ตอนที่ 4-1

1206 คำ
ตอนที่ 4 ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิด เสียงเด็กร้องไห้ดังกระจองอแง ตามมาด้วยเสียงปลอบประโลมของพยาบาลสาวที่กำลังหาของเล่นมาใช้ดึงความสนใจเด็กน้อยวัยใกล้สองขวบ อยู่ในชุดนอนสีชมพูหวาน มัดผมจุกทั้งข้าง พลอยทำให้น้าสาวแท้ๆถึงกับชะงักเท้า หยุดมองด้วยความปวดร้าว ระคนสงสาร โธ่หลานน้า...หนูจะรู้ไหมว่าแม่หนูไม่ได้อยู่กับหนูแล้ว “หนูวาวาคงคิดถึงน้ำปั่นน่ะ" นายหัวแห่งสิริมันตราบีชเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เข้มขรึม หากมองไม่ผิดในดวงตาคู่นั้นก็มีหยาดน้ำเอ่อคลออยู่ “ค่ะ" เธอตอบรับสั้นๆ ก่อนจะก้าวเท้าไปหาหนูน้อยที่กำลังนั่งอยู่ในคอกเด็ก ไม่ยอมให้พยาบาลโดนตัว เอาแต่ร้องไห้ดัง “น้องวาวาครับ ดูสิใครมา" เขมกรเอ่ยเรียกหลานสาวน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะก้าวข้ามเข้าไปในคอกกั้น ที่เขาเพิ่งสั่งพิเศษมาเพื่อหลานรักโดยเฉพาะ “ฮึกๆ มามี้" เสียงเล็กสะอื้นตอบ ก่อนจะหันมามองยังหญิงสาวที่กำลังยืนส่งยิ้มให้ แม้ดวงตาจะเต็มไปด้วยม่านน้ำตา จนมองเห็นใบหน้าของหลานสาวพร่าเลือน ไม่ชัด ฌาร์ริญณ์รีบหันหน้าหนีแอบเช็ดน้ำตาก่อนจะหันกลับมาปั้นยิ้มหวาน เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส “น้าชาเองค่ะ...น้องวาวา จำน้าชาได้ไหมคะ เราคุยวีดีโอคอลกันบ่อยๆไง จำได้ไหมคะ" ดวงตากลมโตแวววาวด้วยหยดน้ำตาเม็ดใหญ่ สะอื้นฮึกๆ จ้องมองหญิงสาวคนที่เรียกแทนตนว่าน้านิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากจะบิคว่ำลง ส่งเสียงร้องไห้ดัง จนทั้งลุงและน้าต่างหันมองหน้ากันสีหน้าเคร่งเครียด “ฮึกๆมามี้ แงงงงงงง มามี้" “โอ๋ๆ น้องวาวา น้าชามาแล้วนะคะ มาให้น้ากอดหน่อยนะคนดี" น้าสาวรีบก้าวเข้าไปหา โอบกอดร่างน้อยที่ลุกขึ้นยืนกอดหญิงสาวด้วยความเต็มใจ จนพยาบาลที่คอยนั่งปลอบอยู่ใกล้ๆลุกเดินเลี่ยงหลบออกไปยืนอยู่ห่างๆ “โอ๋ๆ คนสวยของน้า...คิดถึงน้าไหมคะ" ไม่มีคำตอบนอกจากเสียงที่ร้องไห้ยังคงแผดดัง เธอจึงลุกขึ้นเดิน วนไปวนมา ท้ายที่สุดจึงไปหยุดอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ชักชวนหลานสาวตัวน้อยให้หันมาสนใจกับบรรยากาศโดยรอบแทน “อุ้ยๆ นั่นอะไรคะ ใช่เรือหรือเปล่าน๊า นั่นเรือไหม ที่อยู่บนน้ำตรงนั้น น้องวาวาเห็นไหมคะ...เอ๊ะตรงนั้นอะไรคะ เรียกว่าดาวหรือเปล่า น้องวาวาเห็นดาวตรงนั้นไหมลูก สวยมากเลยเห็นไหมคะ" เหมือนจะได้ผล เมื่อเสียงสะอื้นหยุดลง ดวงตากลมโตแวววาวมองตามสิ่งที่น้ากำลังชี้ชวนดูด้วยความสนใจ พลางโยกตัวไปมาหวังขับกล่อม ไม่นานเด็กน้อยก็เคลิ้มหลับไปในกอดแขนของคนเป็นน้า “ให้พี่อุ้มพาไปนอนเถอะ” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆมาตั้งแต่ต้นเอ่ยขึ้นเสียงเบาเพราะไม่อยากให้หลานรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ส่งมือมารับหลานสาวด้วยความระมัดระวัง ไปยังห้องนอนที่เตรียมไว้สำหรับหลานสาวตัวน้อย เป็นห้องที่ตกแต่งด้วยสีชมพูเป็นหลัก โต๊ะตู้ตั่งเตียง ล้วนแล้วเป็นสีขาวตัดกับสีของวอลเปเปอร์ห้อง เขมกรวางสาวลงบนเตียงนอนด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาของหลานสาวให้อย่างเบามือ ฌาร์ริญณ์มองหน้าหลานสาวแล้วได้แต่สะท้อนในอก เจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตัวเธอเองนั้นแม้จะสูญเสียเสาหลักเพียงคนเดียวในชีวิตไป แต่ก็ไม่เท่ากับหลานตัวน้อยต้องสูญเสีย เพราะนั่นคือโลกทั้งใบของเด็กน้อย โชคดีที่แกยังเล็กนะ ยังไม่รู้จักความเจ็บปวดเสียใจว่ามันทรมานขนาดไหน ขณะนั่งคิดเหม่อไปเรื่อยเปื่อย สายตามองยังใบหน้าเล็กๆของหลานสาว ทว่า เพียงชั่วอึดใจ ใบหน้านั้นกลับบิดเบ้ ริมฝีปากบิคว่ำลง ก่อนจะแผดเสียงร้องไห้จ้า ทั้งๆที่ยังหลับตา ฌาร์ริญณ์หันขวับมามองใครอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆเธอมาตั้งแต่ต้น ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาหลานตัวน้อย เอ่ยปลอบประโลมฮัมเพลงขับกล่อมเบาๆข้างหู พร้อมกับตบที่ก้นเด็กน้อยเบาๆ แต่เหมือนจะไม่ได้ผล หนูวาวาดิ้นไปมา ก่อนจะร้องไห้ดังขึ้นหนักกว่าเดิม “มามี้...” เสียงเล็กๆร้องเรียกหาคนเป็นแม่ เรียกหยดน้ำตาจากคนเป็นน้า ไหลรินอาบแก้ม โธ่ลูก... หญิงสาวถึงกับรำพันอยู่ในใจ ตัดสินใจอุ้มหลานสาวมากอดไว้แนบอก “ไม่เป็นไรนะลูก มามี้อยู่นี่แล้วนะคะ...ไม่ร้องน๊า คนดี" ถ้อยประโยคที่ทำให้เขมกรถึงกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด ขณะมองหญิงสาวที่กำลังปลอบประโลมหลานสาวตัวน้อยในอ้อมแขน น้ำตาซึม “ฮึกๆ หามามี้ แงงงงง" “มามี้อยู่นี่แล้วลูก...ไม่ร้องน๊า เด็กดี ไม่ร้องนะคะ" เสียงร้องไห้โยเยดังขึ้นอีกสักพัก ก่อนที่เด็กน้อยจะผล็อยหลับไปในท้ายที่สุด ฌาร์ริญณ์ค่อยๆหลานสาววางลงบนที่นอน ห่มผ้าให้เรียบร้อย สายตาทอดมองหลานสาวด้วยใจสั่นไหว สงสารหลานจับขั้วหัวใจ “แกสะดุ้งตื่นแบบนี้ทุกคืนไหมคะ" “ครับ"ร่างสูงตอบรับเสียงเบา พยายามกลืนก้อนสะอื้นรี่จุกขึ้นมาจนแน่นอกใจ โน้มตัวเข้าหาหลานน้อยกดจมูกลงบนหน้าผากแผ่วเบา เอ่ยคำต่อท้ายสั่นเครือ “ทุกคืน...” นั่นเท่ากับว่าสามคืนแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่อง เขมกรยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูง เหลือบดูเวลาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงหันมาหาหญิงสาวที่กำลังเช็ดน้ำตาปอยๆ “กลับเถอะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง" หญิงสาวเม้มปากแน่น สีหน้าครุ่นคิด ขณะเดินตามร่างสูงออกจากห้องมาเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นในท้ายที่สุด “คืนนี้ชา....ฉัน...นอนค้างกับหลานได้ไหมคะ" สิ้นคำ ร่างสูงของเขมกรหันกลับมามองหน้าหญิงสาว แววตาฉายความแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มบางๆ เอ่ยตอบรับเสียงนุ่ม “ได้สิครับ...พี่รอให้ชาบอกคำนี้มาตลอด" ประโยคง่ายๆแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกใจเต้นแรง มองหน้าสบตาคู่คมนั่น ราวกับมีมนต์บางอย่างดึงเธอเข้าสู่ภวังค์ความคิด พลันภาพเหตุการณ์ในวันนั้นไหลย้อนเข้ามาเป็นฉากๆ หัวใจเต้นแรง สั่นหวิววูบวาบไปทั่วท้องน้อย เมื่อสบนัยน์ตาทรงเสน่ห์คู่นั้น ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยกลับเปล่งประกายวิบวับ และถ้อยคำต่อมาดังแทรกเข้ามาในความคิด พลอยทำให้หญิงสาวถึงกับนิ่งไปฉับพลัน หัวใจราวกับหยุดเต้น “น้องชาจะรังเกียจไหม ถ้าพี่จะขอนอนด้วยคน"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม