ที่แพรไหมยอมไปด้วยเพราะเธอมองทศวรรษเป็นพี่ชายเท่านั้น แต่ตรงกันข้าม ทศวรรษมองแพรไหมเป็นคนรักอย่างไม่ปิดบัง ก็เพราะแพรไหมเป็นคนดี เอาแต่นึกถึงจิตใจของตัวร้าย จนทำให้เนื้อเรื่องระหว่างตัวร้ายกับพระเอกไปถึงจุดที่เลยเถิดจนยับยั้งไม่ได้ในตอนจบ
อิงดาวที่นั่งเงียบอยู่ตลอดทางทว่ากำลังคำนวณในใจว่าเนื้อเรื่องตอนนี้ถึงช่วงไหนของนิยาย ถ้าก่อนหน้านี้อิงดาวจ้างคนไปแกล้งแพรไหมให้ตกน้ำ ก็แปลว่าเนื้อเรื่องยังอยู่ช่วงต้น...ซึ่งพระเอกกับนางเอกยังไม่ได้รักกัน หรือทั้งสองยังไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ ถึงเจอไม่กี่ครั้งก็เป็นการทะเลาะกันทั้งสิ้น แพรไหมกับอาคินเป็นคู่กัดกันตามนิยายไทยในช่วงเริ่มแรก แพรไหมถึงได้ยอมไปไหนมาไหนกับตัวร้ายอยู่
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถ จนกระทั่งรถยนต์จอดเทียบหน้าตึกเล็ก ๆ ห้าชั้นดูเก่าโทรม ที่นี่เป็นอพาทเมนต์ของแพรไหม ดวงตากลมมองออกไปก็เห็นหญิงสาวที่อายุเท่ากับเธอ อีกฝ่ายสวยมาก ๆ ซะจนอิงดาวตาโต ไม่คิดว่านางเอกนิยายเรื่องที่เธออ่านจะสวยมากขนาดนี้...สมแล้วที่เป็นนางเอก แพรไหมเดินมาเปิดประตูฝั่งที่อิงดาวนั่งอยู่ ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นว่ามีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“เอ่อ...เดี๋ยวฉันไปนั่งข้างหลังเองค่ะ”
อิงดาวรีบเอ่ยขึ้นและถือจังหวะนี้ลงจากรถพลางเดินไปเปิดประตูเบาะหลัง แพรไหมงุนงง ทว่าก็ยื่นใบหน้าเข้ามามองไปที่อิงดาวพลางพูดออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“คุณอิงมานั่งหน้าก็ได้นะคะ ฉันนั่งข้างหลังเอง—”
“แพรนั่งกับพี่นี่แหละ ปล่อยให้เขานั่งข้างหลังไป”
ทศวรรษเอ่ยขัด แพรไหมทำหน้าไม่ค่อยสู้ดี เพราะเธอรู้ว่าอีกคนคือคู่หมั้นของทศวรรษ แล้วการที่เธอมานั่งตรงนี้แล้วให้คู่หมั้นของเขานั่งข้างหลัง มันจะดูแปลก ๆ ไปหรือเปล่า...
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแพร ฉันนั่งนี่ได้ค่ะ สะดวกดี”
ดวงตากลมของอิงดาวปรายมองชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่าง ส่งผลให้คนมาใหม่ยอมแทรกตัวเข้าไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ
แพรไหมคิดว่าทศวรรษต้องขับรถไปนครศรีธรรมราชคนเดียว ถ้ารู้ว่าคู่หมั้นของอีกฝ่ายไปด้วย แพรไหมคงจะปฏิเสธ
ทศวรรษหันมองร่างเล็กของคนเบาะหลังที่นั่งมองนอกกระจกนิ่ง เขาย่นคิ้วหนักขึ้นเพราะสงสัยในอากัปกิริยาที่เปลี่ยนไปของอิงดาว ก่อนจะละความสนใจปลิงน่ารังเกียจ เขาหันไปส่งยิ้มอบอุ่นให้คนข้างกาย ก่อนจะออกรถทันที
การเดินทางผ่านไปกว่าสามชั่วโมงก็เข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราช ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมง ซึ่งทศวรรษนัดคู่ค้าตอนบ่ายโมงตรง ยังเหลือเวลาจึงว่าจะพาแพรไหมไปทานอาหารมื้อเที่ยงที่ร้านดังของจังหวัด รถยนต์เลี้ยวเข้าร้านอาหารริมน้ำก่อนจะหันมองหญิงสาวข้างกาย
“ตอนมาคุยงานรอบที่แล้ว พี่เคยพาคุณแม่มากินร้านนี้ อร่อยดี เลยอยากพาแพรมากิน”
“เหรอคะ อยากรู้เลยว่าจะอร่อยขนาดไหน”
แพรไหมพูดพลางยิ้มกว้างให้ทศวรรษ หัวใจของตัวร้ายพองโตทันที ทว่าคนเบาะหลังก็ฟังบทสนทนาอยู่ตลอด อิงดาวมองทศวรรษ แม้จะเห็นเพียงด้านข้างก็รู้เลยว่าในสายตาของเขามีแค่แพรไหม ตัวร้ายที่รักนางเอกหมดหัวใจ ยอมเป็นคนเลว ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้นางเอกมาครอง
น่าเห็นใจอิงดาวเหลือเกิน คู่หมั้นที่เขาไม่รัก ไม่ว่าอิงดาวจะทำยังไงก็ไม่เคยได้ใจทศวรรษแถมยังต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจแบบนี้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทนได้ยังไง เธอละสายตาจากเขาและเปิดประตูรถเมื่อจอดสนิทที่ลานจอดของร้านอาหาร
ฉับพลัน...ความคิดในหัวของหญิงสาวก็ผุดขึ้นมาว่าแล้วอิงดาวตัวจริง...
ตอนนี้วิญญาณของอีกฝ่ายไปอยู่ที่ไหน
ในเมื่อมัทอยู่ในร่างของอิงดาว แล้วเจ้าของร่างไปอยู่ที่ไหนกัน เธอเหม่อลอยครู่หนึ่ง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสียงตวาดดังขึ้น
“จะยืนบื้อตรงนั้นอีกนานไหม หรือไม่กิน? ถ้าไม่กินก็ไปรอที่อื่น”
สติของเธอกลับมาก่อนจะเห็นทศวรรษที่ยืนเคียงคู่กับแพรไหมซึ่งกำลังจะเดินไปทางเข้าของร้านอาหาร อิงดาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอก้มหน้าเล็กน้อยและเดินตามคนทั้งคู่เข้าไปในร้าน
ร้านอาหารใต้ริมน้ำที่จัดแต่งในแนวพื้นบ้าน โต๊ะสำหรับสี่ที่นั่ง แพรไหมชิ่งนั่งตรงข้ามกับทศวรรษ ทำให้อิงดาวจำใจต้องนั่งข้างคู่หมั้นของตัวเอง เพราะจะให้นั่งข้างแพรไหมก็คงจะแปลก พนักงานเดินมาส่งเมนูให้ ชายหนุ่มเปิดเมนูออกก่อนจะสั่งอาหารไปสามอย่าง เงยหน้ามองหญิงสาวตรงข้ามและเอ่ยถาม
“แพรอยากกินอะไร”
“แพรกินได้หมดเลยค่ะ”
“เลือกมาสักอย่างสองอย่างสิ เอาที่แพรอยากกิน”
น้ำเสียงของตัวร้ายนุ่มนวลยามคุยกับนางเอก อิงดาวนั่งนิ่ง ๆ ไม่คิดจะเปิดเมนูดูเหมือนอย่างสองคนนั้น พลางมองไปรอบร้านไม่ได้สนใจใคร ก่อนที่พนักงานจะถามขึ้นเมื่อจดออเดอร์อาหารเสร็จ
“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ?”
“น้ำเปล่าครับ แพรอยากกินน้ำอะไรไหม”
“แพรขอน้ำส้มปั่นค่ะ”
อิงดาวได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอยากจะกินน้ำส้มปั่นด้วย เพราะวันนี้อากาศร้อนมาก เธออยากดื่มน้ำหวานเย็น ๆ สดชื่นมาตั้งนานแล้วก็เลยพูดออกไป
“อิงขอน้ำส้มปั่นด้วยค่ะ”
ทศวรรษตวัดสายตามองคนข้างกาย ก่อนเขาจะเงยมองพนักงานและเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“น้ำเปล่าครับ และน้ำส้มปั่นแก้วเดียว”
“แก้วเดียวเหรอคะ?”
“ครับ แก้วเดียว”
สาวพนักงานทำหน้างุนงง ทั้งที่ได้ยินว่าผู้หญิงทั้งสองจะรับน้ำส้มปั่นเหมือนกันทั้งคู่ แต่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวบนโต๊ะกลับสั่งแค่แก้วเดียว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจดเมนูไปตามที่ลูกค้าย้ำ อิงดาวได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว หันมองคนข้างกายด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่ทศวรรษก็เห็นเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ
แพรไหมเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็กระอักกระอ่วนไม่น้อย รู้ว่าทศวรรษไม่ชอบคู่หมั้นตัวเอง แต่ก็ไม่คิดว่าจะใจร้ายขนาดนี้ ไม่นานน้ำเปล่าและน้ำส้มปั่นก็ยกมาเสริฟ แพรไหมตัดสินใจเลื่อนแก้วน้ำส้มปั่นให้อิงดาวด้วยรอยยิ้ม
“คุณอิงเอาแก้วนี้นะคะ เดี๋ยวแพรสั่งใหม่ค่ะ”
“ม...ไม่เป็นไรค่ะ—”
อิงดาวยังไม่ทันพูดจบ แก้วน้ำส้มปั่นก็ถูกมือหนายกไปไว้ตรงหน้าแพรไหมคืน ทศวรรษทำเพียงแค่นั้นโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ อิงดาวเห็นแบบนั้นก็เบือนสายตาไปทางอื่น
ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจกับคนทั้งโลก แต่อ่อนโยนให้กับนางเอกคนเดียวงั้นสินะ
ทศวรรษเบื่อคนข้างกายเต็มที ถ้าวันนี้ไม่มีเธอ เขาก็คงจะได้ใช้เวลาอยู่กับแพรไหมสองต่อสองไม่มีก้างขวางคอ อยากตามมาด้วยก็เตรียมตัวรับชะตากรรมได้เลย คนอย่างเขาถ้าเกลียด ก็คือเกลียด และไม่เข้าใจว่าแพรไหมจะไปทำดีกับผู้หญิงคนนี้ทำไม
ถ้าแพรไหมรู้ว่าวันนั้นใครจ้างคนไปแกล้งเธอจนตกน้ำ แพรไหมอาจจะเปลี่ยนความคิด
ทว่าทศวรรษไม่คิดจะบอกเธอ เพราะเขาต้องการให้อิงดาวเป็นคนสารภาพและขอโทษแพรไหมเอง นั่งรอไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสริฟ มือหนาของชายหนุ่มตักอาหารใส่จานคนตรงข้ามไม่หยุดและชวนแพรไหมคุย เลื่อนจานกับข้าวทุกอย่างมาไว้ตรงหน้าของเราสองคน
ส่วนคนที่นั่งข้างเขา ทศวรรษไม่หันมองแม้แต่หางตา และเขาไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเอื้อมตักถึงหรือไม่
ส่วนอิงดาวทำท่าจะเอื้อมไปตักกับข้าวที่อยู่ไกลตัวเองจนข้อศอกไปชนกับแขนของทศวรรษ สิ่งที่ได้รับคือนัยน์ตาดุดันที่หันขวับมามอง สายตาที่บอกชัดว่ารังเกียจมากแค่ไหน อิงดาวจึงรีบหดแขนของตัวเองกลับมา
เธอกำช้อนส้อมในมือด้วยความอดกลั้น รู้สึกอึดอัดจนอยากจะวิ่งออกไปจากตรงนี้ พ่นลมหายใจเล็กน้อย ตักกับข้าวที่อยู่ใกล้มือตัวเองโดยไม่คิดจะเอื้อมไปไกลกว่านี้ เธอกินเท่าที่กินได้ หูสองข้างได้ยินทั้งคู่คุยกันในเรื่องต่าง ๆ ที่เธอไม่เข้าใจ ราวกับพวกเขาอยู่กันลำพังในโลกของสองคน ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ตัวตนมากขึ้นทุกที อิงดาววางช้อนส้อมในมือลงเพราะรู้สึกอิ่มแล้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“อิงไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“...”
ทศวรรษไม่หันมองและทำว่าเสียงของเธอเป็นเพียงเสียงนกเสียงกา ร่างเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปยังหลังร้าน แพรไหมมองตามอิงดาวก่อนจะหันกลับมามองทศวรรษ
“พี่ทศใจร้ายกับคุณอิงจัง”
คนที่โดนต่อว่าทำหน้านิ่ง เขายกแก้วน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่ยี่หระ
“พี่ไม่ได้รักอิงดาว”
“...”
“แพรก็รู้ว่าพี่รักใคร”
“...”
แพรไหมเงียบลงทันที เธอทานอาหารต่อโดยไม่รู้จะต้องตอบว่าอะไร
ทศวรรษเห็นแบบนั้นก็เจ็บแปลบที่หัวใจ ใบหน้าหล่อเหลาหันมองไปทางอื่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวพี่มานะ”
“ค่ะ”
ร่างกำยำลุกจากเก้าอี้ ทศวรรษนึกบางอย่างขึ้นออกจึงตรงไปที่หลังร้าน ขายาวก้าวดุ่ม ๆ ไปที่หน้าห้องน้ำหญิงก่อนจะหยุดนิ่ง ราวกับรอใครบางคนให้ออกมา
ยืนรอไม่นานร่างบอบบางก็เดินออกมา เธอตกใจที่เห็นเขายืนรออยู่ สองมือเล็กกำแน่น เดินช้า ๆ ไปหยุดตรงหน้าคู่หมั้นของตัวเองที่ยืนทำหน้าตาน่ากลัวจ้องมองมา
“พี่ทศ”
“สารภาพความผิดและขอโทษแพรไหมซะ”
“...”
หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ เธอนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้...ที่อิงดาวคนเก่าได้ทำเอาไว้ จ้างคนไปแกล้งแพรไหมให้ตกน้ำระหว่างที่อีกฝ่ายให้อาหารปลาในวัด โชคดีที่มีคนลงไปช่วยแพรไหมเอาไว้ได้ทันและเธอก็ว่ายน้ำเก่ง ทำให้รอดมาได้
ส่วนหน้าที่ของอิงดาวคนนี้ก็คือขอโทษแพรไหมในเรื่องที่เกิดขึ้น เธอโอเคมาก ๆ ที่จะต้องเป็นคนขอโทษแม้ว่าคนทำตัวจริงไม่ใช่เธอก็ตาม
“ค่ะ อิงจะขอโทษคุณแพร”
เธอตอบนิ่ง ๆ และทำท่าจะเดินผ่านไหล่หนา ทว่าเสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังจนอิงดาวต้องชะงักเท้า
“เป็นบ้าอะไร?”
“...”
เธอหยุดเดินและหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ เห็นอีกฝ่ายเดินมาหยุดตรงหน้าอีกครั้ง สายตาของทศวรรษแข็งกร้าวจนน่ากลัว
“อะไรคะ?”
“เธอน่ะ เป็นบ้าอะไร”
“...”
“จะมาไม้ไหน”
“...”
“อย่าคิดว่าทำตัวประหลาดแล้วจะเรียกร้องความสนใจจากฉันได้”
ทศวรรษจับสังเกตมาทั้งวัน อิงดาวมีท่าทีที่เปลี่ยนไป อีกฝ่ายดูไม่ได้สนใจเขาเหมือนเดิม ถ้าเป็นเมื่อก่อน แม้แต่บอกให้เธอไปขอโทษแพรไหม อิงดาวก็คงจะค้านและปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ทำ ก่อนจะเรียกน้ำตามากมายและทำตัวน่าสงสาร จนรู้ไปถึงหูของมารดาเขา สุดท้ายผู้หญิงคนนี้ก็ลอยตัวในความผิดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วไหนจะเรื่องที่นั่งในรถ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากได้ไปไหนกับเขา อิงดาวก็จะนั่งเชิดที่เบาะหน้าไม่คิดจะลุกให้ใครแน่ แต่นี่ลุกให้แพรไหมง่าย ๆ ราวกับคนละคน ทศวรรษคิดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังมีแผนบางอย่าง
เขาจ้องตากับเธอ ดวงตากลมใสจ้องกลับเช่นกัน
“พี่ทศบอกให้อิงขอโทษคุณแพร อิงก็จะไปขอโทษนี่ไงคะ ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
“ปากเก่งแล้วสินะ”
อิงดาวกลอกสายตาไปทางอื่นและพ่นลมหายใจ ท่าทางเบื่อหน่ายอย่างชัดเจนทำให้ทศวรรษโกรธจนควันออกหู
ไม่เคยมีใครทำอาการแบบนี้ใส่เขา และเธอก็ไม่เคยทำ ส่งผลให้มือหนากำแน่นอย่างเกลียดชังคู่หมั้นตัวเองมากขึ้นเป็นทวีคูณ จ้องมองร่างบางที่หมุนตัวเดินหนีเขาไป
ตัวร้ายเดินตามคู่หมั้นจนกระทั่งถึงทางเดินที่เป็นสะพานเล็ก ๆ ข้ามกลับไปยังโซนที่นั่งของร้านอาหาร ทางเดินคล้ายสะพานที่ไม่ยาวมากนัก สองฝั่งเป็นบ่อน้ำซึ่งไม่มีอะไรกั้น ปลาสวายแหวกว่ายนับร้อยตัว ทศวรรษจ้องมองแผ่นหลังบางของอิงดาว มุมปากของเขายกยิ้มร้ายกาจก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปประชิดหลังคนตัวเล็ก ก่อนจะใช้เท้าสกัดขาเธอ จนหญิงสาวสะดุดและก้าวพลาดตกน้ำทันที
ตู้ม!!!