บทที่ 5 เจอกันอีกแล้ว

1777 Words
พระพายกว่าจะตั้งสมาธิให้กลับมาสู่การทำงานก็เกือบชั่วโมง เธอลบภาพโจ้ยใหญ่ ๆ ของประธานผีเปรตที่จ้องจะเป็น ‘ผีลูบหัว’ ของเธอไป แล้วกลับไปทำงานนรกแตก กับยอด Sale Order ที่ถาโถมเข้ามาอย่างถล่มทลายจนคีย์เข้าระบบสายการผลิตแทบไม่ทัน แม้หน้าที่นี้ต้องให้คนที่มีประสบการณ์ทำ แต่ทว่าคุณพี่นุชรีกลับโยนงานแสนยากมาให้เธอ ด้วยอ้างกับพี่วายุว่าน้องใหม่มีความสามารถมาก ควรให้ได้รับงานที่ท้าทาย ไม่แน่ว่าหากไปที่อื่นก็ได้คุยได้ว่าบริษัทของเรามีแต่บุคลากรที่ผ่านมางานอย่างเชี่ยวชาญมา จะได้ไม่อายบริษัทอื่น แต่ไม่รู้ว่าพี่วายุคิดอย่างไรถึงเห็นด้วยกับพี่นุชรีก็ไม่รู้ แม้ว่าสริตาจะขัดโดยอ้างเหตุผลแล้วก็ตาม ทำให้เธอนั้นติดขัดในการทำงาน และต้องรบกวนพี่วายุตรวจงานของเธออย่างละเอียดทุกวันไป วันนี้อยากจะเลิกเร็วเพื่อจะไปสมัครงานที่ Thousand light สงสัยได้กลับบ้านก่อนแหง เธอดูเวลากับกองงานตรงหน้าแล้วรู้ได้ทันทีว่าอย่างไรก็ไม่ทันแน่นอน จึงเข้าไปเคาะห้องของหัวหน้าเพื่อขอทำโอที ที่บริษัทแห่งนี้หากพนักงานจะทำโอทีต้องให้หัวหน้าอนุมัติ เพราะเวลาพักผ่อนของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ ผู้บริหารเล็งเห็นถึงความจำเป็นก่อนเสมอ หากไม่จำเป็นไม่ต้องให้พนักงานเอาเวลาพักผ่อนมาทำงาน และถ้าพนักงานพักผ่อนไม่เพียงพองานก็ไม่เกิดประสิทธิภาพ หรือเธอมักคิดเสมอว่าผู้บริหารขี้งก กับแค่ปล่อยโอทีให้พนักงานทำงานจะสักแค่ไหนกันเชียว “เดดไลน์เมื่อไหร่” วายุเงยหน้าขึ้นถาม เพราะเป็นห่วงการเดินทางกลับบ้านของพระพาย จึงไม่ค่อยอยากให้ทำงานเลิกดึกนัก “ท่านประธานกำหนดว่าพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงค่ะ” พระพายอยากจะร้องไห้ ให้ตายเถอะประธานผีเปรตไม่รู้จะเร่งอะไรนักหนา ลูกค้าส่งมาวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะเอาเลย “เช่นนั้นก็สำคัญ คุณอยู่ทำไป แบ่งงานครึ่งหนึ่งมาให้ผม” วายุทำเป็นทุกตำแหน่งงาน ก่อนมาเป็นผู้จัดการแผนกการตลาด เขาย่อมผ่านงานมาทั้งหมด และเขาก็ทำไวกว่าน้องใหม่อย่างพระพายดังนั้น เมื่อพนักงานมีปัญหาเขาย่อมต้องยื่นมือช่วย เรื่องนี้ไม่ใช่พระพายละเลยงาน แต่ว่างานนี้เป็นงานด่วนของเบื้องบน “ขอบคุณพี่วายุ” เธอรีบแบ่งงานทันที แม้จะเกรงใจแต่เมื่อไหร่ที่เกินกำลังย่อมยอมรับการช่วยเหลือแต่โดยดี ไม่อวดเก่งเก็บงานไว้คนเดียวเด็ดขาด เธอรีบวิ่งออกจากห้องผู้จัดการมาแบ่งงานครึ่งหนึ่งให้ผู้จัดการ ส่วนพี่สริตาอยู่ช่วยไม่ได้เพราะว่ามีนัดพาคุณแม่ไปพบคุณหมอตอนเย็นที่คลินิก ดังนั้นวันนี้เธอจึงต้องรบกวนผู้จัดการอย่างวายุ การกระทำของพระพายอยู่ในสายตาคนขี้อิจฉาอย่างนุชรีเสมอ เมื่อใกล้เลิกงานสิบห้านาที เธอก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาแต่งหน้า เมื่อเห็นหอบเอางานไปให้ผู้จัดการช่วยทำ ก็พูดแซะราวกับบ้านเกิดอยู่อำเภอท่าแซะจังหวัดชุมพรอย่างนั้น “งานแค่นี้ยังต้องรบกวนผู้จัดการ ไม่รู้จักบริหารเวลา” พูดแล้วก็สะบัดหน้าเชิดไป ทำให้สริตาต้องสอดปากเข้าช่วยเหลือน้องใหม่ “มือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำ หากเธอบริหารเวลาเก่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ meeting เช้าฉันจะเสนอพี่วายุย้ายงานของพระพายออกไปให้นุชรีคนเก่งของแผนก เพราะว่างานที่ทำมันกระจอกไป ให้ทำอะไรยาก ๆ เหมาะกับความสามารถและสมองอย่างเธอ” สริตาปกติไม่ค่อยพูดมาก เพราะชอบทำงานไม่ชอบยุ่งกับใคร แต่ถ้ามันเหลือเกินมากจนทำให้คนอื่นเขารู้สึกไม่ดี ก็ต้องปรามบ้าง แล้วนุชรีก็ไม่กล้าเถียงเธอเพราะเธอเป็นคนเอาจริง “ไม่...ไม่เอา ฉันไม่เอาเด็ดขาด” “เรื่องนี้หากพูดด้วยเหตุและผลแล้ว พี่วายุต้องรับฟังแน่นอน” นุชรีหน้าเจื่อนทันที ปกติงานที่ให้เธอทำก็ผิดพลาดบ่อยอยู่แล้ว พี่วายุต้องเรียกเธอไปดุเป็นประจำ และหน้าที่นี้วุ่นวายที่สุดในแผนก ดังนั้นเธอโยนได้เป็นโยน แต่เมื่อเขี่ยออกไปแล้ว จะย้อนกลับมาหาตัวเองเธอก็ไม่ยอม “แล้วเธอล่ะ ทำไมไม่ช่วยน้อง เป็นพี่เลี้ยงไม่ใช่เหรอ” นุชรีรีบโบ้ยให้สริตาทันที แต่น้ำเสียงไม่ได้หยิ่งผยองเหมือนตอนแรกเริ่ม “ฉันก็มีธุระ แต่ถ้าเธอไม่มีธุระก็ควรจะอยู่ช่วยน้องนะ ในเมื่อเดือดร้อนแทนผู้จัดการ เดี๋ยวฉันจะไปยกงานของผู้จัดการมาให้เธอทำ” แน่นอนว่างานทุกงานในแผนก ทุกคนล้วนทำเป็นหมด หากใครไม่มาหนึ่งคนย่อมมีคนแทนงานได้ แต่มีเพียงหนึ่งคนที่ไม่เคยช่วยเหลือเพื่อนเลย ก็คือนุชรี แม้ทำงานนี้มาตั้งแต่เรียนจบจนอายุป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่พัฒนาการทำงาน เพราะเอาแต่โยนงานให้คนอื่นทำ จนคนอื่นเขาเลื่อนขั้นขึ้นเกรดไปไกล แม่นี่ก็ยังอยู่ที่เดิม ทำงานเช้าชามเย็นชาม อยู่ไปวัน ๆ แบบไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ไม่...ไม่ต้อง วันนี้ฉันมีนัด” เมื่อทุ่มเถียงไม่ชนะ สริตา เธอก็รีบออกจากห้องไปเป็นคนแรก เมื่อถึงเวลาเลิกงานแบบไม่ให้ขาดไม่ให้เกิน ทำเอาสริตายิ้มขำ พระพายส่ายหน้าให้พี่สริตาที่ไปแกล้งพี่นุชรีเขา เธอรู้อยู่หรอกว่าพี่สริตาเป็นคนเดียวในแผนก ที่หลายคนเกรงใจ เมื่อพี่เขาเอ่ยปากย่อมสยบคนฝีปากกล้าอย่างพี่นุชรีได้ “ขอบคุณค่ะพี่ริตา” เธอกล่าวขอบคุณพี่สริตาพร้อมกับโบกมือลาเมื่อเลิกงานแล้ว และก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดการกองงานตรงหน้าจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเย็น กองงานของเธอก็เสร็จพอดี แต่ทว่าพี่วายุนั้นเสร็จนำเธอไปนานแล้ว แต่เธอมองลอดกระจกไปเห็นเขาคุยงานอยู่ก็เลยเร่งให้เสร็จ “ครับท่านประธาน เสร็จแน่นอนก่อนประชุมครับ” เฟลิเปโทรมากำชับเรื่องการคีย์ข้อมูลเข้าระบบ เพื่อจะทำข้อมูลยอดขายไปร่วมประชุมกับแผนกที่เกี่ยวข้องพรุ่งนี้ ทำให้เขาที่จะออกไปช่วยเธอกลับต้องเสียเวลาคุยกับท่านประธานอยู่พักใหญ่ เมื่อวางสายเสร็จแล้วเดินมาที่โต๊ะทำงานของเธอก็เห็นเธอคีย์ออเดอร์สุดท้ายเสร็จพอดี เรียกได้ว่าเสร็จเร็วกว่าที่คิด นับวันพระพายยิ่งพัฒนาฝีมือขึ้นจนทำให้เขาเห็นถึงความสามารถ และคิดจะขึ้นเงินเดินให้เร็วหน่อย “เสร็จแล้วเหรอ” เขาถามเธอด้วยรอยยิ้ม “เรียบร้อยแล้วค่ะ” พระพายหันมาตอบหัวหน้างาน “เก่งขึ้นแล้วนะ ต่อไปต้องเก่งกว่านี้แน่นอน” เมื่อทำดีก็ต้องเอ่ยชม หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้อง ก่อนจะไปก็เช็กปลั๊กไฟ และเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าปิดครบทุกเครื่องหรือยัง เพราะเจ้าของบริษัทหวั่นเกรงเรื่องไฟไหม้ที่สุด ถือเป็นเรื่องซีเรียสมาก เมื่อเดินลงมาด้านล่างเธอและเขาก็แยกกัน เนื่องจากเพิ่งหกโมงครึ่งแล้วยังมืดมาก เธอจึงปฏิเสธการไปส่งของพี่วายุ เพราะนี่ก็รบกวนมากแล้ว เธอเดินไปที่หน้าบริษัทตรงไปยืนรอรถเมย์ แต่เมื่อเดินได้สักพักก็ได้ยินเสียงแตรรถสปอร์ตคันหรู เธอจึงเอี้ยวตัวไปดูว่ารถของใคร แต่เมื่อเห็นป้ายทะเบียน ที่ทุกคนในบริษัทต่างอยากหลบหลีกเดินก็ต้องหลบข้างทางทันที ‘รถประธานผีเปรต!’ เธอไม่รู้ว่าดวงจะสมพงษ์อะไรกับคุณเฟลิเปหนักหนา ตั้งแต่ไปจับรูดโดยไม่ยินยอมแล้ว เธอก็รูดทรัพย์เขามาเรือนหมื่นดูเหมือนโลกจะเหวี่ยงเขา ให้โคจรมาพบกับเธอทุกที ‘หรือเงินนั่นจะเป็นเงินบาปกันนะ??!!’ เธอชักเริ่มสงสัยเสียแล้วสิ แต่เมื่อรถแล่นผ่านตัวเธอกลับจดนิ่งสนิทไม่ยอมขยับตัวออกไป แม้ว่าจะมีรถคันหลังกำลังจะตามมา แต่เหมือนจะรู้ว่าด้านหน้าเป็นรถใคร จึงจอดนิ่งสนิทอยู่ไกลไม่ยอมมากดดันเขา รถสปอร์ตจอดเทียบกับเธอ แล้วเจ้าของรถก็ลดกระจกลงมา พร้อมกับขมวดคิ้วอย่างแปลกใจว่าทำไมพบเธอเป็นครั้งที่สอง แล้วเอ่ยทักทายเธอสักหน่อย “ทำไมกลับช้านัก จะมืดแล้วนะ” คำถามของเขาทำให้เธอกลืนน้ำลายลงคอก่อน พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดเพื่อให้ตัวเองใจเย็น ๆ ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ใช่เขาเหรอที่ทำให้เธอต้องกลับบ้านช้า อยากจะพูดอย่างนั้นแต่ก็มันพูดได้แค่ในใจ แล้วก็ส่งยิ้มหวานให้หนึ่งกรุบก่อนจะเอ่ยเหตุผล “พอดีมีงานเร่งมาค่ะ เลยอยู่เย็นทำให้เสร็จ” ใช่เหตุผลนี้น่าฟังที่สุด “งานอะไร?” “คีย์ยอดขายลูกค้าค่ะ” เขาพิจารณาเห็นว่าเป็นเขาที่สั่งงานนี้โดยตรง ก็ทำให้เธอต้องกลับช้าดังนั้นก็ถือโอกาสไปส่งเธอหน่อยแล้วกัน “แล้วบ้านอยู่ไหน” คำถามของเขานี่ต้องการอะไรกัน ท่านประธานของ บริษัทถามหาบ้านลูกน้องตัวเล็ก ๆ อย่างเธอทำไมกัน แต่จะไม่บอกก็กลัวจะโดนหาว่าหยิ่ง จึงบอกตอบไป “อยู่แถวรามอินทราค่ะ” เสียงหวานตอบออกไป แต่ทำไมน้ำเสียงคุ้นเคยนัก เขาพยายามนึกแต่ยังนึกไม่ออก เรื่องนี้เขาต้องหาคำตอบให้จงได้ จึงตัดสินใจทำบางสิ่งที่ไม่เคยทำลงไป “ขึ้นมาสิ!” เขาไม่เคยไปส่งพนักงานคนไหน แต่ว่าเธอกลับเป็นคนแรกที่คิดจะไปส่ง ไม่เข้าใจตนเองเช่นกัน พระพายใจหายวูบ หวาดกลัวว่าเขาจะจำเธอได้ ต้องการจับไปขืนใจ เธอจึงส่ายหน้าระรัว แต่ทว่าเสียงแตรคันหลังกลับมาบีบไล่เสียอย่างนั้น ทำให้เธอหันไปมองใบหน้าของเจ้านาย ที่มองตาเขียวขุ่นแล้วสุดท้ายก็ขึ้นรถเขาไป ราวกับตนเองต้องมนต์ดำกฤษณะกาลีของท่านประธานก็ไม่ปาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD