้องมาถึง โจ้ลูบหัวศีรษะทุยของคนตัวเล็กทำหน้าหมองเศร้า เขาเองก็อยากยืดสัญญาอยู่กับเธอต่อ ทว่าต้องทำสัญญาที่พี่ชายเธอทวงน้องสาวกลับคืน
“พี่ไม่อยู่หลายวัน ไม่คิดถึงพี่บ้างเลยเหรอ พี่นอนไม่หลับเพราะติดกลิ่นน้อง มีอะไรเป็นของแทนให้พี่บ้าง”
“ถ้าพี่โจ้นอนไม่หลับก็ไปหาพวกสาวผมบลอนด์สีทองมานอนด้วยสิค่ะ รับรองหลับสบายยาวจนลืมคิดถึงน้องนุ่งที่อยู่เมืองไทยไปแล้วก็ได้”
จิลลาทำหน้าย่นจมูกแก่อีกฝ่าย เขาก้มหน้าลงมองเครื่องหน้าหวานหมดจดด้วยแววตาวูบไหวบางอย่าง
“หึงพี่เหรอ?”
เธออ้าปากค้างนิ่งงันหลายวินาที หญิงสาวรู้กฎเด็กเลี้ยงของเขาว่าห้ามรัก ห้ามหึง ห้ามหวง เจ้าของทำสัญญา จิลลาเบือนหน้าหนีไม่คุยกับเขาด้วยแล้ว
“จิลจะหึงพี่ทำไม”
“นั่นสิ เป็นแค่คู่นอนจะหึงทำไมกัน” เขายอกย้อนจงใจกวนโมโหของหญิงสาวมากกว่า
“พี่โจ้!” จิลลาถลึงตาดุใส่ แต่แทนที่โจ้จะโกรธแอบกลั้นขำอย่างเอ็นดูน้องน้อยของเขา
“เอาละ พี่ไม่แหย่จิลเล่นแล้ว พี่จะส่งจิลไปมหา’ลัยเอง ระหว่างนั้นพี่ส่งคุณลุงคนขับรถมารับมาส่งน้องจิลช่วงเวลาที่พี่ไม่อยู่”
จิลลาไม่มีทางปฏิเสธผู้ปกครองของเธอ แอบเสียใจลึก ๆ ที่สองสามวันต้องห่างจากอกเขา ช่วงเวลาโจ้ไม่อยู่ เย็นวันหลังเลิกเรียน นักศึกษาสาวก้มลงถอดรองเท้าเปียกปอนออก เพียงตากฝนมาขึ้นรถมาส่งที่คอนโดมิเนียมของมาเฟียหนุ่ม
เอะใจ...ที่มีแขกบางคนเข้ามาคล้ายกับรอจิลลายังห้องรับรอง ซึ่งเขาคนคนนั้นคือจรัสทิวา แม่ของอดีตคู่หมั้นเธอวัยเด็ก
“สวัสดีค่ะคุณจรัสทิวา”
“นั่งลงก่อนสิ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอยาวเลย ลูกสาวของอดีตเพื่อนรักฉัน หนูจิลลาใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ฉันขอเอาเรื่องเลยแล้วกัน ฉันรู้ว่าโจ้ทำสัญญาเลี้ยงดูเธอจนกว่าจะจบปริญญาตรี ส่งเสียให้เงินทุกอย่าง ฉันรู้ที่เขาทำเพื่อสงสารเธอกับพี่ชายเท่านั้น”
“จิลทราบค่ะว่าพี่โจ้สงสารจิล ในฐานะที่จิลกับพี่จอมเคยรู้จักกับพี่โจ้ตอนเด็กจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพราะอยากตอบแทนพ่อแม่ของจิล”
“รู้ตัวก็ดี อย่าลืมสถานะตัวเองด้วย หลังตาโจ้กลับมาจากดูงานต่างประเทศอาทิตย์หน้า เขาต้องแต่งงานกับคู่หมั้นที่คู่ควรเหมาะสม ส่วนเธอก็ควรออกไปจากชีวิตลูกชายฉัน เหลืออีกไม่กี่วันสินะสัญญานั้นจะจบลง”
“คุณจรัสไม่ต้องห่วงว่าจิลจะใช้สัญญานั้นยึดพี่โจ้ไว้ เมื่อถึงเวลา จิลยินดีที่ไปจากที่นี่เองค่ะ”