ตอนที่6

2117 Words
เสียงครางเบาๆ หลุดจากริมฝีปากฉัน “อ๊ะ…อ่า…” เมื่อปลายลิ้นร้อนของฌอนแตะลงบนยอดอกที่ตั้งชูชันรอสัมผัส ร่างกายเปลือยเปล่าถูกโอบล้อมไว้ด้วยไอน้ำอุ่นภายในห้องน้ำ เขาซุกหน้าลงบนอกฉันอย่างหิวกระหาย จูบ ดูด และเลียจนฉันต้องเงยหน้าเชิด สั่นสะท้านไปทั้งร่าง มือหนาลูบไล้ไปทั่วกายอย่างเชื่องช้าแต่ร้อนแรง ไล้จากแผ่นหลัง ลงไปถึงสะโพกอิ่ม เขากดน้ำหนักมือลงเล็กน้อย ราวกับจะย้ำว่าฉันเป็นของเขาเพียงคนเดียว ริมฝีปากหนายังไม่ละจากยอดอก เสียงจ๊วบจ๊าบดังระงมในความเงียบของห้องน้ำ ลิ้นหนาไล้ต่ำลงอย่างจงใจ สร้างแรงสะเทือนให้ภายในหน้าท้องจนฉันต้องกำขอบอ่างแน่น เขายกตัวฉันขึ้นจากน้ำ วางลงบนขอบอ่างอย่างเบามือ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้า แหวกเรียวขาออกช้าๆ และซุกหน้าเข้าหาความหอมหวานตรงกลางกายหญิง ลิ้นร้อนตวัดไปตามกลีบดอกไม้สวยอย่างแผ่วเบาในตอนต้น ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ จนปลายลิ้นกดวนอยู่ตรงปุ่มเกสร ฉันสะดุ้งเฮือก มือขยุ้มเส้นผมนุ่มแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ “อื้อ…อ๊า…ฌอน…อิงไม่ไหว…” ฉันร้องออกมาด้วยเสียงสั่นพร่า ความเสียวซ่านพุ่งขึ้นแทบทำให้สติหลุด เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มร้าย ยื่นหน้าเข้ามาปิดริมฝีปากฉันด้วยจูบลึก ลิ้นร้อนสอดเข้ามากวาดความรู้สึกทุกอย่างไปจนหมด ฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขึงและร้อนจัดถูไถอยู่ตรงกลางกลีบเนื้อก่อนที่เขาจะค่อยๆ ดันเข้ามาทีละนิด เสียงครางกระเส่าหลุดจากปากเมื่อร่างกายแน่นหนาเบียดเข้ามาจนสุด เขาขบกรามแน่นเมื่อภายในฉันตอดรัดถี่ยิบ “อิง…คุณแน่นมาก…” เสียงแหบพร่าทำให้ฉันตัวสั่นไปทั้งร่าง เขาเริ่มขยับช้าๆ จับเอวฉันไว้มั่นแล้วกระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วง ฉันแทบร้องไห้เมื่อรู้สึกถึงแรงปะทะครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายถูกพลิกให้อยู่ในท่าคลาน เขากดสะโพกฉันไว้แน่น ก่อนจะเร่งความเร็วโดยไม่ปรานี เสียงเนื้อกระทบกันดังชัดเจนในห้องน้ำ “อ๊ะ…อ๊ะ…ฌอน…อิงจุก…อ๊า!” ฉันสะอื้นพร่าทั้งที่ยังครางอย่างห้ามไม่อยู่ ฌอนดึงใบหน้าฉันกลับมาจูบอีกครั้งอย่างลึกซึ้ง สะโพกสอบยังคงทำหน้าที่ไม่หยุดหย่อน เขากระแทกเข้ามาครั้งสุดท้ายก่อนจะครางเสียงต่ำ มือหนาบีบสะโพกฉันแน่นเมื่อความร้อนแผ่ซ่านไปทั่ว เขาปลดปล่อยความต้องการออกจนหมดสิ้น ฉันทรุดลงไปบนขอบอ่างอย่างหมดแรง แขนขาอ่อนปวกเปียก เขายื่นมือมาลูบผมฉันเบาๆ ก่อนจะประคองใบหน้าฉันขึ้นแล้วกดจูบแผ่วเบาบนหน้าผาก “พักนะ เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำให้” เขาว่าอย่างนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มอบอุ่นให้ฉันที่หมดเรี่ยวแรงจะขัดขืน 🌤️ มหาวิทยาลัย XXX วันนี้ฉันมีเรียนตอนเก้าโมง เลยแวะมารอเพื่อนหน้าคณะตั้งแต่แปดโมงครึ่ง เมื่อคืนนี้หลังอาบน้ำเสร็จ ฌอนก็นอนกอดฉันแน่นจนเผลอหลับไปด้วยกันจนถึงเช้า ฌอนมีเรียนเช้าตอนแปดโมง เขาเลยออกไปก่อน... โดยไม่ปลุกฉันด้วยซ้ำ! ทิ้งไว้แค่โพสต์อิทแผ่นเล็กๆ แปะหน้ากระจกที่เขียนว่า [ไปเรียนก่อนนะครับ] แค่นั้นเอง… น้อยใจดีไหมเนี้ย (╯°□°) พวกเพื่อนตัวแสบเริ่มทยอยมากันครบ ยกเว้น “ยัยเจ้าขา” ที่หายหัวไป ไอ้ภัทรบอกว่าเธอไป “ดูตัว” ที่บ้านนัดไว้ให้… บ้านยัยนี่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาหรอก นี่มันปีอะไรแล้วเนี่ย! ยังจะมีเรื่องดูตัวเหมือนหลุดมาจากละครหลังข่าวอีกเหรอ!? หลังจากเข้าเรียนจนจบคลาสตอนเที่ยง ฉันกำลังจะไปหาอะไรกินกับพวกเพื่อน เสียงมือถือก็ดังขึ้นพอดี “ฮัลโหล” ฉันรับสายจากเบอร์แปลก “คุณอิง ทานข้าวหรือยังครับ?” แค่ได้ยินเสียงก็รู้เลย คนดีของฉันนี่นา! แล้วนี่แอบไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหนกันเนี่ย “กำลังจะไปกินกับยัยดาวกับนภัทร นายล่ะ?” “กำลังจะไปหาอะไรทานเหมือนกันครับ แต่โทรมาหาคุณอิงก่อน” แหม… จะไม่ให้รักได้ยังไง (=^・^=) “อ๋อ งั้นมากินด้วยกันไหมล่ะ? ฉันกำลังจะไป นายอยู่ไหน?” “ครับ ก็ได้ งั้นเจอกันที่ห้างใกล้มหา’ลัยนะครับ จะได้ไม่ร้อน” ฉันหันไปหาพวกเพื่อนแล้วบอกนัดแนะ พอรู้ว่าฌอนจะมาด้วย เสียงแซวก็มาเต็ม “อิจฉาคนมีผัวเนาะ ชะนี~” นภัทรบ่นเสียงดังจนคนเดินผ่านยังหันมามอง “แกก็หาเอาสักคนสิยะ จะได้ไม่เหงา” ยัยดาวตอบกลับทันควัน “ยังไม่เจอคนที่ใช่ต่างหากล่ะ เชอะ! เออ ยัยอิง แกขับรถไปเองนะ ฉันจะไปนั่งรถกับดาว” “ได้เลย ตามมาแล้วกัน เจอกันตรงโซนอาหารนะ ฉันหิวจะตายอยู่ละ” พูดจบ ฉันก็เดินไปที่ลานจอดรถ ก่อนจะขึ้นรถยนต์คันหรูที่พี่เมฆเพิ่งเอามาใขับเมื่อสองอาทิตย์ก่อน แล้วออกรถมุ่งหน้าไปยังห้างแบบมีความสุขเต็มเปี่ยม @ห้างสรรพสินค้า ฉันเดินเข้ามาในโซนอาหารของห้าง กำลังคิดอยู่เลยว่าจะกินอะไรดี พอดียัยดาวกับนภัทรก็ตามมาสมทบ ระหว่างมองหาร้านอยู่ก็สะดุดเข้ากับแผ่นหลังกว้างๆ ของใครบางคนที่คุ้นตาสุดๆ แล้วก็ใช่จริงๆ ด้วย...ฌอน ยัยดาวสะกิดแขนฉันเบาๆ ฌอนหันกลับมาพอดีเขาคลี่ยิ้มให้ ยังคงสวมแว่นหนาเหมือนเดิม ดูดีใจตามสไตล์เขาแหละ แต่ฉันไม่ยิ้มตอบหรอก เพราะข้างๆ เขา มีผู้หญิงหน้าขาวจัด ยืนเกาะแขนอยู่แน่น “คุณอิงมาถึงนานหรือยังครับ?” ฌอนเอ่ยถาม “เพิ่งมา” ฉันตอบสั้นๆ น้ำเสียงไม่ได้อ่อนอะไรเลย ไหนบอกจะมากินข้าวกับฉัน แล้วผู้หญิงข้างๆ นี่ใคร? “เอ่อ...คุณอิงครับ นี่เอม เป็นเพื่อนผมน่ะ พอดีเขาขอมาด้วย” แหม รีบชี้แจงเลยนะ สายตาของเพื่อนที่ว่า มองฉันแบบไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณอิง ฌอนรู้จักคุณอิงด้วยเหรอ?” เสียงดูออดอ้อนแบบน่ารำคาญหน่อยๆ “รู้สิ ก็เป็นแฟนกันนี่นา” ฉันตอบยิ้มๆ แต่ในใจนี่เดือดพอจะย่างหมูกระทะได้เลย นภัทรเบาเสียง “แรง…” ข้างหูฉัน ฉันแอบยิ้มมุมปาก “แฟน?!” หน้ายัยเอมนี่ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ฌอนก็รีบแกะแขนตัวเองออกจากเธอทันที “ครับ คุณอิงเป็นแฟนผมนะ” เขาพูดเสียงชัดเจน “งั้นเราไปหาร้านกินข้าวกันเถอะ ฉันเริ่มหิวแล้ว” ยัยดาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันที คงรู้ว่าฉันเริ่มอารมณ์ขึ้น เรามานั่งในร้านอาหารญี่ปุ่น ฌอนนั่งหัวโต๊ะ ยัยดาวนั่งข้างยัยเอม ส่วนฉันกับนภัทรนั่งฝั่งตรงข้าม โต๊ะนี้เงียบแบบแปลกๆ จะมีเสียงก็แต่จากยัยเอมนี่แหละ พยายามชวนฌอนคุยไม่หยุดเลย ฌอนก็ดูเกร็งๆ แต่ก็ตอบทุกคำถาม เฮ้อ...เห็นหงุดหงิดชะมัด “ฌอนกับคุณอิงคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ? เราไม่เห็นรู้เลย ไปญี่ปุ่นอาทิตย์เดียวเอง กลับมามีแฟนซะแล้ว” ถามซะน่ารักเลยนะ “ก็ไม่นานหรอก” เขาตอบสั้นๆ พนักงานเริ่มทยอยเสิร์ฟอาหาร บรรยากาศยังคงอึนๆ “นี่แซลมอน ของโปรดฌอนเลยนะ เดี๋ยวเราตักให้~” โอ้โห รู้ดีจัง เก่งจังเลยเนอะ เธอมองฉันแว้บหนึ่งแล้วก็ยิ้มแบบมีเลศนัย ฉันไม่ยิ้มตอบนะ แค่มองนิ่งๆ “คุณอิง ลองนี่ดูครับ” ฌอนเหมือนจะรู้สึกได้ว่าฉันเริ่มไม่พอใจ เขาเลยตักอาหารให้ฉันบ้าง แถมยิ้มเอาใจสุดๆ ฉันยิ้มตอบ แล้วก็กินคำใหญ่ๆ แก้หงุดหงิดไปทีนึง “คุณอิงเคยไปบ้านฌอนรึยังคะ? น้องเฌอน่ารักมากเลยเนอะ ฌอน?” ยัยเอมพูดเสียงใสพลางหันมาทางฉัน “ยังไม่เคยไปค่ะ แต่เคยเจอน้องแล้วนะ น่ารักจริงๆ เลย...ใช่ไหมคะฌอน?” ฉันพูดพร้อมหันไปมองเขา กัดฟันแต่ยิ้มไว้ “คุณเอมเป็นเพื่อนกับฌอนมานานแล้วเหรอ?” ยัยดาวถามขึ้นบ้าง “ค่ะ บ้านเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก” ตอบมาด้วยน้ำเสียงเหมือนจะบอกว่า “ฉันมาก่อนนะยะ” “อ๋อ เพื่อนตั้งแต่เด็กเหรอคะ” ฉันย้ำชัดๆ พร้อมรอยยิ้มที่รู้ดีว่ายัยเอมไม่ปลื้มแน่ หลังจากกินข้าวเสร็จ ฉันกับยัยดาวและนภัทรมีนัดไปทำบุญที่วัด ฌอนบอกว่าขอกลับก่อน เพราะที่บ้านโทรมาตาม แล้วก็แน่นอน...ลากยัยเอมกลับไปด้วย สงสัยต้องทำบุญเผื่อเจ้าหล่อนด้วย จะได้ไม่มาวนเวียนวุ่นวายให้ฉันรำคาญใจอีก @วัดริมน้ำ ฉันติดรถยัยดาวมาที่วัดเพราะขี้เกียจขับเอง รถก็จอดทิ้งไว้ที่คอนโดไปเลยหนึ่งคัน มาด้วยกันแบบนี้สะดวกกว่า มีคนขับรถให้ด้วยฟรีๆ พอถึงวัด พวกเราก็เอาของที่ซื้อมาไปถวายพระกันก่อน แล้วก็ออกมาปล่อยนกปล่อยปลา ระหว่างยืนอยู่ริมน้ำนั่นเอง ก็มีมือเล็กๆ ดึงชายเสื้อฉันเบาๆ พร้อมกับเสียงเล็กๆ ดังขึ้น “พี่คนฉวยๆ” ฉันหันไปก็เห็นเด็กผู้ชายตัวจิ๋ว อายุสักสามขวบกว่าๆ ยืนมองหน้า ตาโตเป็นประกาย ใส่เสื้อซีดๆ กับกางเกงเก่าๆ ผมหน้าม้าแถมฟันหลอเล็กน้อย — น่ารักจังเลย ยัยดาวกับนภัทรหันมามองพร้อมกัน แล้วก็เหล่มาทางฉันอย่างสงสัย “ว่าไงสุดหล่อ” ฉันย่อตัวลง ลูบหัวลูบแก้มน้องเบาๆ ด้วยความเอ็นดู “พี่คนฉวยมาทำยัยเย่องงับ” (✧ω✧) “พี่มาทำบุญจ้ะ แล้วสุดหล่อชื่ออะไรล่ะ แล้วพ่อแม่ไปไหน?” เด็กน้อยทำหน้าจะร้องไห้ทันที เบ้ปาก น้ำตาคลอ แต่ก็ไม่กรี๊ดเหมือนเด็กคนอื่นๆ แค่สะอึกสะอื้นเบาๆ “ชื่อยุยหยงฮับ...ฮึก...หยงไม่มีป้อแม่” ฉันกับเพื่อนๆ เงียบไปทันที นภัทรเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆ ของน้องเบาๆ “แล้วอยู่กับใครล่ะครับ” ยัยดาวถามเสียงอ่อนโยน “เจ้าหลงมากวนอะไรพี่เขาอีกล่ะ” หลวงตาเดินเข้ามาพอดี เด็กน้อยรีบส่ายหัวแรงๆ แล้วก็พูดเสียงใส “หยงไม่ได้กวนนะฮับหลวงปู่ หยงแค่มาทักพี่คนฉวย~” โอ้โห ปากหวานไม่เบาเลยนะเรา โตขึ้นนี่สาวติดตรึมแน่ เด็กตัวน้อยวิ่งเข้าไปกอดขาหลวงตาทันที เราสามคนยกมือไหว้หลวงตา แล้วท่านก็เล่าเรื่องเด็กคนนี้ให้ฟังว่า เด็กคนนี้ถูกพ่อแม่เอามาทิ้งไว้หน้าวัด สัปเหร่อเจอเข้าพอดีแล้วเอามาฝากไว้กับท่าน ท่านเลยเลี้ยงไว้ตั้งแต่ยังเล็ก เลยตั้งชื่อให้ว่า “บุญหลง” ที่เรียกตัวเองว่า "หยง" คงเพราะยังพูดไม่ชัด ฉันมองเด็กน้อยที่กำลังซุกอยู่กับจีวรของหลวงตา แล้วรู้สึกบางอย่างในใจ หลวงตาค่ะ...” ฉันวางเงินสามพันบาทไว้ตรงหน้า “อันนี้หนูขอถวายเป็นปัจจัยช่วยดูแลน้องหลงนะคะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้อง โทรหาหนูได้เลย” ฉันหยิบกระดาษที่มีเบอร์มือถือของฉันให้เด็กน้อย “ถ้าหลงอยากได้อะไร โทรหาพี่ได้เลยนะจ้ะ” น้องยิ้มกว้าง ไหว้ขอบคุณอย่างน่ารัก หลังจากทำบุญเสร็จ ฉันให้ยัยดาวไปส่งที่บ้าน เพราะคุณแม่โทรมาตามให้ไปกินข้าวเย็นด้วย บอกว่าคิดถึง อยู่บ้านจนค่ำหน่อยๆ แม่จะให้ค้างด้วย แต่ฉันอ้างว่ามีการบ้านต้องทำที่คอนโด ท่านเลยยอมให้พี่เมฆขับรถมาส่ง ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นของตัวเอง กำลังจะไขกุญแจเข้าห้อง แต่สายตามันดันเหลือบไปมองห้องตรงข้ามอย่างเคย ...จะกลับมาหรือยังนะ? ไม่ทันคิดอะไรมาก มือก็กดออดห้องนั้นไปแล้ว ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก แล้วภาพตรงหน้าทำเอาฉันเบิกตากว้าง ใจเต้นตุบตับ “คุณอิงมาหาฌอนเหรอคะ?” เสียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมผ้าขนหนูผืนเดียวพันตัว ยิ้มเยาะเย้ยแบบไม่ต้องแปลก็รู้ว่าประชดเต็มเหนี่ยว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD