ตอนที่5

1965 Words
เสียงแว่วๆ เหมือนมีใครกระซิบอยู่ข้างหูทำให้ฉันลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะกะพริบตาปรับแสงที่ทะลุผ้าม่านเข้ามาจนแสบตา กวาดสายตารอบๆ ห้องก็ไม่เห็นใครนอกจากตัวเองที่นอนเหงาๆ อยู่กลางเตียงขนาดควีนไซส์ อืม… เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาวที่ใส่อยู่คืออะไรเนี่ย? มันคลุมแค่เข่าเองนะ ด้านในก็ไม่มีอะไรเลยแม้แต่กางเกงใน (โอ๊ย แม่ขา หนูไม่ได้ตั้งใจ!) แวบหนึ่ง ภาพจำเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาแบบไม่เกรงใจหัวใจเลยสักนิด... ฉันกับพ่อหนุ่มแว่น... เรา สอยดาวกันแล้วจ้า! ทั้งดีใจ ทั้งจะเป็นลม ครั้งแรกของฉันกับคนที่ฉันแอบรักต้องมาพังเพราะยาปลุกบ้าบอนั่น!! แล้วเขาจะคิดยังไงกับฉันนะ? “ผมจะรับผิดชอบคุณเองครับ คุณอิง” เสียงทุ้มๆ ของเขายังวนเวียนอยู่ในหัว ...คือจะบอกให้รับผิดชอบทำไมคะคุณ! ฉันไม่ได้อยากได้ตำแหน่งเมียเพราะอุบัติเหตุ ฉันอยากได้ความรักค่ะ รักแบบหัวใจพองฟู หัวเราะกันเสียงดัง กินบิงซูหน้าหนาวด้วยกัน ไม่ใช่รับเพราะจำใจ!! ฉันนั่งเหม่ออยู่บนเตียงอย่างคนมีมโนซีนเรียบร้อยในหัว ก่อนประตูจะเปิดออกพร้อมกับหนุ่มแว่นในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงสามส่วน เดินเข้ามาอย่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะเจอฉันในโหมดไหน พอเขามองมา ฉันก็รีบหันหน้าหนีไปมองหน้าต่างทันที... อย่ามาสบตา! เดี๋ยวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ “คุณอิงตื่นแล้วเหรอครับ ปวดหัวไหม?” เขาเดินมานั่งข้างๆ แล้วใช้มือหนาๆ อังหน้าผากฉัน โอ๊ย... ใจบางเป็นเจลลี่ ฉันพยายามลุกขึ้น แต่ขาดันไม่มีแรง เซเกือบล้ม ดีที่เขาอุ้มไว้ทันแบบฮีโร่ในซีรีส์ (ให้ตายเถอะ พระเอกร้อยล้าน!) ยังไม่พอ! เขาดึงฉันเข้าไปกอดอีก แล้วลูบหลังเบาๆ แบบ... นี่มันกล่อมให้รักชัดๆ! “คุณอิงคิดมากเหรอครับ... คุณอิงเป็นภรรยาผมแล้วนะ ผมจะรับผิดชอบเอง ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น” ไม่ห่วงได้ไงล่ะคะ!!! ในใจฉันตอนนี้กำลังตะโกนลั่นเหมือนคนบ้า... ไม่ได้อยากให้รับผิดชอบค่ะพ่อคุณ! แต่อยากให้รัก!!! รักแบบอินเลิฟ หลงแบบคลั่ง รักแบบที่ฉันรักนายไง เข้าใจยัง! แต่ภายนอกฉันได้แค่กอดเขาแน่นขึ้น... ยอมแล้วก็ได้ ชีวิตนี้ต้องสู้เพื่อความรัก! โอเค อิงฟ้าคนนี้จะไม่ถอย จะไม่ยอมแพ้ อ๋อ พี่สะใภ้ที่แท้ทรูคนนี้พร้อมลุย นังชะนีเด็กนั่น เตรียมตัวเถอะ! พอถึงห้องของตัวเอง ฌอนก็เดินมาส่ง ก่อนจะขอตัวไปจัดการเรื่องน้องสาว มือถือของเขาก็ดังเป็นระยะ ฉันเลยบอกเขาไปว่าอยากพัก แต่พอเดินเข้าไปในห้อง... เอ๊ะ? รู้สึกแปล๊บๆ ตรงนั้นนิดๆ เดินแล้วเสียดๆ ยังไงไม่รู้ เอิ่ม... นี่มันอาการของคน โดนเปิดซิง ใช่ไหม?! หลังจากตั้งสติได้ ฉันก็ชาร์จแบตมือถือ เปิดเครื่องปุ๊บ เบอร์พี่ชายโทรเข้ามาเกือบร้อยสาย! แถมในกลุ่มไลน์มีข้อความด่าเละเป็นโจ๊กทะลักจอ ใครล่ะจะเป็นคนส่งนอกจาก อิเเกย์หน้าสวย! ฉันรีบกดโทรกลับหาพี่ชายแบบคนรู้ตัวว่าผิดมาก “ยัยอิง! อยู่ไหน ทำพี่เป็นห่วงแทบแย่รู้ไหม ไปหาที่คอนโดก็ไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับ พี่จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว! @#%$&%&^*%#$%#@^” สารพัดคำบ่นจากพี่เมฆ ดังออกมาแบบนอนสต๊อป พูดเร็วยิ่งกว่าแรพเปอร์ จนหูฉันฟังตามแทบไม่ทัน “พี่เมฆฟังก่อน อิงขอโทษ พอดีแบตมือถือหมดน่ะ เมื่อวานไปติวหนังสือที่บ้านเพื่อน มันดึก แม่เพื่อนเลยให้ค้างที่บ้าน” (จริงๆ ก็แค่ห้องตรงข้าม... แล้วก็ติวกันจนไฟลุก) “โธ่ พี่ก็เป็นห่วง แล้วไงล่ะ คอนโดโอเคไหม ขาดเหลืออะไรบอกพี่นะ” โอ๊ย... พี่ชายที่แสนดีของฉัน ทำเหมือนฉันยังอายุเจ็ดขวบอยู่เลย “สบายมากค่ะ ขอบคุณนะคะ อิงรักพี่เมฆที่สุดในโลกเลย” (′へωへ`*) หลังจากวางสายจากพี่เมฆสุดที่รักไป ฉันก็ไถมือถือตอบไลน์เหล่าเดอะแก๊ง บอกโลเคชั่นใหม่ให้ครบถ้วน พร้อมแนบสติ๊กเกอร์ "นอนเปื่อย" ไปหนึ่งดอก พอส่งเสร็จนภัทรก็ตอบกลับมาทันทีว่า “แหวะ ย้ายบ้านเพราะจะไปสร้างครอบครัวกับหนุ่มแว่นใช่ไหมยะ!” ฉันกลอกตาใส่มือถือแรงมากจนเกือบหลุดมือ ไม่เถียงให้เสียเวลา เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำสลัดความเพลีย ก่อนจะใส่ชุดนอนลายหมีน่ารักแล้วกินยาแก้ปวดไปเม็ดนึง ล้มตัวลงนอนสลบเหมือนหมีจำศีล เสียงเคาะประตูปลุกฉันจากความฝันที่ยังไม่ทันได้จูบกับใคร เดินงัวเงียลากสังขารไปเปิดประตู ก็เจอกับแก๊งเพื่อนสาวสามใบเถา ที่ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้ามากอดกันแน่นแบบไม่ทันตั้งตัว “แก๊!!! เซอร์ไพรส์!” ฉันหรี่ตามองแบบหมดแรงแล้วเดินกลับไปล้มตัวลงบนโซฟา ทิ้งตัวอย่างคนที่เพิ่งผ่านศึกสงคราม... แบบศึกบนเตียงอะนะ “จัดหนักหรือยะชะนี ถึงกับไม่มีเรี่ยวแรงขนาดนี้” เสียงเหน็บๆ จากนภัทร มาเต็มแบบไม่ต้องถามชื่อ “เป็นอะไรแก ไม่สบายเหรอ?” ประกายดาวถามอย่างห่วงใยพลางนั่งลงข้างๆ “กินขนมไหม จะได้หายไวๆ ฉันขนของกินมาให้ตั้งเยอะ” ยัยเจ้าขาเดินลากถุงขนมเข้าครัว หยิบจานชามเหมือนเป็นบ้านตัวเอง ฉันคว้ารีโมทกดเปิดทีวีแบบขอมีเสียงในห้อง แล้วก็เอนตัวลงนอนเหมือนจะหนีจากความจริง แต่แก๊งเพื่อนสาวก็รู้ดีว่าฉันมีอะไรในใจ ไม่งั้นคนพูดเก่งอย่างฉันจะเงียบได้เหรอ? "ฉันมีอะไรกับเขาแล้ววะ" ฉันหลุดปากพูดขึ้นมาเบาๆ แต่ก็ชัดพอให้ทุกคนหยุดหายใจ "มีอะไรกับใครนะ?" นภัทรหันควับมามองตาโต "ฉันกับฌอน... เรานอนด้วยกันแล้ว" เสียงฉันสั่นนิดๆ แต่พูดดังขึ้นกว่าเดิม “แกรรรร กับหนุ่มแว่นเนิร์ดคนนั้น ตื๊ดๆๆ กันแล้วจริงดิ!” ยัยเจ้าขาอุทานเสียงสูงเหมือนกำลังเล่นละครเวที “อืม...” ฉันพยักหน้าเบาๆ อย่างยอมรับชะตากรรม "เห็นไหมชะนี ฉันบอกแล้วไม่เกินเจ็ดวัน!" นภัทรหันไปตบมือกับยัยดาว “เอ่อ… ฉันแพ้พนันอ่ะ แกจะเอาอะไรก็ว่ามา” ประกายดาวพูดพร้อมยกมือแบบยอมจำนน “เดี๋ยวววววววว!!! พวกแกเอาความซิงของฉันไปพนันกันเหรอ!!! Σ(▼□▼メ)” ฉันคว้าหมอนปาใส่หัวพวกมันไปคนละใบอย่างอารมณ์ขึ้นสุด “ก็ดูแกสิ ยัยอิง” นภัทรมันหัวเราะอย่างสะใจ “ฉันไม่เคยเห็นแกลงทุนกับใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ตั้งแต่รู้จักกันมาเนี่ย พ่อแว่นสุดเนิร์ดนั่นแหละ...ต้องได้ซิงของแกไป” แล้วมันก็โยนหมอนกลับมาให้ฉัน “แล้วเขาว่าไงบ้าง? ใครเริ่มก่อนอะ แก?” เจ้าขาขัดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงแซวๆ พอดีนางวางถาดข้าวลงตรงหน้า เออดี หิว...ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ฉันถอนหายใจเบาๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างพร้อมกับค่อยๆ ตักข้าวเข้าปากไปด้วย นภัทรทำหน้าเหมือนอยากเผานังชะนีเด็กนั่นให้มอดไหม้ ส่วนยัยดาวก็บอกว่า บ้านฌอนไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เพราะพ่อเขามีภรรยาใหม่ ซึ่งก็คือแม่ของนังชะนีเด็ก ที่แท้ก็เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่คนละแม่ “แล้วแกจะเอายังไงต่อดีล่ะ?” นภัทรถามพลางเท้าคาง “หรือจะให้เขามาขอแต่งงานไปเลย?” ฉันนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “ก็...คงต้องดูกันไปก่อน เราเพิ่งเริ่มต้นกันเอง ฉันไม่อยากฝืนใจเขา...ถ้าเขาแค่จะรับผิดชอบ แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันจริงๆ มันก็คงไม่ใช่...” ฉันยิ้มจางๆ แต่ก็รู้สึกเหมือนก้อนข้าวในปากมันจืดสนิทไปหมด ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทั้งที่จริงแล้วหน้าห้องฉันมีกริ่งให้กดแท้ๆ แต่กลับไม่มีใครใช้มันเลยสักคน ฉันเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย...ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา ร่างสูงในชุดสูทสีเทา ผมถูกเซตไว้อย่างเรียบร้อย รองเท้าหนังดูหรูหราจนสะท้อนแสงวิบวับ ที่สำคัญ...วันนี้ไม่มีแว่นแล้วด้วย ให้ตายเถอะ...พ่อหนุ่มแว่นที่กลายเป็นหนุ่มหล่อเต็มขั้น ยืนอยู่หน้าห้องฉันอย่างกับหลุดออกมาจากปกนิยาย “เอ่อ...คือ สะดวกให้ผมเข้าไปไหมครับ?” เขาถามเสียงเรียบ สุภาพจนน่าหลงใหล ฉันที่ยังยืนตะลึงกับความหล่อของเขาแทบตั้งสติไม่อยู่ >รับผิดชอบ ที่เขาพูดซ้ำๆ เขาชะงักไปเล็กน้อย “ทำไมล่ะครับ?” ฉันสูดหายใจเบาๆ แล้วสบตาเขา “ฉันไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักฉัน...ถ้านายแค่อยากรับผิดชอบ งั้นเราลองคบกันก่อนดีไหม เป็นแฟนกัน...แบบค่อยๆ รู้จักกันไป ดีไหม?” ฌอนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วตอบด้วยรอยยิ้มกว้างที่ทำเอาหัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ “ครับ” ฉันเดินเข้าไปใกล้เขาทีละก้าว ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากตัวเขา แล้วก็เอนตัวไปกระซิบเบาๆ ข้างหู “งั้น...เรามาเริ่มเป็นแฟน ด้วยการอาบน้ำด้วยกันเลยดีไหม?” (⺣◡⺣)♡*
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD