บทที่สอง

2409 Words
Sriwalai Hotel คือโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ในย่านทองของเมืองหลวง กิจการดังกล่าวตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น และบัดนี้ประธานบริหารสูงสุดก็คือการิน เดิมทีชายหนุ่มเริ่มหาประสบการณ์โดยการดูแล Valila Bar เป็นอันดับแรก บาร์ดังกล่าวคือแลนมาร์กสำคัญของ Sriwalai ที่ไม่ว่าใครมาเยือนก็ต้องแวะเวียนมาทุกราย ด้วยเอกลักษณ์ของ Rooftop สุดหรูที่เสิร์ฟอาหารหลายสัญชาติพร้อมบรรเลงกีตาร์โปร่งคลอเบาๆ เคล้าแสงไฟจากตึกของมหานครอันงดงาม “ตอนเที่ยงมีต้อนรับกรุ๊ปทัวร์วีไอพี เป็นคณะทูตจากจีน ขิมเช็กอาหารในครัวกับเรื่องบุ๊กกิ้งห้องให้เรียบร้อยนะ” พี่กานดาหัวหน้าแผนกประสานงานที่คริมาฝึกงานอยู่สั่งการทุกอย่างผ่านวอส่วนตัว วันนี้บรรยากาศใน Sriwalai ค่อนข้างวุ่นวายทีเดียวเพราะต้องเตรียมต้อนรับคณะทัวร์ที่เป็นทูตต่างชาติ แถมหัวเรือใหญ่ที่ได้รับมอบหมายดูแลงานนี้ยังเบี้ยว ตั้งแต่เช้ายังไม่ปรากฏตัวเลย “ค่ะพี่กาน ทุกอย่างเรียบร้อยดี” “อ่อๆ อีกเรื่องนะขิม ห้อง 4404 ขิมช่วยไปที่ห้องนี้ทีนะ” “แขกมีปัญหาเหรอคะ” คริมาขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ ปกติหน้าที่จัดการปัญหาเรื่องแขกในแต่ละวันส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของรีเซปชันซึ่งมีประสบการณ์การรับมือมากกว่า ไม่ใช่เด็กฝึกงานอย่างเธอ “ใช่ที่ไหนละ คนนี้ใหญ่กว่าแขกอีก” “คะ…” “คุณพิชญ์ต่างหาก เมาไม่ตื่นตั้งแต่เมื่อคืน พี่ฝากขิมดูแลด้วยนะ” วางระเบิดเสร็จกานดาก็ตัดการติดต่อทันที และระเบิดลูกนี้ไม่ธรรมดาแต่คืออาวุธนิวเคลียร์ร้ายแรงอย่างพัชระ ชายหนุ่มที่ทำเอาทั้งแผนกปวดหัวตั้งแต่เขาเข้ามาเริ่มงานในตำแหน่งรองประธานไม่ถึงเดือน เมื่อสถานการณ์พาซวยนักศึกษาสาวถอนหายใจยาวเหยียด เธอเบื่อเหลือเกินที่ต้องทำงานกับผู้ชายไม่รู้จักโตแบบหมอนี่ อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทนพัชระได้ถึงเดือน เด็กฝึกงานอย่างเธอจึงต้องรับเคราะห์ดูแลตัวปัญหาแทนทุกคน คริมาไม่รู้ว่าพัชระได้ตำแหน่งรองประธานนี้จากการจับฉลากมาหรือเปล่า ทำไมถึงไร้ความรับผิดชอบแม้กระทั่งกับงานสำคัญ! คิดเช่นนั้นร่างบางมุ่งหน้าไปทางลิฟต์ของพนักงานเพื่อขึ้นไปยังห้องหมายเลข 4404 หลังเคาะประตูเบาๆ ตามมารยาท แต่รอแล้วรอเล่าพัชระก็ไม่เดินออกมาเปิดสักที คริมาก้มดูนาฬิกาข้อมือพบว่าจวนถึงเวลานัดแล้ว เห็นทีจะช้ากว่านี้ไม่ได้ มิเช่นนั้นเธองานเข้าแน่ คนตัวเล็กจึงสแกนคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตู “คุณพิชญ์! คุณพิชญ์!” เสียงหวานตะโกนเรียกชายหนุ่มสองสามครั้งก็ไร้เสียงขานรับ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสังเกตรอบข้างด้วยท่าทีหงุดหงิด ภายในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงซากอารยธรรมเกลื่อนพื้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือแม้กระทั่งกระเป๋าสะพายสุดหรู แต่ที่กระแทกตาเธอสุดๆ คือจีสติงสีแดงซึ่งวางพาดทับบ็อกเซอร์ลีวายประหนึ่งเครื่องยืนยันว่าเมื่อคืนพัชระควงคู่ขามาเล่นจ้ำจี้ ไอ้คนลามกเอ๊ย! เธอนับหนึ่งถึงสิบในใจ หญิงสาวพยายามใจเย็นกับคนไม่รู้จักหน้าที่ตัวเองอย่างเขา ปกติไม่มีงานด่วนแทบต้องลากลงจากเตียงอยู่แล้ว แต่นี่เล่นเมาในคืนวันที่คณะทูตจะเดินทางมาถึง เป็นถึงลูกหลานเจ้าของ Sriwalai แท้ๆ กลับไม่แยแสชื่อเสียงโรงแรม “คุณพิชญ์!!” สุดท้ายเมื่อไม่ได้รับการตอบกลับคริมาไม่ขอทนอีก มือบางตัดสินใจผลักประตูบานใหญ่ที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนไว้ ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าทำเธอหันหลังหนีแทบไม่ทัน “กรี๊ดดด เธอเป็นใคร!” ร่างอวบบนเตียงหวีดร้องเสียงสูงทำเอาหญิงสาวแสบแก้วหู หล่อนรวบผ้าห่มไว้ด้วยมือเดียวเพื่อบดบังสภาพเปล่าเปลือย “ฉันเป็นผู้ช่วยคุณพิชญ์ค่ะ อีกยี่สิบนาทีงานที่เขารับผิดชอบกำลังจะเริ่ม รบกวนคุณจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วออกไปด้วย” “แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าเธอไม่โกหก” “คีย์การ์ดและบัตรผ่านของพนักงาน หลักฐานแค่นี้ยืนยันได้แล้วนะคะว่าฉันเป็นผู้ช่วยของผู้ชายที่คุณนอนด้วยเมื่อคืน” “ยัย…” “ถ้าช้ากว่านี้อีกไม่กี่นาทีคุณเกศน์จะขึ้นมาตามเองนะคะ คุณคงไม่อยากซวยไปด้วยถูกไหม” เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากเถียง สมองอันชาญฉลาดของคริมาจึงสั่งการให้อ้าง ‘เกศนภา’ มารดาของพัชระ “ฉันไม่อยากจะคิดเลย ถ้าคุณเกศน์เห็นคุณกับลูกชายสภาพนี้คงไม่ปลื้มแน่ๆ” เธอแสร้งถอนหายใจพลางพูดเสียงอ่อนลงคล้ายกำลังหวังดี “ก็ได้!” แม่สาวผมดำลุกขึ้นยืน มุ่งหน้าเข้าห้องน้ำ หล่อนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ถึงสิบนาทีก็จากไปด้วยทีท่ารีบร้อน เมื่อจัดการปัญหาด่านแรกเสร็จก็เหลือเพียงตัวการบนเตียง ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อหลับพริ้มเหมือนอยู่ในภวังค์ฝันแสนหวาน คริมากัดฟันกรอด อารมณ์พุ่งสูงขึ้นเหมือนใกล้ปะทุเต็มที เธออยากพุ่งไปเขย่าตัวเขาแรงๆ แต่ท้ายที่สุดเลือกหยิบน้ำขวดข้างเตียง เพราะคิดว่าบางทีน้ำเย็นๆ อาจช่วยปลุกคนขี้เซาให้ลืมตา ซ่า! แล้วความเปียกชุ่มก็สัมผัสวงหน้าหล่อลงไปถึงแผงอกกำยำ เล่นเอาพัชระลืมตาแทบไม่ทันเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย ชายหนุ่มเบิกตากว้าง สิ่งแรกที่เห็นคือนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของคริมา “เชี่ย” เขาสบถคำหยาบตามสัญชาตญาณลึกๆ เพราะเวลานี้ใบหน้าหวานของยายตัวแสบที่เขาแอบตั้งฉายาลับว่า ‘ผีดิบ’ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม “อรุณสวัสดิ์ตอนสายๆ ค่ะคุณพิชญ์” เธอยิ้มทักทายเป็นอันดับแรก “ฉันให้เวลาคุณห้านาที ถ้าช้ากว่านี้เศษซากที่คุณทิ้งไว้เมื่อคืนถึงคุณเกศน์แน่!” คำว่า ‘คุณเกศน์’ และภาพในสมาร์ตโฟนเครื่องบางมีอำนาจทำให้ร่างกำยำแทบจะดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง ทุกคนต่างรู้ดีว่าคนเดียวที่ปรามพัชระได้คือมารดา ถือว่าเป็นโชคดีของคริมาที่เธอพอจะรู้จักกับท่าน เพราะเกศนภามักแวะไปเยี่ยมเยียนคุณหญิงพราวพรรณประจำ พอมีโอกาสได้เจอและพูดคุยกันทำให้รู้ว่าหล่อนเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่ก็มีบางมุมที่เจ้าระเบียบ “นี่เธอกำลังขู่ใครรู้ตัวหรือเปล่า” แววตาแข็งกร้าวสบตาคริมาเมื่อโทสะเข้าครอบงำ “ขอบอกไว้ก่อน เข็มนาฬิกาฉันเดินเรื่อยๆ นะคะ ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการจบปัญหานี้” มีหรือคนอย่างเธอจะกลัว หญิงสาวยกมือกอดอกวางท่าอวดดีไม่เลิก ซ้ำร้ายริมฝีปากรูปกระจับยังขู่ฟ่อคำเดิมอีกรอบ “หนึ่ง” แม้พัชระนิ่งแต่หญิงสาวยังพูดต่อไม่ย่อท้อ “…” แววตาเขม็งจ้องคริมาไม่ละสายตาราวประกาศว่าเขาเองก็ไม่มีทางอ่อนข้อให้เช่นกัน “สิบ” ทว่าน้ำเสียงมั่นคงยังกดดันเรื่อยมาจนคนขี้รำคาญยอมใจในความอดทน สุดท้ายพัชระจำต้องคว้าผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบลวกๆ และเบี่ยงปลายเท้าเข้าห้องน้ำ เขากัดฟันกรอดก่นด่าคริมาในใจ ‘ฝากไว้ก่อนยายผีดิบ!’ หลายชั่วโมงผ่านไป… กว่าจะแปลงโฉมพัชระให้เรียบร้อยเกือบไม่ทันเวลา ทว่าทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อเก็บภาพบรรยากาศเสร็จ งานต้อนรับคณะทัวร์ทูตจากประเทศจีนก็ถือว่าจบลง พัชระในฐานะเจ้าของโพรเจกต์จำเป็นต้องอยู่ร่วมงานตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้เข็มนาฬิกาบอกเวลาใกล้ค่ำ ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นซับเหงื่อบริเวณข้างแก้มเบาๆ แม้เบื่อหน่ายเพียงใดแต่รอยยิ้มบนริมฝีปากก็ไม่หายไปแม้แต่วินาทีเดียว วันนี้เขาทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ชายหนุ่มรอแขกทุกท่านทยอยเข้าที่พัก พอได้จังหวะเสียงทุ้มก็กระซิบบอกข้างใบหูคนข้างกาย “หิว” “อยากกินอะไรคะ เดี๋ยวขิมสั่งห้องอาหารไว้ให้” คริมาอยากถอนหายใจสักล้านรอบ การมาฝึกงานครั้งนี้ไม่รู้เธอมีหน้าที่อะไรกันแน่ เพราะเห็นแต่ละสิ่งที่กานดาสั่งให้ทำล้วนเกี่ยวข้องกับพัชระทั้งหมด กานดาบอกให้นักศึกษาสาวดูแลรองประธานหนุ่ม ทั้งที่ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาควรแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้เธอตามติดเหมือนแม่กำลังเลี้ยงลูก “ไม่เอา ไม่อยากกินที่นี่” “งั้นเชิญคุณพิชญ์ตามสะดวกค่ะ ขิมขอตัวก่อน” หญิงสาวยิ้มบอกก่อนหมุนกายหนีหน้าผู้ชายมากเรื่อง แต่ไม่มีวันที่คนเอาแต่ใจอย่างพัชระจะยอม มือของเขาถือวิสาสะกระชากข้อมือเล็กก่อนจะกำไว้หลวมๆ “ผมไม่อยากกินคนเดียว มันเหงา ไปเป็นเพื่อนหน่อย” พูดจบชายหนุ่มไม่รอฟังเสียงโวยวายของคนด้านหลัง พัชระใช้พละกำลังซึ่งมีมากกว่าเป็นทุนเดิมลากคริมาเดินไปในทิศทางที่ต้องการ เขาจับเธอนั่งรถคันหรูแล้วขับออกไปด้วยกัน โดยไม่รู้ว่าการกระทำของตัวเองนั้นตกอยู่ในสายตาใครบางคนเข้า! ในที่สุดรถคันหรูพาเธอมาหยุดตรงลานดนตรีสดที่ดูไม่ค่อยเข้ากับมาดไฮโซของพัชระเท่าไร ร้านดังกล่าวตั้งอยู่ใจกลางตลาดกลางคืนชื่อดังไม่ต่างกับลานเบียร์ขนาดย่อม “คุณพิชญ์ ฉันบอกว่าอยากกลับบ้านไง ทำไมคุณพูดไม่รู้เรื่อง”เจ้าของริมฝีปากรูปกระจับโวยวายเป็นระยะเพราะชายเบื้องหน้าเอาแต่บังคับไม่เลิกรา “เธอเป็นเด็กเส้นคุณป้าใช่ปะ” เขาถามขณะกดไหล่บางทั้งสองข้างให้คริมานั่งลง “ฉันมะ…” “บ้านอยู่ไหน ใช่ที่เดียวกับคุณป้ากับพี่กายหรือเปล่า ถ้าใช่ นั่งเป็นเพื่อนก่อน เดี๋ยวเสร็จแล้วผมไปส่ง” รองประธานหนุ่มเอ่ยถึงญาติผู้พี่ของ ‘เกศนภา’ มารดาเขามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ‘พราวพรรณ’ แม่ของการิน เพราะวัยใกล้เคียงทำให้ทั้งคู่เล่นสนุกกันเสมอทุกครั้งที่เจอกันในงานวันรวมญาติ “แต่ขิมไม่หิว” เธอปฏิเสธเสียงเขียว “ทำไมหรือว่ามีแฟน กลับดึกกลัวแฟนหึง?” พัชระเลิกคิ้วถามคำถามสุดจี้ใจ คำว่า ‘แฟน’ ที่ว่าคริมาไม่เคยสัมผัสตั้งแต่เริ่มมีความรัก สิ่งเดียวที่เธอรู้จักคือเป็นได้แค่คนในความลับของการิน “…ปะ…เปล่าไม่มี” คนตัวเล็กตอบไม่เต็มเสียงก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน เพราะไม่อยากถูกชายตรงหน้าซักไซ้ให้ปวดหัว “พูดมากอยู่ได้ อยากให้ขิมนั่งเป็นเพื่อนนักใช่ไหม จะสั่งอาหารให้คุณกระเป๋าตังค์ฉีกเลยคอยดู” “จัดมาดิ ตัวเล็กแค่นี้จะกินได้เท่าไหร่เชียว!” เรียวปากหยักยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดวงตาเฉี่ยวคมฉายแววสนุกขึ้นทันทีเมื่อถูกเธอท้าทาย คริมาหยิบเมนูขึ้นกวาดตาดูแวบเดียวก่อนปิดลง ยายตัวแสบกวักมือเรียกพนักงาน เธอสั่งแต่เมนูแพงๆ แล้วไม่กี่นาทีอาหารดังกล่าวถูกวางเต็มโต๊ะ “หิวใช่ไหม งั้นเชิญคุณกินเยอะๆ นะ” “วันนี้เธอมีน้ำใจกับฉันมากเลยเนอะ” “คุณเป็นผู้มีพระคุณของฉันนี่” คำพูดยียวนทำให้พัชระเผลอจ้องใบหน้างามจนเกินควร เขามองนัยน์ตาหวานซึ่งปกติไม่ค่อยฉายอารมณ์ให้เห็น ก่อนเลื่อนลงมาหยุดตรงริมฝีปากที่กำลังยิ้มจางๆ “ฮึ” ใบหน้าหวานมุ่ยเล็กน้อยเพราะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากท่านรองประธาน คริมาคิดในใจว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงยิ้มไม่หุบ ทั้งที่เวลาโดนแกล้งเขาควรจะหงุดหงิดมากกว่านี้ “เป็นไร” “เปล่าค่ะ” พอพัชระจับสังเกตได้เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธ พุ่งเป้าไปที่อาหารทันที “กินนี่สิ ฉันชิมแล้วอร่อยใช้ได้เลยนะ” “ขอบคุณค่ะ” สองหนุ่มสาวรับประทานอาหารต่อเกือบสองชั่วโมง ทีแรกคิดว่ากินเสร็จเธอจะรีบกลับทันทีแต่พัชระดันชวนจิบเบียร์ต่อ และด้วยบรรยากาศเย็นสบายเคล้าเสียงกีตาร์โปร่งจึงสามารถทำให้คริมาเปลี่ยนใจ เพราะรู้สึกว่าออกมาคลายเครียดข้างนอกบ้างก็ดีเหมือนกัน การเติบโตมาใต้ความกดดันอย่างเธอไม่บ่อยครั้งที่จะได้ทำอะไรแบบนี้ ส่วนมากนักศึกษาสาวมักใช้เวลาไปกับการทำผลการเรียนให้ดี ส่วนกิจกรรมแต่ละอย่างที่เข้าร่วมก็ต้องเป็นที่หนึ่งเพื่อรักษาภาพลักษณ์นักเรียนทุน หากไม่มีใครรู้หรอกว่าข้างในนั้นเหี่ยวเฉาไม่ต่างกับต้นไม้ขาดน้ำ เพราะเธอไม่ได้สนุกหรือใช้ชีวิตเช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน นั่นทำให้คริมาดูเย็นชาและเข้าถึงยากจนผู้คนรอบข้างต่างขยาดกันไป เวลาล่วงเลยใกล้เที่ยงคืนพัชระจึงเรียกพนักงานแล้วยื่นธนบัตรสีเทาให้เพื่อจ่ายค่าอาหาร เสร็จแล้วไฮโซหนุ่มก็ขับรถไปส่งคริมาที่คฤหาสน์ ระยะทางตั้งแต่ร้านอาหารถึงปลายทางกินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง “ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารคืนนี้” พอล้อรถหยุดหมุนคนตัวเล็กยิ้มขอบคุณแล้วบอกลา “ไม่เป็นไร เพราะคืนนี้ฉันเองก็สนุกมากเหมือนกัน” พัชระยิ้มตอบพลางจ้องมองแววตาคนข้างกายใกล้ๆ เสียงทุ้มย้ำชัดประโยคดังกล่าวราวกับต้องการให้เธอรู้ว่าคืนนี้เขาสนุกจริงๆ “ค่ะ ขิมขอตัว” พอพูดจบหญิงสาวก็ชิ่งทันที ไม่รู้เหตุใดคริมาถึงสัมผัสกับพลังงานแปลกๆ จากนัยน์ตาของคนช่างรำคาญ เหมือนมันกำลังแปรเปลี่ยนเป็นหยอกเย้าและซุกซนขึ้น “ฝันดี” พัชระกล่าวสั้นๆ ดวงตาเรียวเฉี่ยวไม่ละห่างร่างบาง เขารอจนกระทั่งเธอพ้นรัศมีสายตา เรียวปากหยักก็ระบายยิ้มอ่อนๆ ตามประสาคนอารมณ์ดี การออกไปกินข้าวกับยายผีดิบในค่ำคืนนี้ก็สนุกเหมือนกันแฮะ เห็นทีคงต้องหาโอกาสดีๆ ชวนเธออีกรอบเสียแล้ว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD