บทที่ 1

1466 Words
"ตื่นได้แล้วนังหนู" เสียงใคร ใบฟางขมวดคิ้วแน่นอย่างหงุดหงิด จะเรียกทำไมคนจะนอน นางพลิกตัวเพื่อซุกใต้หมอนอย่างเคยตัวเมื่อถูกปลุกจากการที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม "หากเจ้ายังไม่ลุก ข้าจะส่งเจ้าไปเสียตอนนี้เลย" ส่งไปไหน ใบฟางเด้งลุกพรวดขึ้นมา เธอถูกยิงตายไปแล้วหากจำไม่ผิด แล้วตาแก่ตรงหน้านี่คือใคร รอบข้างที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้คือที่ไหน เธอเบิกตากว้างอย่างตระหนก หรือเธอจะได้ขึ้นสวรรค์ จะเป็นไปได้ยังไง ทำชั่วมามากเสียขนาดนั้น "เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว เจ้าตายไปแล้ว ที่นี่ก็มิใช่สวรรค์ แต่เป็นข้าเทพโชคชะตาที่เจ้าสาปแช่งดึงวิญญาณของเจ้ามา ข้าจะให้เจ้าไปเกิดในที่ใหม่ ให้เจ้าได้มีชีวิตอีกครั้ง ข้าจะคอยดูว่าครั้งนี้เจ้าจะเลือกทางเดินเช่นไร" ใบฟางขมวดคิ้วแน่นอย่างครุ่นคิด ก็คงจะดีกว่าไปใช้บาปในนรกมั้ง กล่าวจบเทพชะตาก็โบกมือหนึ่งครั้ง ใบฟางรู้สึกตัวอีกครั้งก็เจ็บปวดช่วงล่าง เธอรู้สึกถึงแรงกดทับที่ทาบลงมาที่ตัว สัญชาตญาณทำให้เธอต้องดิ้นรนหนี มือหนาคว้าเอวของเธอไว้ กล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง "อีกประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น" เธอกัดริมฝีปากแน่น เพื่อข่มความเจ็บที่ทรมาน จากความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นห้วงอารมณ์ที่แปลกใหม่ จะเรียกสุขสมก็คงจะได้ ชีวิตก่อนของเธอยังไม่เคยได้มีแฟนหรือหลับนอนกับบุรุษมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่นางโดนกระทำอยู่ตอนนี้คืออะไร บัดซบ ความคิดแรกที่อยากจะตะโกนออกมา แต่ร่างนี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะกล่าวว่าโดนวางยาก็คงจะใช่ เธอไม่อาจขัดขืนได้ ได้แต่ปล่อยให้บุรุษผู้นั้นกระทำย่ำยีจนกว่าจะจบ แม้แต่ตายังลืมไม่ขึ้นหากรับรู้ว่ามันผู้นี้เป็นใคร นางสาบานจะเอาความอับอายครั้งนี้คิดแน่นอน เธอปวดหัวจนอยากจะกรีดร้องออกมา มือเรียวยกขึ้นดึงทึ้งผมของตนเองเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้ลดลง แต่มือหนากับรวบมือของเธอขึ้นยึดไว้เหนือศีรษะ เสียงด่าที่เบาออกจากริมฝีปากอิ่มที่บวมเจ่อ "What the f*ck" แม้เสียงจะเบาราวยุงบิน บุรุษผู้นั้นก็ยังคงได้ยิน แต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ใบฟางรู้สึกตัวอีกครั้งฟ้าก็สว่างเสียแล้ว ข้างกายของเธอไม่มีใครอยู่ ในห้องมีเพียงแต่เธอเท่านั้น หากไม่มีร่องรอยทั้งทั้งตัวและความเจ็บปวดที่เพียงขยับน้ำตาก็ซึมแล้ว เธอคงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันที่แสนจะขนลุกเท่านั้น ความทรงจำของร่างเดิมทำให้รู้ว่า เจ้าของร่างชื่อ เยี่ยนฟาง คุณหนูใหญ่จวนท่านเจ้าเมือง อายุ สิบหกหนาว บิดาของนางคือเยี่ยนหวง ท่านเจ้าเมืองหานตง อยู่ห่างจากเมืองหลวงนับพันลี้ มารดาของนางเป็นฮูหยินเอก จางลี่จิ่น แต่ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อตอนที่เยี่ยนฟางอายุได้ห้าหนาว ตอนนี้ฮูหยินรองโม่โฉวขึ้นมาเป็นฮูหยินเอกแทน โม่โฉวมีบุตรสาวหนึ่งคนชื่อ เยี่ยนซิน อายุสิบห้าหนาว เมื่อสิ้นมารดา บิดาก็ไม่สนใจเรือนหลัง เพราะคิดเพียงอยากจะมีบุตรชายไว้สืบสกุลจึงมีอนุอีกมากมาย แต่พยายามเนิ่นนานก็ยังไม่มีอนุคนใดตั้งครรภ์เสียที โม่โฉวที่เห็นฮูหยินรองได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง และเยี่ยนหวงก็หวังให้ครรภ์นี้เป็นชายอย่างยิ่ง ถึงกลับยกตำแหน่งฮูหยินเอกให้นางไปครอบครองทันทีที่ตั้งครรภ์ เยี่ยนฟางจึงถูกส่งมาให้อยู่เรือนท้ายจวน นิสัยที่ไม่สู้คนของนาง ถึงจะเป็นบุตรีสายเอกแต่ตอนนี้ทุกคนปฏิบัติกับนางราวกับคนไร้ตัวตน มีเพียงแม่นมจางของท่านแม่นางเท่านั้นที่ดูแลนาง แต่เมื่อสามวันที่แล้วแม่นมจางป่วยหนักทำให้นางถูกเยี่ยนซินหลอกวางยาส่งขึ้นเตียงของบุรุษใดก็ไม่อาจทราบได้ ที่เยี่ยนซินทำเช่นนี้ เพราะนางต้องการหมั้นหมายแทนเยี่ยนฟาง ตระกูลคหบดีใหญ่ในเมืองหานตง อย่างตระกูลกู้ คุณชายกู้หลิวหยาง ที่เพียบพร้อมด้วยรูป และความสามารถ อายุเพียงยี่สิบหนาวก็ได้เป็นถึงซิ่วไฉแล้ว ใครจะไม่อยากได้ในตัวเขา แต่ติดที่มีสัญญาหมั้นหมายอยู่กับเยี่ยนฟางตั้งแต่เด็ก และทั้งคู่ยังพึงใจต่อกันอีกด้วย เสียงโวยวายหน้าเรือนดังขึ้น ใบฟางในร่างของเยี่ยนฟางแสยะยิ้มที่มุมปาก งิ้วโรงใหญ่คงมาแล้ว นางลุกอย่างรวดเร็วเพื่อทำลายหลักฐาน และแต่งตัวเสียใหม่ เมื่อเสียงพังประตูเข้ามานางก็นั่งลงที่ก้าวอี้ริมหน้าต่างในห้องเรียบร้อยแล้ว เยี่ยนซินเดินเข้ามากวาดสายตาหาบุรุษที่นางให้คนไปจับตัวมาเมื่อคืนทั้งทั้งเรือนก็ไม่พบ สายตาจึงหันไปจ้องจับผิดที่ตัวของเยี่ยนฟางแทน "สตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า นำบุรุษไปซ่อนไว้ที่ใด" เยี่ยนฟางเลิกคิ้วมอง "เจ้าเห็นหรือไม่เล่าว่าในเรือนข้ามีบุรุษผู้ใดอยู่" เยี่ยนซินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงไม่เจออย่างไรวันนี้นางต้องไล่เยี่ยนฟางออกจากจวนให้ได้ "บ่าวไพร่ล้วนเห็นกันทั่วว่าเจ้านัดบุรุษมาพบที่เรือน" "อ้ออออ แล้วไหนเล่าบุรุษที่เจ้าว่า" เยี่ยนซินโมโหแทบขาดสติ นางให้คนเฝ้าไว้แล้วแท้ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนก็ยังไม่มีผู้ใดที่ออกไปจากเรือนของเยี่ยนฟางเลยสักคน แล้วบุรุษที่นางพามาจะหายไปได้อย่างไร "เรื่องนี้รอท่านพ่อมาจัดการ เจ้าไม่มีทางรอดแน่" เยี่ยนซินเดินกระทืบเท้าออกไป ใบฟางถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้นางต้องคิดวิธีที่จะเอาตัวรอดให้ได้เสียก่อน นางเริ่มสำรวจเรือนที่นางพักอยู่ หากบอกคนภายนอกว่าเป็นคุณหนูใครจะเชื่อ ของใช้เสื้อผ้าล้วนแล้วแต่เหมือนบ่าวไพร่ไม่ผิด นางอยากจะรู้ว่าบิดาของร่างนี้รู้หรือไม่ว่าบุตรสาวของตนอยู่ในสภาพนี้ กำไลเหอเถียนที่นางโจรกรรมมาเมื่อภพที่แล้วมาอยู่บนข้อมือนางได้อย่างไร ใบฟางขมวดคิ้วอย่างสงสัย หรือจะเป็นดั่งเช่นที่นิยายทั่วไปบอก เป็นพื้นที่เก็บของ หรือมิติส่วนตัว นางจึงเพ็งจิตเพื่อเข้าไปในมิติแต่มันไม่ใช่อย่างที่นางคิด นางจึงลองแต่สิ่งของแล้วพูดว่าเก็บ ปรากฏว่าของนั้นหายไป เมื่อบอกว่านำออกมา ของที่เก็บเข้าไปก็ออกมาด้านนอก อย่างน้อยนางก็มีของดีติดตัวมา ไม่เสียแรงที่เสี่ยงตายไปนำออกมา ตอนที่นางดีใจอยู่นั่น เสียงด้านนอกก็ดังขึ้นอีกแล้ว พร้อมบ่าวสตรีร่างใหญ่มาจับตัวนางออกไปยังเรือนส่วนหน้า นางมิได้ขัดขืนแต่อย่างใดปล่อยให้บ่าวทั้งสองพานางออกไป บุรุษอายุสี่สิบหนาว นั่งหน้าดำคล้ำจ้องมองนางตลอดเวลา ด้านข้างมาสตรีวัยสามสิบกว่านั่งลูบท้องของตน สองคนนี้คงเป็นบิดากับแม่เลี่ยงของนาง เพราะเยี่ยนซินยืนอยู่ด้านข้างสตรีนางนั้น เยี่ยนซินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองฟังพร้อมใส่สีตีไข่ลงไปด้วย เยี่ยนฟางเพียงนั่งคุกเข่าฟังเรื่องเล่าเท่านั้น นางมิได้พูดสิ่งได้แย้งขึ้นมาสักนิด "นังลูกเนรคุณ มีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่" เยี่ยนหวงตวาดเสียงดัง จนบ่าวไพร่หดคอตัวสั่น แม้แต่เยี่ยนซินยังนึกหวาดกลัวโทสะของบิดา "หากลูกพูดสิ่งใดไป ท่านพ่อจะเชื่อข้าหรือไม่ หากท่านพ่อเชื่อในสิ่งที่น้องรองพูดข้าก็มิมีสิ่งใดจะกล่าว" เยี่ยนฟางเพิ่งตื่นขึ้นมาก็เจอเรื่องบัดซบยังจะต้องมาคิดหาข้อแก้ต่าง นางค้านที่จะทำ หากจะลงโทษก็ทำเลย หรือจะไล่นางออกก็ยินดี แต่แค้นนี้นางจะคืนให้เยี่ยนซินจนจำนางไม่ลืมแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD