ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงสำหรับการตรวจร่างกายแบบละเอียดยิบ เมื่อการตรวจเสร็จสิ้นและผลการวินิจฉัยของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก สั่งให้เธอกินยาตามที่หมอจัดให้และให้พักผ่อนมากๆ ทุกคนก็เริ่มทยอยเดินออกจากห้องจนเหลือแค่เธอกับผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ยืนอยู่ข้างเตียงของเธอไม่ยอมห่าง ดูๆแล้วก็น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันหรืออาจจะอายุมากกว่านารินรดาหนึ่งหรือสองปี
นารินรดามองหญิงสาวตรงหน้าประกายตาครุ่นคิด จากการที่เธอนอนนิ่งๆให้คุณหมอตรวจร่างกายเกือบชั่วโมงทำให้รู้ถึงสาเหตุที่ตัวเองต้องกลายมาเป็นผู้ป่วย... นารินรดาตัวละครลับของนิยายเรื่องนี้ได้ลงไปว่ายน้ำเล่นที่สระว่ายน้ำเมื่อสองชั่วโมงก่อนแล้วเกิดตะคริวจนเกือบจะจมน้ำ โชคดีที่แม่บ้านที่กำลังจะเอาน้ำไปเสิร์ฟให้เห็นช่วงที่เธอกำลังจะจมน้ำพอดี จึงตะโกนขอความช่วยเหลือ และคนที่กระโดดลงน้ำไปช่วยเธอเป็นคนแรกก่อนที่บอดี้การ์ดจะกระโดดตามลงไปก็คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอ
พอพูดถึงสระว่ายน้ำภาพเลือนรางก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง แต่ทว่าไม่นานภาพนั้นก็หายวับไปกับตา และแทนที่ด้วยใบหน้าหล่อเหลาไร้อารมณ์ของนายแพทย์วีรินทร์ที่มองเธอด้วยสายตาเย็นชาทอประกายตำหนิชัดเจนคล้ายจะบอกว่า...
เธอกำลังสร้างปัญหาและความรำคาญให้เขา
ถึงจะไม่เข้าใจนัยยะทั้งหมดที่ชายหนุ่มต้องการสื่อรวมทั้งไม่เข้าใจว่าเธอไปสร้างความรำคาญอะไรให้ เธอก็ไม่คิดอยากจะถาม เขาอยากมองเธอด้วยสายตาแบบไหนก็เรื่องของเขา ปล่อยเขาไป เพราะเธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนี้
“ทำไมคุณหนูมองพี่แบบนั้นล่ะคะ หรือว่าปวดหัว ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ไปตามคุณหมอกลับมาดูอาการคุณหนูใหม่”
“ไม่ต้องค่ะพี่ซอมพอ! นะนาวไม่ได้เป็นอะไร” นารินรดาถึงกับชะงักงันหลังจากที่พูดจบประโยค เธอมั่นใจว่าไม่เคยเห็นและรู้จักผู้หญิงตรงหน้ามาก่อน ไม่รู้ว่าชื่อซอมพอผุดขึ้นมาในหัวเธอได้ยังไง มันผุดขึ้นมาเองและเธอก็เรียกออกไป
และเหมือนว่ามันจะเป็นชื่อที่ถูกต้อง ผู้หญิงตรงหน้าเธอชื่อซอมพอ จากการที่อีกฝ่ายยังปักหลักอยู่ในห้องนี้ไม่ได้ตามคนอื่นๆออกไปก็แสดงชัดแล้วว่า... ซอมพอคือคนของเธอ
“คุณหนูแน่ใจนะคะว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“นะนาวแน่ใจค่ะ” พยักหน้ายืนยันคำตอบก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “อืม... ความจริงนะนาวก็รู้สึกปวดหัวอยู่นิดหน่อย ถ้าได้นอนพักก็คงจะดีขึ้น พี่ซอมพอเองก็กลับห้องไปพักผ่อนเถอะค่ะ หน้าตายังดูซีดเซียวอยู่เลย ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยนะนาวเอาไว้ ถ้าไม่ได้พี่ซอมพอช่วยเอาไว้นะนาวคงแย่”
นี่แหละข้อดีของไฮโซสาวนะนาว นารินรดา
ถึงเธอจะเย่อหยิ่งถือตัวและคิดว่าตัวเองมีดีมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยลืมคำว่าขอบคุณหรือแม้แต่คำขอโทษที่เธอสามารถพูดมันได้อย่างคล่องปาก และที่สำคัญเธอไม่เคยกดหัวใครให้ต่ำหรือจิกเรียกใครโดยไม่ให้เกียรติสักครั้งแม้ว่าคนผู้นั้นจะมีฐานะด้อยกว่าก็ตาม ลุงคนสวน ป้าแม่บ้าน หรือแม้แต่พี่ๆที่ทำงานในบ้านเธอก็ให้เกียรติหมด
“คุณหนูไม่ต้องขอบคุณพี่หรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่พี่ที่จะต้องดูแลคุณหนูให้ดี”
“มันเป็นหน้าที่ของนะนาวเหมือนกันค่ะที่จะต้องขอบคุณพี่ซอมพอที่ช่วยชีวิตนะนาวเอาไว้ และหน้าที่ของพี่ซอมพอตอนนี้ก็คือการกลับห้องไปพักผ่อน”
“แต่ว่า...”
“ถ้านะนาวรู้สึกไม่สบายหรือต้องการอะไรนะนาวจะเรียกพี่ซอมพอทันทีค่ะ” นารินรดาพูดขึ้นก่อนที่ซอมพอจะพูดจบประโยค เธอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรและอยากจะพูดอะไร
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถ้าคุณหนูอยากได้อะไรหรือรู้สึกไม่สบายให้เรียกพี่ซอมพอทันทีนะคะ”
“ค่ะ” คนมีแผนในใจพยักหน้ารับ รอจนกระทั่งพี่เลี้ยงคนสนิทเดินพ้นประตูห้องก็ลุกพรวดพราดขึ้นนั่งทันที เอื้อมตัวไปคว้าเอาสมาร์ทโฟนเครื่องหรูบนโต๊ะเล็กข้างเตียงที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่แรกมาเปิดหาข้อมูลบางอย่าง ซึ่งข้อมูลที่ว่าก็คือข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอในตอนนี้
ใช้เวลาค้นหาข้อมูลไม่ถึงสองชั่วโมง ข้อมูลทุกอย่างที่นารินรดาอยากได้ก็ถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนเป็นโลกที่เธอจากมาหรือว่าโลกนิยายแห่งนี้อินเทอร์เน็ตก็ยังคงสำคัญและจำเป็นเสมอ
ในข่าวบอกเอาไว้ชัดเจนว่านารินรดาเป็นหลานสาวคนเดียวของ เจ้าสัวนริน อนันต์ชัยยุทธ์ เธอถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากเรียนจบก็ยังใช้ชีวิตอยู่ที่โน้น ที่ได้เดินทางกลับมาในครั้งนี้เพราะต้องกลับมาแต่งงานกับคู่หมั้นตามสัญญาของผู้ใหญ่ คู่หมั้นของเธอก็คือนายแพทย์วีรินทร์ วีรวรกานต์ ซึ่งเจ้าสัววีรชาญ วีรวรกานต์คุณปู่ของชายหนุ่มได้ทำสัญญาสู่ขอนารินรดากับเจ้าสัวนรินปู่ของเธอที่เป็นเพื่อนรักกันเอาไว้ตั้งแต่เธอยังเด็ก
การแต่งงานคลุมถุงชนมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ถึงจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปมากในยุคสมัยนี้ที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปไกล การใช้เอไอมีให้เห็นทุกสาขาอาชีพ อีกไม่นานเอไอก็น่าจะทำงานทุกอย่างแทนมนุษย์ได้ แต่ทว่าการคลุมถุงชนก็ยังมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ใครใคร่ได้คู่ครองที่ดีก็ถือว่าโชคดี แต่ทว่าใครใคร่ได้คู่ครองที่แย่ก็ต้องทำใจยอมรับชะตากรรม
แต่ทว่านั้นมันง่ายเกินไปสำหรับผู้ชายอย่างนายแพทย์วีรินทร์...
คุณหมอมาเฟียไม่น่าจะยอมแต่งงานง่ายๆเพียงเพราะคำสัญญาของคุณปู่ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น และหลักฐานสำคัญที่จะทำให้เธอรู้ความจริงก็น่าจะอยู่ในห้องนี้
นารินรดากวาดสายตามองไปรอบๆห้องนอนขนาดใหญ่ก่อนจะไปหยุดที่ตู้เซฟนิรภัย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองตู้เซฟนิรภัยประกายเจิดจ้ามั่นใจว่าของที่เธอต้องการต้องอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน
ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่เธอคาดเดา
สัญญาการแต่งงาน เอกสารสำคัญมากมาย รวมทั้งเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมูลค่าหลายพันล้านที่เจ้าสัวนรินโอนให้นายแพทย์วีรินทร์วางอยู่ในนั้น
นี่สินะสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณหมอมาเฟียชายผู้รักเดียวใจเดียวและไม่เคยชำเลืองสายตามองผู้หญิงคนไหนนอกจากนางในดวงใจยอมแต่งงานกับเธอ
ที่ดินทำเลทองมูลค่าหลายพันล้านบาทที่เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเซ็นเตอร์ของวีรวรกานต์แท้จริงแล้วคือที่ดินของอนันต์ชัยยุทธ์ ที่ดินผืนนั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์ของนายแพทย์วีรินทร์ทันทีที่แต่งงานกับนางสาวนารินรดา อนันต์ชัยยุทธ์
และตอนนี้ที่ดินแปลงนั้นก็ถูกโอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อนายแพทย์วีรินทร์เรียบร้อย
ในสัญญายังมีเงื่อนไขต่อท้ายอีกว่า...
ทั้งสองฝ่ายจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของอีกฝ่าย และการแต่งงานในครั้งนี้จะต้องไม่มีการหย่าร้างกันเกิดขึ้นในระยะเวลาสองปี ไม่เช่นนั้นจะถือว่าสัญญานี้เป็นโมฆะและกรรมสิทธิ์ในที่ดินจะกลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของนางสาวนารินรดา อนันต์ชัยยุทธ์ทันที
เอกสารในมือกอปรกับข่าวการแต่งตั้งให้หลานชายคนโตขึ้นเป็นรองประธานกรรมการใหญ่ของวีรวรกานต์แซงหน้าลูกชายทั้งสองรวมทั้งญาติพี่น้องคนอื่นๆของเจ้าสัววีรชาญทำให้ภาพในหัวนารินรดาชัดเจนขึ้น เมื่อประติดประต่อเรื่องราวได้ก็เก็บเอกสารทุกอย่างเอาไว้ที่เดิม แล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ก่อนหน้า
นารินรดาในโลกนิยายแห่งนี้แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากเธอ จะบอกว่าเป็นเธอในอีกโลกหนึ่งก็ว่าได้
นารินรดาไม่คิดว่าที่ปิ่นญาดาเอาชื่อเธอมาเป็นตัวละครลับเพราะความเกลียดชัง แต่ทว่าเธอก็คิดไม่ออกจริงๆว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่ แค่สงสัยว่าไทป์แบบเธอเหมาะกับบทนางร้ายแย่งผู้ชายงั้นเหรอ
สวยเริ่ดเชิดรวยและถือตัวกับเพศตรงข้ามอย่างเธอยังต้องแย่งผู้ชายอีกเหรอ ถึงผู้ชายคนนั้นจะหล่อลาก เบ้าหน้าฟ้าประทานเป็นลูกรักลำดับต้นๆของพระเจ้า ดูดีไร้ที่ติทำเธอใจสั่นอยู่หลายครั้งหลายครา
แต่ทว่า... นายแพทย์วีรินทร์ก็ไม่ใช่ผู้ชายไทป์ที่เธอต้องการ คุณหมอมาเฟียไม่ใช่สเปกเธอ
บทนางร้ายนั้นก็ไม่เหมาะกับเธอเช่นกัน
เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องอยู่ในโลกนิยายแห่งนี้อีกนานแค่ไหนถึงจะสามารถกลับออกไปในโลกที่จากมาได้ สิ่งเดียวที่เธอรู้และต้องทำให้ได้นั้นคือการอยู่ที่นี่ให้ปลอดภัยให้มีชีวิตรอดรอวันที่ตนเองจะได้กลับไปใช้ชีวิตในโลกที่จากมา
และแน่นอนว่า... การอยู่ให้ห่างจากคุณหมอมาเฟียคือสิ่งที่เธอควรทำมากที่สุด
ชีวิตของเธอจะสงบสุขและปลอดภัยเมื่ออยู่ห่างจากเขา