(วาฬ)
เวลาเดียวกัน ณ ห้องนอนของวาฬ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เฮ้อ...วุ่นวายจังวะ”
เสียงสบถด้วยความหัวเสียให้การถูกปลุกจากที่นอนเป็นครั้งที่ 2 ของวัน เสียงเคาะประตูรัวขนาดนี้ไม่ใช่โป๊ยเซียนแน่นอนเพราะรายนั้นเปิดประตูเข้ามาเลยเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กเลยชินชาเต็มทน เพราะฉะนั้นคนที่เคาะประตูห้องในเวลานี้จึงมั่นใจได้ว่ามาด้วยเรื่องสำคัญ
ไม่ก็...เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีกหรือเปล่า?
พรึ่บ!
ผ้าห่มผืนหนาถูกสะบัดออกจากตัวพร้อมกับคนตัวสูงลุกขึ้นจากเตียง ร่างเปลือยเปล่าเดินไปหยิบเอาผ้าขนหนูมาพันรอบเอวปกปิดส่วนล่าง ขายาวก้าวเดินตรงไปทางประตู ระหว่างทางยกมือขึ้นยีหัวด้วยความหงุดหงิดเล็ก ๆ ในใจ
กริ้ก!
“อาจารย์ให้มาตาม! รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็ว ๆ หนูโป๊ยเซียนโดนรถเฉี่ยวอยู่หน้าบ้าน!” เสียงของลูกน้องคนงานในบ้านพูดขึ้นเสียงดังด้วยความตื่นตระหนกและมีอาการเหนื่อยหอบ
โป๊ยเซียนโดนรถเฉี่ยวทั้งที่พึ่งออกไปได้ไม่ถึง 10 นาทีเนี่ยนะ...จะอยู่รอดถึงอาทิตย์ไหมวะเนี่ย?
1 ชั่วโมงต่อมา ภายในรถส่วนตัวของวาฬ
“ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจ พูดจนปากฉีกว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนั้นพุ่งมาชนเอง...ถึงจะเผลอมองไปทางอื่นหนึ่งวินาทีก็เถอะ”
ฉันกำลังอธิบายครั้งที่ล้านเพื่อให้วาฬเข้าใจ เวลานี้ผู้ชายที่มักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอกลับบึ้งตึงเพราะถูกปลุกโดยพ่อของตัวเอง ทำให้วาฬต้องตื่นมาพาฉันไปเรียนและเริ่มการอยู่ด้วยกันตลอดเวลา 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
“ซุ่มซ่าม” ต่อให้จะพยายามอธิบายอะไรมากมายคำพูดนี้ก็เป็นคำพูดเดียวที่ออกมาจากปากวาฬ เอาแต่พูดซุ่มซ่ามอยู่ได้… ก็คนมันไม่ได้ตั้งใจ! ผิดเองแหละที่เดินออกไปเลยไม่มองถนน
“ไม่ต้องย้ำรู้แล้ว!” พ่อฉันยังไม่ดุเท่าไอ้นี่เลย!
“ดีนะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไม่อยากนึกสภาพสิบล้อ”
“สิบล้อเข้ามาในซอยนี้ไม่ได้”
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ พ้นประตูบ้านแค่ก้าวเดียวยังเกิดเรื่อง” วาฬบ่นไม่หยุดปาก สายตาจ้องมองไปยังถนนตรงหน้าให้ความสนใจที่การขับรถ
เมื่อเช้าวาฬถูกลุงวิทปลุกจากเตียงขึ้นมาได้ในที่สุดแล้วยังโดนดุอีกด้วยไป 1 บทใหญ่ ฉันเข้าใจว่าการที่เราต้องมาตัวติดกันวาฬไม่ได้ชอบใจนักหรอก ตัวฉันเองก็ไม่ได้ชอบใจเหมือนกันใครจะอยากมีชีวิตเหมือนนักโทษแบบนี้
“หยุดบ่นรำคาญ เอางี้… เดี๋ยวไปส่งที่มหาลัยแล้วไปไหนก็เชิญ จะไปหาผู้หญิงที่ไหนหรือจะไปอยู่กับเด็กคนไหนเชิญได้เลยค่ะตามสบาย เดี๋ยวฉันจะนั่งรอจนกว่ากลับมาแล้วเราค่อยกลับบ้านไปด้วยกัน” นี่กำลังเสนอสิ่งที่คิดว่าเพื่อนจะตกลงและเห็นดีเห็นงามด้วยนะ อยู่ข้างนอกก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราอยู่ด้วยกันหรือไม่ แต่เมื่อกลับบ้านไปก็อยู่ด้วยกันให้ผู้ใหญ่เขาเห็นก็น่าจะเพียงพอแล้ว
“แค่ก้าวเท้าพ้นประตูบ้านแค่ก้าวเดียวยังจะมีสภาพนั้น ถ้าต้องอยู่คนเดียวไม่ถึงตายกันเลยเหรอ” วาฬหันกลับมาสบตากับฉันในจังหวะที่รถกำลังติดไฟแดงพอดี อย่าพูดคำว่าตายออกมาได้ไหม! ตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องเอาชีวิตยังไงก็ไม่รู้
แค่ดวงตกแน่เหรอ? ดวงจะถึงฆาตเลยหรือเปล่าเนี่ย…
“พูดมาก… ยิ่งเจ็บแขนอยู่นะ” พูดจบก็หันหน้ามองออกไปนอกกระจกรถ เจ็บแขนแต่ไม่ยอมไปหาหมอเพราะไม่อยากเข้าออกโรงพยาบาลสองวันติดต่อกันขนาดนี้ เย็นนี้กลับไปกินยาทายาเดี๋ยวก็หาย
“แล้วทำไมไม่ไปหาหมอ” ตั้งแต่ขึ้นรถมาฉันถูกบังคับให้ไปโรงพยาบาลจากพ่อมาแล้ว เลยรับปากว่าจะไปแต่สุดท้ายก็สั่งให้วาฬไปที่มหาวิทยาลัยเลย
“แค่นี้ไม่ตายหรอก” แขนไม่หักก็พอแล้ว ถ้ามันช้ำหรือปวดกินยาก็หาย
“วันนี้เรียนกี่ชั่วโมง” ในที่สุดวาฬก็เปลี่ยนเรื่องคุยไม่ดุฉันกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีก คงเห็นว่าคนที่นั่งข้าง ๆ เริ่มมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้ว
“ช่วงเช้าสองชั่วโมง ช่วงบ่ายสามชั่วโมง ถึงบอกไงว่าจะไปอยู่กับเด็กคนไหนก็ได้ไม่ฟ้องลุงวิทหรอก”
“เดี๋ยวไปนั่งเรียนด้วยให้มันจบ ๆ ให้ผ่านวันนี้ไปให้ได้ก่อน” ฉันรับรู้ได้ถึงความรำคาญจากวาฬชัดเจน นิสัยงี่เง่าเวลาโดนปลุกและนอนไม่เต็มอิ่มไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะเนี่ย
“เมื่อไหร่จะถึงวันเกิดสักทีวะ” เสียงเล็กบ่นพึมพำกับตัวเองแต่มันก็ดังมากพอที่จะทำให้คนข้าง ๆ ได้ยิน
“อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เวลาเดินเร็วจะตายแล้วก็ห้ามสร้างเรื่อง” วาฬปาดสายตามองมาหลังพูด จากนั้นก็กลับไปให้ความสนใจที่ถนนเบื้องหน้าตามเดิม
ที่บอกให้ฉันอยู่เฉย ๆ เพราะขี้เกียจต้องมาตามยังไงล่ะ นี่ขนาดยังไม่ผ่านพ้นวันแรกเราก็มีแต่เรื่องกันเข้ามาไม่หยุด…
เวลาต่อมา ภายในห้องเรียน (คลาสของคณะศิลปศาสตร์)
จ้องมอง…
สายตานับสิบคู่จากนักศึกษาร่วมคลาสที่ให้ความสนใจมายังผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างฉัน ถ้าเกิดเป็นคนอื่นเข้ามาคงไม่ถูกให้ความสนใจเท่ากับการที่วาฬมานั่งอยู่ตรงนี้
ยังไงวิศวะโยธาไม่มีใครเขามานั่งเรียนคณะฉันหรอก…
“จะไปไหนกันต่อเหรอ ทำไมวาฬถึงมานั่งอยู่กับแก” เขียนฝันที่นั่งอยู่ข้างฉันเปิดปากถามขึ้น เอียงคอมองเราทั้งสองคนสลับกันไปมาด้วยความสงสัย เพราะนี่คือครั้งแรกที่วาฬกับฉันตัวติดกันจนเพื่อนเริ่มประหลาดใจ
“เล่าให้เขียนฝันฟังได้มั้ยหรือว่าห้ามพูดให้ใครรู้เลย” ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามเขียนฝันต้องหันมาถามผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกันอีกฝั่งหนึ่งซะก่อน
เรื่องนี้พ่อก็ได้ย้ำเตือนมาว่าห้ามให้ใครรู้แม้แต่คนในบ้านหรือน้าเพ็ญ เดี๋ยวพูดอะไรออกไปโดยไม่ถามก่อนจะยกเรื่องนี้มาดุฉันอีก กับเพื่อนดุยิ่งกว่าหมา กับน้องปีหนึ่งเชื่องยิ่งกว่าแมว
ภาพลวงตาทั้งนั้น!
“ได้ บอกไปเลยเผื่อเพื่อนช่วยดู จากนี้ไม่ควรอยู่คนเดียว...เผื่อตายเพื่อนจะได้เก็บร่างมา” วาฬตอบกลับมา ในขณะที่สายตาของเขายังคงให้ความสนใจอยู่ที่เกมปลูกผักทำสวนบนไอแพดตรงหน้าที่มันเป็นของฉัน คำพูดประโยคหลังทำเอาอยากยกมือขึ้นทุบสักที
แล้วเมื่อกี้เหมือนพึ่งเห็นใช้เงินซื้อตะปูไปจนหมด… ไอ้นี่!
“เรื่องมันค่อนข้างจะเหนือธรรมชาติพอสมควร ก็แล้วแต่แกจะเชื่อหรือเปล่านะ”
“ปูมาขนาดนี้ทำเอาอยากรู้เลย…เรื่องอะไรว่ามา” เขียนฝันขยับตัวเข้ามาใกล้ เอียงหูยื่นหน้าเข้ามารอฟังเรื่องเล่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ช่วงนี้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องคนดวงตกใช่มั้ย”
“อือ”
เขียนฝันพยักหน้าเป็นการตอบกลับคำถามของฉันและจากนั้นเรื่องราวทั้งหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความวุ่นวายตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ได้ถูกถ่ายทอดให้เพื่อนได้รับรู้ด้วยปากตัวเอง
ตลอดการเรียนแทบไม่มีใครให้ความสนใจอาจารย์ตรงหน้าเลย ฉันกับเขียนฝันสุมหัวเข้าหากันเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังไม่หยุดปาก ส่วนวาฬเล่นเกมฆ่าเวลาจนกระทั่งครบชั่วโมงเรียน…