‘นิยายเรื่องนี้มีสองเล่มจบ ที่มึงอ่านเป็นแค่เนื้อเรื่องของเล่มแรก ซึ่งมันยังไม่ถึงครึ่งเรื่องจริงๆ’
คราแรกที่ได้ฟังประโยคนี้เธอรู้สึกงวยงงไม่เข้าใจว่าปิ่นญาดาหมายถึงอะไร ทว่าตอนนี้เธอพอจะเข้าใจแล้วว่าปิ่นญาดาต้องการสื่ออะไร แต่ทว่าที่เธอไม่เข้าใจทำไมปิ่นญาดาจะต้องกำหนดให้เธอเป็นตัวละครลับของนิยายเรื่องนี้ด้วย
แล้วจุบจบของตัวละครลับนี้แหละ... จะเป็นยังไง
‘ก็สนุกนะ... แต่มันยังสนุกไม่สุด’
‘เนื้อเรื่องโดยรวมก็คือสนุกแหละ ยิ่งใครที่ชอบพระเอกร้ายๆ คลั่งรัก รักเดียวใจเดียวก็คือชอบแหละ แต่สำหรับกูทุกอย่างมันดูง่ายไปหน่อย ความรักของพระเอกนางเอกแทบไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ถ้าเพิ่มดรามาตรงนี้อีกหน่อยคือเวิร์ก’
นารินรดานึกถึงคำพูดของตัวเองที่เคยวิพากษ์วิจารณ์นิยายเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมา ถ้าเธอเป็นตัวละครลับของนิยายเรื่องนี้จริง ก็ไม่เท่ากับว่าเธอคือบททดสอบความรักคือความดรามาของนายแพทย์วีรินทร์กับบัวบุษบาหรอกเหรอ?
เสี่ยอมรศักดิ์ศัตรูคู่แค้นของนายแพทย์วีรินทร์ถูกคุณหมอมาเฟียเล่นงานแทบไม่เหลืออะไร ต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ
นายแพทย์พีระพลศัลแพทย์ฝีมือดีที่มีใจเสน่หาในตัวบัวบุษบาถูกคุณหมอมาเฟียใช้อำนาจมืดบีบให้ออกจากโรงพยาบาลจนไม่สามารถยื่นใบสมัครงานที่ไหนได้อีก
นายดอนพ่อเลี้ยงของบัวบุษบาที่พลั้งมือทำร้ายลูกเลี้ยงสาวเพราะขอเงินไม่ได้ถูกคุณหมอมาเฟียส่งลูกน้องไปจัดการจนไม่กล้ากลับบ้านเป็นเดือนๆ
และอีกมากมายหลายเรื่องที่เกี่ยวกับบัวบุษบาที่คุณหมอมาเฟียจัดการโดยใช้ศาลเตี้ยแบบไร้อารยะธรรม ทั้งที่บางอย่างเธอมองว่ามันคือเรื่องเล็กน้อย
แล้วจุดจบของตัวละครลับนี่แหละ?
จะเป็นยังไง...
อาการปวดหัวฉับพลันเล่นงานนารินรดาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้นอกจากจะปวดหัวรุนแรงแล้วยังมีภาพเหตุการณ์บางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเธอด้วย แต่ทว่าภาพนั้นมันเลืองลางเกินไปทำให้ไม่รู้ว่ามันคือเหตุการณ์อะไร นารินรดาเพ่งมองเพราะคิดว่าภาพเหตุการณ์นั้นอาจจะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอหลุดเข้ามาอยู่ในโลกนิยายนี้ แต่ทว่ายิ่งเธอเพ่งมองมากตั้งใจอยากจะรู้ให้ได้อาการปวดหัวก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอต้องยอมแพ้ ยอมให้ภาพเหตุการณ์เลือนลางนั้นหายวับไปกับตา
“ผอ. อยากจะตรวจอาการของคุณนะนาวด้วยตัวเองมั้ยครับ?”
คำพูดของคุณหมอวัยกลางคนที่หันไปพูดกับใครบางคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาทำให้นารินรดาตื่นจากภวังค์ความคิด เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ทำให้เธอมองสบตาคมกริบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ประกายเย็นชาไร้ความรู้สึกที่ส่งตรงจากดวงตาคมกริบสีนิลทำให้เธอต้องเบนสายตาหลบ พยายามบังคับร่างกายไม่ให้ตื่นเต้นและตื่นกลัวชายผู้เป็นสามี
ผอ.คีท หรือนายแพทย์วีรินทร์ วีรวรกานต์ เป็นผู้ชายที่มีรูปสมบัติเป็นทรัพย์อย่างที่ปิ่นญาดาบรรยายพรรณนาเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน รูปที่แขวนติดผนังที่ว่ารูปหล่อแบบตะโกนแล้วยังเทียบไม่ได้เลยกับตัวจริงตรงหน้า ยอมรับตรงๆว่าเธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนรูปร่างหน้าตาดี ชนิดที่ดีมากๆ ดีจนบรรยายไม่ได้เท่ากับผู้ชายคนนี้มาก่อน จะบอกว่าเขาคือลูกรักของพระเจ้าก็ไม่ผิด
แต่ทว่าก็เท่านั้นแหละ... เพราะความหล่อไร้ที่ติของเขาก็มาพร้อมกับความร้ายกาจแบบไร้ที่ติเช่นกัน
และที่สำคัญความหล่อนี้มีไว้เพื่อแม่นางบัวบุษบานางเอกของเรื่องคนเดียวเท่านั้น แม่หญิงอื่นอย่าได้หวังครอบครอง ซึ่งเธอไม่เดือดร้อน
เพราะสำหรับเธอการอยู่ให้ห่างคุณหมอมาเฟียเป็นทางออกที่ดีที่สุด
จะให้เธอเป็นตัวทดสอบความรักงั้นเหรอ... ฝันไปเถอะ
ก็อย่างที่เธอบอกว่าผู้ชายอย่างนายแพทย์วีรินทร์เป็นพระเอกได้แค่ในนิยายเท่านั้น เธอไม่ใช่นางร้ายในนิยายซะหน่อย ทำไมจะต้องเปลืองตัวเองด้วย ที่สำคัญนารินรดาคนดีคนนี้ไม่คิดอยากได้อยากครอบครองพระเอกอย่างนายแพทย์วีรินทร์แม้แต่นิดเดียว
“ไม่ล่ะ เชิญคุณทำหน้าที่ของคุณได้เลย” ไม่ใช่แค่หน้าตาที่เย็นชาไร้ความรู้สึก น้ำเสียงที่พูดออกมาก็เย็นชาไม่แพ้กัน
นารินรดาที่กลั้นใจรอฟังคำตอบอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงที่พูดจบก็หันหลังเดินอาดๆไปนั่งไขว่ห้างตรงโซฟาหนังลูกวัวสีเงินแบรนด์หลุยส์วิตตองมุมห้อง แต่สิ่งที่นารินรดาไม่รู้ก็คือการมีอยู่ของกระจกเงาบานใหญ่ยักษ์ แน่นอนว่านายแพทย์วีรินทร์เห็นทุกการกระทำของเธอ ทว่าเธอไม่รู้ หรือต่อให้รู้ก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะท่าทางนั้นของเธอถูกเขาเมมโมรี่เอาไว้แล้ว
และไม่ใช่แค่ท่าทาง ดวงตาคู่สวยที่ทอประกายบางอย่างก็ถูกเขาเมมโมรี่เอาไว้เช่นกัน
“ขออนุญาตนะครับคุณนะนาว”
“ค่ะ” นารินรดาพยักหน้าอนุญาต ให้ความร่วมมือในการตรวจเป็นอย่างดี แต่ทว่าในหัวก็ยังไม่หยุดคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี่