ณ บ้านของวาฬ เวลา 17.30 น.
“เดี๋ยวมาจะไปเอาของก่อนที่บ้าน...สไบอยู่ไหนนะ”
ฉันหันไปพูดกับวาฬจากนั้นก็ก้าวเท้าลงจากรถ ของทั้งหมดถูกขนย้ายเอาไปไว้ที่ห้องของวาฬเรียบร้อย แต่ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ามีของที่ต้องไปเอามาให้สไบกับพวกเด็ก ๆ ที่เข้ามาในบ้านด้วยเลยแทนที่จะลงฝั่งบ้านตัวเอง เดี๋ยวจะได้พาสไบเดินไปพร้อมกันเลย
“ก็ต้องเดินไปด้วยกันอยู่ดี” วาฬดับเครื่องยนต์จากนั้นก็ลงจากรถตามมาด้วยอีกคน สิ่งที่ได้ยินนั้นทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวเดินต้องหยุดชะงักหันกลับไปสบตากับเพื่อน
“ไปทำไม” จะไปทำอะไรที่บ้านฉัน?
“เมื่อเช้าพ้นเขตบ้านไปแค่ก้าวเดียวยังมีสภาพนั้น แล้วนี่จะข้ามไปบ้านตัวเองไม่อยากนึกสภาพว่าจะขนาดไหน...เดี๋ยวพ่อด่ากูอีก” ประโยคหลังมันคือการบ่นอย่างชัดเจน สงสัยเสียงด่าของลุงวิทจะยังติดอยู่ในหูจนมาถึงตอนนี้ล่ะมั้ง
“งั้นโทรตามสไบให้หน่อย บอกให้เรียกคนอื่นไปด้วยนะ” ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องไปเดินตามหาเด็ก ๆ ให้เหนื่อย ใช้วาฬโทรตามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยซึ่งคนถูกสั่งทำตามอย่างว่าง่าย ที่ทำให้เพราะขี้เกียจเถียงกันแล้วแหละ
ร่างเล็กก้าวเดินนำหน้าเพื่อนตรงไปยังทางหน้าบ้าน พื้นที่บริเวณโซนบ้านของวาฬยังคงเป็นพื้นที่ที่ฉันชอบมากที่สุด สงบ ร่มเย็นแล้วยังรู้สึกปลอดภัยเช่นเดิมตั้งแต่ที่รู้สึกได้ในวัยเด็กจนปัจจุบัน
ฉันเดินผ่านศาลเจ้าที่ของบ้านทำให้ช่วงหนึ่งที่ไม่มีแม่แล้ว เคยงอนพ่อจนหนีมาแอบอยู่ที่ศาลแล้วยังเคยถูกวาฬดุเพราะเอารูปปั้นช้าง ม้าของศาลมาเล่นแก้เหงา ก็ปลาเก๋าบอกว่าเล่นได้เพราะยัยนั่นก็เล่นประจำนิ!
แต่เมื่อโตมาจึงรับรู้ได้ว่ายัยเก๋าคือลูกรักสิ่งศักดิ์สิทธิ์...
ส่วนฉันลูกชัง ดูตอนนี้สิมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นให้พักหายใจ...
“สไบไปตามเพื่อนก่อนแล้วเจอกันที่บ้าน” เสียงของวาฬดังขึ้นตามหลังรับรู้ถึงเสียงฝีเท้าที่เดินตามมาไม่ห่าง
“อือ” เสียงขานตอบกลับในลำคอเป็นการตอบรับว่าเข้าใจสิ่งที่เพื่อนพูด แต่แล้วเมื่อเราทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณของสำนักก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งตรงปรี่เข้ามาขวางหน้าเอาไว้ แต่ขวางหน้าผู้ชายที่เดินอยู่ด้านหลังนะไม่ได้ขวางหน้าฉัน
“พี่วาฬคะ” เสียงหวานสดใสที่มาพร้อมรอยยิ้มของ ‘มีญ่า’ ลูกสาวของลูกศิษย์ของสำนักที่เป็นถึงหลานสาวของนักธุรกิจระดับเจ้าสัวของประเทศ
เท้าที่กำลังก้าวเดินถึงกับหยุดชะงักแล้วหมุนตัวหันกลับไปมองทางพวกเขาทั้งคู่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอและเห็นภาพแบบนี้ แม้ว่ามีญ่าจะพึ่งอายุ 19 ปี แม่และตาของมีญ่านั้นเป็นลูกศิษย์คนสำคัญของสำนักบ้านพรวิจิตรมาอย่างยาวนาน ทำให้เธอเจอกับวาฬมาตั้งแต่เด็กและทั้งคู่ก็มีความสนิทกันพอสมควรเหมือนกับฉันนั่นแหละ
“มากับแม่เหรอครับวันนี้” วาฬย้อนถามมีญ่ากลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ริมฝีปากยกยิ้มบาง ๆ ให้กับคนตรงหน้า ทำให้เห็นลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้าง
บอกแล้วไงว่าทั้งชีวิตก็ดุแค่กับฉันนี่แหละ...
“มีญ่ามากับคุณตาแล้วก็คุณยายค่ะ รอพี่วาฬตั้งนานไปเรียนพึ่งกลับเหรอคะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเธอรับรู้ได้ถึงความน่ารักแม้จะไม่ต้องมองหน้าเพราะอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะมองฉันเช่นเดียวกัน
ก็เป็นแบบนี้มานานแล้วเหมือนคนไม่ชอบขี้หน้ากัน ฉันก็เป็นพวกประเภทที่ตอบสนองทุกคนได้อย่างดีเยี่ยมมาตลอด ไม่ปล่อยให้ใครต้องไม่ชอบหน้าตัวเองฝ่ายเดียวซะด้วยสิ เลยไม่ชอบหน้ายัยเด็กนี่กลับอย่างเท่าเทียม เสมอ ๆ ไม่เสียเปรียบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน
“ครับพี่พึ่งกลับ โป๊ยเซียน...เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระ” วาฬรีบบอกลามีญ่าทันทีเมื่อพยายามเรียกฉันที่กำลังเดินตรงไปตามทางที่ตัวเองจะไป โดยไม่คิดจะหันกลับมาสนใจเสียงเรียกนั่นเลยสักนิด
“....” จะอยู่คุยกับเด็กนั่นก็เชิญเถอะ รำคาญเสียงที่พยายามทำให้ดูน่ารักและน่าหนวกหูเป็นบ้า
“โป๊ย” เสียงเรียกของวาฬดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงปรากฏตัวขึ้นข้างกาย ขายาวของวาฬทำให้สามารถเดินตามฉันมาได้ทัน แล้วน้ำเสียงที่เรียกชื่อฉันช่างต่างกับตอนที่คุยกับมีญ่าเหลือเกิน
“อะไร” ฉันขานตอบกลับสั้น ๆ เท้ายังคงเดินไปข้างหน้าจนกระทั่งข้ามมาฝั่งบ้านตัวเองได้สำเร็จ
ไร้สิ่งใดพุ่งเข้ามาจะเอาชีวิต ถ้าโดนอีกรอบในวันเดียวกันครั้งนี้ได้ไปหาหมอจริงแน่ แค่นี้ก็ปวดแขนจนยกไม่ขึ้นดูท่าจะต้องพึ่งยาแล้ว ใส่เสื้อคลุมแขนยาวเอาไว้หรอกนะยังไม่รู้เลยว่ามีรอยช้ำขึ้นมาบ้างหรือยัง
“รีบมากเหรอ”
“รำคาญ” คำตอบที่ออกจากปากนั้นชัดเจนออกมาจากความรู้สึก รำคาญเสียงเล็ก ๆ ปกติไม่อยู่ฟังนานอยู่แล้วฉันแสดงออกชัดไม่แพ้เด็กนั่นหรอก
“รำคาญมีญ่า?” วาฬรู้นะว่าเราสองคนดูไม่ถูกชะตากันมาแต่ไหนแต่ไร ยังจะถามเหมือนคนไม่รู้เรื่อง ต้องการกวนประสาทไง
“รำคาญมึงนั่นแหละ” ดวงตากลมมองค้อนใส่เพื่อนพร้อมกระแทกเสียงใส่แล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน จังหวะเดียวกันนั้นที่น้าเพ็ญกำลังยืนรอต้อนรับเราอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มใจดีแล้วยังรับรู้ได้ถึงความดีใจที่เห็นฉันกลับมาบ้าน
“วันนี้กลับมากับวาฬเหรอ ถึงว่าลุงลพนอนกลิ้งอยู่บ้านไม่ไปไหนเลย” น้าเพ็ญเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าของฉันกับวาฬ
จะว่าไปแม้แต่น้าเพ็ญพ่อก็สั่งห้ามว่าห้ามบอกเรื่องที่ต้องอยู่กับวาฬด้วยนี่นา...
“ใช่ค่ะ โป๊ยไปกับวาฬแล้วก็ให้รับกลับมาด้วยเลย” คำตอบของฉันทำให้น้าเพ็ญมองเลยหลังไปแล้วส่งยิ้มให้วาฬด้วยความเอ็นดู
“ภาระครับน้าเพ็ญ” พูดจบวาฬก็เดินผ่านฉันตรงไปยังตู้ปลาขนาดใหญ่ เป็นปกติที่เขามาที่นี่จะสนใจปลาก่อนเลยเป็นอันดับแรก สมแล้วที่ชื่อวาฬมีเพื่อนเป็นสัตว์น้ำ มีญาติเป็นปลาน้ำจืดกับปลาน้ำเค็มอย่างปลาเก๋ากับเต๋าเต้ย
“ทำเป็นบ่นนะวาฬ เห็นตามใจโป๊ยมาตั้งแต่เด็กอยู่ดี” น้าเพ็ญอดที่จะพูดแซวผู้ชายที่เดินไปไม่ได้ ตามใจฉันเหรอ...หึ! ตอนเด็ก ๆ ถ้าไม่ตามใจฉันก็จะอาละวาดไง
“คืนนี้โป๊ยจะออกไป” ฉันจะพูดว่ายังไงดีนะ...
จะบอกน้าเพ็ญว่ายังไงดีไม่ให้เป็นห่วงและกังวลว่ากำลังมีเรื่องแปลกประหลาดอยู่รอบตัวในเวลานี้ จะบอกว่าไปนอนกับวาฬมันต้องฟังดูน่าตกใจแน่ ๆ ผู้หญิงกับผู้ชายวัยนี้เขาไม่ควรไปนอนห้องเดียวกัน
แม้ว่าเรา 2 คนจะเห็นกันมาตั้งแต่เกิดก็เถอะ!