คนรัก
“พี่ขอบคุณคุณชามากนะคะที่ให้พี่ยืมเงิน” ดวงใจเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้านายสาวที่นั่งดื่มน้ำสมุนไพรอยู่ตรงข้าม เด็กหญิงณิศราหลับไปได้สักพักแล้ว แม่บ้านวัยกลางคนจึงมีโอกาสพูดคุยกับณิชา เพื่อขอบคุณเรื่องที่เธอให้หล่อนยืมเงินก้อนใหญ่เมื่อเช้านี้
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าช่วย ๆ กัน” หญิงสาวตอบอย่างใจดีพลางวางถ้วยยาสมุนไพรลงโต๊ะหินอ่อนตรงหน้า
“พี่ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย ก่อนหน้านี้พี่ถามยืมหลายคน แต่ก็ไม่มีใครมีให้พี่ยืมเลยสักคน” ด้วยเงินสองแสนมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ที่จะให้ใครยืมได้สุ่มสี่สุ่มห้า การไปขอหยิบยืมเพื่อนหรือคนรู้จักที่มีภาระหนักหนาไม่ต่างกัน จึงไม่มีใครมีเงินมากพอให้ดวงใจยืมเลยสักคน หรืออาจจะมี...แต่ไม่วางใจที่จะให้หล่อนยืม
“จริง ๆ ชาก็มีไม่เยอะ แต่ก็พอมีบ้าง อีกอย่างพี่ใจก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ช่วยได้ก็ช่วยค่ะ” เพราะคิดว่าเธอกับแม่บ้านคนนี้คงทำงานด้วยกันไปอีกนาน ณิชาจึงให้ยืมโดยไม่คิดอะไรมากมาย
“พี่ขอบคุณจริง ๆ นะคะ ถ้าไม่ได้คุณชาเมตตา พี่ก็ไม่รู้จะไปหามาจากที่ไหน” ดวงใจเอ่ยคำขอบคุณเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ หากแต่หล่อนรู้สึกขอบคุณจริง ๆ และไม่รู้ว่าจะพูดคำใดเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนซาบซึ้งในน้ำใจครั้งนี้มาก “พี่ขอผ่อนจ่ายนะคะ คุณชาหักจากเงินเดือนพี่ไปครึ่งนึงเลยก็ได้ค่ะ”
“หือ ถ้าหักครึ่งนึงแล้วพี่ใจจะพอใช้เหรอคะ ไหนจะค่าใช้จ่ายของน้องเจี๊ยบอีก” ‘น้องเจี๊ยบ’ ที่ณิชากล่าวถึงคือลูกสาววัยสิบสามปีของดวงใจ
“ไม่พอก็ต้องพอค่ะ เพราะมันจำเป็น ต่อไปนี้ก็คงต้องลดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นออก”
“งั้นเอาอย่างนี้ค่ะ พี่วินทร์ให้เงินเดือนพี่ใจสองหมื่น ชาหักเดือนละห้าพันพอ ที่เหลือพี่ใจก็เอาไปใช้จ่ายตามปกติ ถ้าเหลือพี่ใจก็เก็บไว้แล้วค่อยมาโปะก็ได้ค่ะ”
ที่วินทร์จ้างแม่บ้านด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าแม่บ้านทั่วไป ก็เพราะดวงใจต้องทำสองหน้าที่ คือทำงานบ้านทั้งหมดกับช่วยสอนและช่วยณิชาเลี้ยงลูกน้อย รวมถึงต้องซักผ้าอ้อมของเด็กหญิงณิศราด้วย
“โธ่...คุณชา ทำไมถึงดีกับพี่ขนาดนี้” แม่บ้านวัยกลางคนซึ้งใจจนน้ำตารื้นซึม ก่อนหน้านี้หล่อนเคยเป็นแม่บ้านให้เศรษฐีครอบครัวหนึ่ง หากก็ไม่เคยได้รับน้ำใจงาม ๆ จากผู้เป็นเจ้านายอย่างนี้เลย มีเพียงแค่เงินเดือนเดือนละเก้าพันบาท แต่ถ้าทำข้าวของเสียหายก็จะถูกปรับตามราคาของชิ้นนั้น “พี่สัญญาว่าพี่จะตั้งใจทำงาน ไม่หนีไปไหน จะตอบแทนที่คุณชาดีกับพี่ขนาดนี้เป็นอย่างดี”
“พี่ใจเองก็ช่วยชาไว้เยอะมาก ถ้าไม่มีพี่ใจ ชาก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงหนูณิมาได้ขนาดนี้ไหม” หญิงสาวยิ้มให้อย่างจริงใจ พลางยกถ้วยสมุนไพรที่คลายความร้อนลงบ้างแล้วขึ้นมาจิบอีก
“เป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้วค่ะ ว่าแต่เย็นนี้คุณชาอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวพี่ไปทำให้”
“จริงสิ ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้วนี่นา อืม...” แล้วณิชาก็หยุดคิดว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี อันที่จริงเธออยากกินข้าวหมูทอดกระเทียม หากพอนึกถึงอีกคนที่เคยร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกันนับครั้งได้ เธอก็ต้องพับเก็บเมนูนั้นไปทันที เพราะเผื่อว่าวันนี้เขาจะกลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน “ในตู้เย็นพอจะมีปลาไหมคะ”
“ไม่แน่ใจ เดี๋ยวพี่ดูก่อน” ดวงใจลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ไม่ไกล เพื่อเช็กวัตถุดิบ ไม่นานก็หันมาบอกเจ้านายสาว “มีค่ะ แต่เป็นปลาทับทิม”
“งั้นทำปลานึ่งมะนาวก็ได้ค่ะ แล้วก็ข้าวสวยร้อน ๆ แค่นั้นพอ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่จะทำให้สุดฝีมือเลย” พูดจบดวงใจก็นำปลาออกมาละลายน้ำแข็งรอไว้ แล้วออกไปเก็บผ้าอ้อมที่ตากไว้มาพับ ส่วนณิชาก็เดินออกจากห้องครัวไปดูลูกน้อยที่นอนอยู่ในห้องนั่งเล่นว่าตื่นหรือยัง
ครั้นเห็นว่าทารกน้อยตื่นและนอนชูแขนชูขาเล่นกลางอากาศ คนเป็นแม่ก็ยิ้มกว้างแล้วรีบเดินเข้าไปหาลูก
“ตื่นแล้วเหรอคะ ไม่ส่งเสียงเรียกคุณแม่เลยนะคะ” ณิชาดัดเสียงเล็กเสียงน้อยคุยกับลูก เมื่อเห็นคนเป็นลูกส่งเสียงอ้อแอ้ตอบโต้ คนเป็นแม่ก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดู แล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายรูปตอนแกยิ้มอารมณ์ดีเอาไว้ จากนั้นก็กดส่งไปให้เพื่อนสนิทอย่างกันตยศซึ่งขอให้ส่งรูปณิศราตอนตื่นไปให้ก่อนจะออกไปคุยงานกับลูกค้า
“แอ้ แอ้”
“หม่ำหม้ำนมไหมเอ่ย” หญิงสาววางโทรศัพท์ลงข้างตัวแล้วถามเสียงหวาน พลางใช้มือคลำผ้าอ้อมลูก ครั้นรู้สึกว่ามันเปียกชื้น กลัวลูกจะไม่สบายตัว คนเป็นแม่ก็รีบจัดการเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ทันที
ณิชาให้นมและนอนเล่นกับลูกอยู่สักพักใหญ่ ๆ ดวงใจที่ทำอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากห้องครัว ตรงมาหาสองแม่ลูกที่อยู่ในห้องนั่งเล่น เพื่อจะขอตัวกลับ
“พี่ทำกับข้าวเสร็จแล้วนะคะ ปลายังอยู่ในซึ้ง ส่วนน้ำพริกราดพี่ครอบฝาชีไว้ ถ้าคุณชาจะกินก็เปิดแก๊สอุ่นได้เลย ข้าวพี่ก็หุงไว้แล้วเรียบร้อย”
“อ๋อ ขอบคุณมากค่ะพี่ใจ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ได้ค่ะ อ้อ! จริงสิ พี่ใจเอาขนมหรือยังคะ” เธอหมายถึงขนมปังจากร้านโปรดที่เธอตั้งใจซื้อมาฝาก
“หยิบมาแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ยายเจี๊ยบต้องชอบมากแน่ ๆ เลย”
“ถ้ากินแล้วชอบ แล้วอยากกินอีก บอกชานะคะ เดี๋ยวชาสั่งมาให้” ณิชายิ้มบอกอย่างใจดี ช้อนตัวณิศราขึ้นมาอุ้ม แล้วเดินออกไปส่งดวงใจที่หน้าบ้าน ก่อนจะยกมือหนูน้อยขึ้นโบกไปมาให้แม่บ้านวัยกลางคนที่กำลังปั่นจักรยานออกไป
จากนั้นหญิงสาวก็พาลูกเดินเล่นอยู่หน้าบ้านอีกครู่หนึ่ง กระทั่งดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป ณิชาจึงพาลูกกลับเข้ามาในบ้าน อาบน้ำแป้งหอม ๆ ให้หนูน้อย ก่อนจะป้อนนมแล้วกล่อมนอน
เมื่อลูกหลับไปแล้ว คนเป็นแม่จึงเดินออกไปสำรวจความเรียบร้อยหน้าบ้าน ครั้นเหลือบไปเห็นช่องจอดรถที่ว่างเปล่า หญิงสาวก็พลันรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจ ด้วยรู้ดีและเห็นกับตาว่าเจ้าของรถนั้นออกไปกับใคร จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา
ณิชากลืนก้อนน้ำลายหนืด ๆ ลงคอ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ข่มความรู้สึกของตัวเอง แล้วท่องเอาไว้ว่าเขาทั้งสองคนเป็นคนรักกัน เธอต่างหากที่เข้ามาแทรกกลางและสร้างปัญหาให้กับพวกเขา
คิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ่งปวดใจยิ่งกว่าเก่า ด้วยเธอไม่อยากให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้เลย หากวันนั้นเธอไม่เป็นห่วงเขามากเกินไป หากเธอรู้ทุกอย่างได้ล่วงหน้า หรือหากเธอฉลาดกว่านั้นอีกสักนิด...
วันนั้น...เธอจะไม่เปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นเลย และเรื่องทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้น ไม่เลวร้ายกลายมาเป็นเช่นนี้
ขณะที่หญิงสาวกำลังจ่มดิ่งกับเรื่องราวในอดีต แสงไฟหน้ารถคันที่หายไปตั้งแต่บ่ายก็สาดเข้ามา ดึงสติของณิชาให้กลับมาอีกครั้ง หากก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหน เธอยืมมองกระทั่งเขาขับรถเข้ามาจอดในช่องจอดประจำเคียงข้างรถอีกคันที่จอดนิ่งสนิทมานานแล้ว
“ทำไมกลับมาเร็วคะ” เธอถามทันทีเมื่อเขาเดินขึ้นเฉลียงบ้านมา และไม่รู้อะไรทำให้เธอหลุดถามออกไปอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะความน้อยใจที่อัดแน่นอยู่ข้างในหรืออะไรก็สุดรู้ หากแต่เธอแอบคิดว่าวันนี้เขาคงกลับดึก ๆ เสียอีก เพราะเขาออกไปกับคนรัก ณิชาไม่ได้อยากคิดไปไกลขนาดนั้น แต่เธอก็ห้ามความคิดของตัวเองไม่ได้จริง ๆ
สายตาคมของวินทร์ตวัดมองอย่างไม่พอใจที่ถูกถามด้วยคำถามนั้น ถึงเธอจะไม่ได้แสดงออกมากนัก ทว่าเขากลับสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของหญิงสาวนั้นเจือรอยประชดประชัน
ชายหนุ่มละสายตาจากใบหน้างามของแม่ของลูก แล้วเดินเข้าบ้านโดยไม่สนใจจะตอบคำถามที่หาสาระไม่ได้ของเธอ ทุกวันนี้...หากไม่เกี่ยวกับเรื่องลูก เขาก็แทบไม่อยากคุยกับเธอด้วยซ้ำไป
ณิชาได้แต่ยืนกลืนน้ำลายหนืด ๆ ลงคออีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกจุกในอก ชาไปทั้งร่างเมื่อถูกเมิน แม้เธอจะอยู่ในสภาวะแบบนี้มาเกือบหนึ่งปีแล้ว เธอต้องเผชิญกับความเย็นชาและหมางเมินเช่นนี้ทุกวัน ตอนแรกเธอคิดว่าคงทนได้เพื่อลูก หรือไม่ก็คงชินไปเอง
ทว่าเธอกลับไม่เคยปรับตัวให้ชินได้เลยสักครั้ง ยิ่งนานวัน เธอก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแรงขึ้นเรื่อย ๆ
บีบ...ให้เธอไปจากที่นี่